การปลูกต้นไม้ในบ้านไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งในช่วงที่หลายคนต้องอยู่ติดบ้าน หลายคนจะโหยหาต้นไม้ในบ้านกันมากขึ้น และในบรรดาต้นไม้ที่คนนิยมปลูกในบ้าน มีชนิดหนึ่งที่สะดุดตาและคนก็เริ่มนิยมขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ ไทรใบสัก’ หรือ Fiddle-leaf fig 

หลายคนอาจจะเคยเห็นต้นไทรใบสักตามร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานที่ต่างๆ ที่ความสูงตั้งแต่ 40 เซนติเมตรไปจนถึง 2 เมตร แต่จริงๆ แล้ว ไทรใบสักเป็นไม้ยืนต้นที่สูงได้ 12-14 เมตรเลยทีเดียว หากปลูกลงดิน แต่จะใช้ระยะเวลาจะนานสักหน่อย ด้วยระยะเวลาการเจริญเติบโตเพียง 5-10 เซนติเมตรต่อปีเท่านั้น

ถ้าจะว่ากันที่สภาพภูมิอากาศ ไทรใบสักนับเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่ายมาก เพราะบ้านเกิดเขาอยู่ที่แถบแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นโซนที่มีสภาพอากาศใกล้เคียงบ้านเรา แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็มักจะประสบปัญหาต่างๆ ในการเลี้ยง ใบร่วง ใบไหม้ ใบเหลือง ผมเองเคยใบร่วงจนหมดต้น 

เมื่อได้ลองทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นจึงพบว่า การเริ่มจากต้นทางที่ดีนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยไทรใบสักที่มีแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างสมบูรณ์มักจะเป็นต้นที่ปลูกแบบเพาะเมล็ด ซึ่งต้องใช้เวลานานนานกว่า ไทรใบสักที่ขายส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นแบบปักชำ ซึ่งตัวต้นไม้จะอ่อนแอ ปลูกให้รอดได้ยาก

แล้วต้นไม้ถูก กับต้นไม้แพง ต่างกันยังไง? 

พื้นฐานเลยของต้นไม้ที่ราคาสูงกว่า คือการเพาะพันธุ์ที่ดี ต้นไม้บางต้นอาจแพงได้ ด้วยการเพิ่มมูลค่าต่างๆ เช่นกระถางที่สวยและแมทช์ไปกับต้นไม้ หรือ ฟอร์มของต้นไม้ที่ใช้เวลาตัดแต่ง จัดทรง จัดฟอร์ม เลยมีต้นทุนของเวลา บางร้านอาจจะเป็นแนวขายส่ง รับมาขายไป แต่เลี้ยงไว้นานจนฟอร์มสวย เลยทำให้ราคาแพง บางครั้งราคาอาจขึ้นอยู่กับความพอใจของคนซื้อและคนขาย และ บางชนิด จะมีพันธุ์ที่เป็นใบด่าง หรือเป็นพันธุ์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวกว่าต้นทั่วไป พูดง่ายๆ คือมีการกลายพันธุ์ หรือ hybrid ก็จะมีราคาสูงขึ้นไปอีก

คราวนี้ก็มาถึงเคล็ดลับการเลือกซื้อไทรใบสัก ก็อยากแนะนำให้ถามที่มาของต้นไม้และวิธีเพาะพันธุ์ตอนซื้อไปเลย แต่ส่วนใหญ่ร้านทั่วไปจะไม่ทราบ เพราะจริงๆ แม่ค้าพ่อค้าแค่รับมาแล้วมาขายต่อเท่านั้น อาจจะไม่ได้มีประสบการณ์การเลี้ยงจริง และแนะนำการเลี้ยงกันแบบผิดๆ มาตลอด จากที่ผมสำรวจและลองซื้อจากหลายเจ้าในตลาดต้นไม้ ในกรุงเทพฯ พบว่าส่วนใหญ่ จะเป็นไทรใบสักที่เพาะพันธุ์โดยวิธีตัดใบมาปักชำแทบทั้งนั้น

ตอนนั้นผมลองซื้อมา 5 ต้นจากหลายร้าน สรุปว่ายังไงก็ไม่รอดครับ จะแดดเยอะ แดดน้อย น้ำน้อย น้ำเยอะ ก็ตาม แต่ด้วยแพสชั่นทั้งหมดที่มี อยากจะเลี้ยงให้รอดให้ได้ ผมก็พยายามหาข้อมูลและหาร้านใหม่ๆ ต่อไป จนพบว่าเราควรเลือกซื้อต้นที่เพาะจากเมล็ด จะแข็งแรงกว่า ต้นไม้เพาะเมล็ดพวกนี้ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากจีน ฟอร์มสวยและโตระดับหนึ่งแล้ว แม้จะราคาสูงกว่า แต่รับรองเลี้ยงรอดแน่นอน

เรื่องแสงที่เป็นคำถามโลกแตก! 

เลือกซื้อกันได้แล้วก็มาต่อกันที่การเลี้ยง 

เวลาขอคำแนะนำจากผู้ขายทีไร ผมเบื่อกับคำพูดที่ว่า “แสงรำไร” ทุกที ส่วนตัวผมคิดว่าแสงรำไรคงไม่มีอยู่จริง และหลายครั้งเวลาไปซื้อ คนขายจะบอกห้องแสงน้อยแค่ไหนก็เลี้ยงรอดทั้งนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่รอด 

จริงๆ แล้วไทรใบสักต้องการแสงแค่ไหน ผมจะขอเล่าจากประสบการณ์ในการปลูกให้ฟังครับ

หากห้องหรือพื้นที่ที่จะเลี้ยงไทรใบสัก มีแสงไม่มากพอที่จะสามารถทำให้เรายืนแล้วมีเงาได้ หรือเป็นห้องที่แม้ตอนกลางวันก็ยังต้องเปิดไฟ ขอให้หาที่ใหม่ครับ เพราะไม้ใบนั้นรักแสงเป็นชีวิตจิตใจ และอย่าคิดว่าตั้งไว้ในที่มืดๆ ได้ แล้วค่อยเอาออกไปตากแดดอาทิตย์ละครั้งอะไรแบบนั้นเชียว ต้นไม้เขาปรับตัวไม่ทัน เหนื่อยเราอีก 

ส่วนตัวผมชอบให้แสงอยู่ที่ประมาณ 50-60 % หากเทียบจากแดดจ้าๆ จะได้ใบที่เขียวเข้มกำลังดี เพราะปริมาณของแสงมีผลต่อสีของใบด้วย ถ้าแดดจัดมากใบจะเขียวอ่อนกว่า แต่ถ้าแดดน้อยเกินไปก็มีสิทธิไม่โตครับ

รดน้ำอย่างไร?

ส่วนเรื่องน้ำที่หลายคนกังวล แน่นอนว่าการรดน้ำเยอะเกินไปก็ไม่ดีต่อต้นไม้ อย่างนี้แล้ว แค่ไหนล่ะถึงเหมาะสม? 

จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมแนะนำให้รด 1ครั้ง จนมั่นใจว่าน้ำซึมถึงก้นกระถาง และ ปล่อยไปเลยสัก 3-4 วันค่อยมาเช็คความชื้นดู ด้วยการเอานิ้วจิ้มลงไปในดินสักครึ่งนิ้วชี้ ถ้ายังชื้นอยู่ยังไม่ต้องรดน้ำครับ หรือไม่ เดี๋ยวนี้มีพวก water meter วางขาย ใครที่อยากจริงจังลองไปซื้อกันได้ครับ 

บางทีปริมาณของน้ำที่ต้นไม้ต้องการจะขึ้นอยู่กับปริมาณแสงหรือพื้นที่นั้นๆ ด้วย หากอยู่ในที่แสงจัด ก็จะต้องรดน้ำบ่อยขึ้น ต้องลองหาจุดที่เหมาะสมดูครับ

แล้วต้องเปลี่ยนดินไหม? 

แนะนำว่า ให้ใช้ดินเดิมจากร้านไปก่อนครับ ผมเองยังไม่เคยเปลี่ยนดินเลย ใช้วิธีเติมแร่ธาตุ เติมปุ๋ยในดิน แต่หากจะเปลี่ยนกระถางและมีพื้นที่ว่างต้องเติมดิน ให้เติมด้วยดินผสมมูลใส้เดือนและกาบมะพร้าว ส่วนตัวผมชอบย่อยตัวกาบมะพร้าวให้ละเอียดขึ้นอีกหน่อย และจะมีถังผสมดินไว้ผสมด้วยก่อนเอาลงไปเติม แนะนำให้ผสมสัดส่วน ดิน 70 กาบมะพร้าว 30 จะเหมาะกับไทรใบสัก ไม่ต้องกดแรงเกินไปแน่นเกินไปเพราะจะทำให้น้ำระบายไม่ดี และที่สำคัญอย่าลืมพรวนดินบ้าง ให้น้ำใหลผ่านได้ดีขึ้นครับ

หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้และหาต้นไม้ที่ถูกใจมาแต่งบ้านได้นะครับ

Tags: ,