‘สงกรานต์ = วันขึ้นปีใหม่ของไทย’

คำกล่าวข้างต้น ถือเป็นความรู้เบื้องต้นในบทเรียนเกี่ยวกับประเพณีไทย ทว่าความจริงอีกด้านที่ไม่ค่อยถูกบรรจุลงในหนังสือเรียนวิชาสังคมศึกษา คือสงกรานต์ไม่ได้เป็นของคนไทยเพียงชาติเดียว แต่เป็นวัฒนธรรมร่วมของทุกชนชาติที่รับเอาศาสนาพุทธมาเป็นความเชื่อหลัก

ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มชาติพันธุ์ ‘ไทใหญ่’ หรือ ‘ชาวไต’ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่รัฐฉานของเมียนมาและตอนใต้ของจีนด้วย

หากอ้างอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีชาวไทใหญ่อพยพเข้ามาในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่เดิมมี ‘วัดดอนกุหล่า’ เป็นศูนย์กลางสำคัญ จนกระทั่งปี 2517 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่วัดดอนกุหล่า ทำให้ชุมชนไทใหญ่ในกรุงเทพฯ ขาดศูนย์รวมจิตใจไปชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็สามารถรวมตัวสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมขึ้นใหม่ในเขตสาธุประดิษฐ์เมื่อปี 2520

นั่นคือสาเหตุที่สถานที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจแห่งใหม่นี้ มีชื่อเรียกว่า ‘วัดใหม่สาธุประดิษฐ์’

โดยประเพณีสำคัญที่มักจะจัดอย่างยิ่งใหญ่แทบทุกปีนับตั้งแต่ก่อตั้งวัด หนีไม่พ้น ‘งานบุญสงกรานต์’ ซึ่งห่างห่ายไปนานถึง 3 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากการผ่อนปรนมาตรการ ก็ได้กลับมาจัดอีกคราในปีนี้

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในซอยสาธุประดิษฐ์ 44 ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของวัด ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 13 เมษายน บรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไปฉับพลันราวกับต้องมนต์สะกด อาจด้วยภาษาที่ไม่คุ้นหู ตัวหนังสือที่ดูไม่คุ้นชิน อาหารสองข้างทางที่หน้าตาไม่คุ้นเคย หรือเครื่องแต่งกายประจำชาติสีสันลวดลายสะดุดตาของผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ทั้งมวลชวนนึกจินตนาการว่า ได้หลุดเข้ามาในย่านเล็กๆ ย่านหนึ่งในเมียนมา

โชคดีที่ชาวไทใหญ่ทุกคนที่เราได้พูดคุยด้วยในวันนั้น สามารถสื่อสารภาษาไทยได้คล่องแคล่วฉะฉาน เพราะบางคนใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยนานกว่าที่เมียนมา ขณะที่เด็กๆ หลายคนก็เกิดและเติบโตที่นี่ มีกรุงเทพฯ เป็นบ้านหลังแรก และแม้จะไม่ได้รับสัญชาติไทย แต่พวกเขากลับคุ้นเคยที่นี่ยิ่งกว่าถิ่นกำเนิดเดิมในเมียนมาเสียด้วยซ้ำ หากจะเปรียบเทียบความต่างกับเด็กไทยทั่วไป ก็ตรงที่นอกจากภาษาไทยแล้ว ยังสามารถพูดภาษาไทใหญ่ได้

“ใหม่สูงปี๋ใหม่”

คือคำแรกที่จับความได้จากการแอบฟังหนุ่มสาวในชุดพื้นเมืองไทใหญ่สีสันสดใส ที่กำลังยืนพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันบริเวณใต้ถุนของศาลา สืบรู้ทีหลังหากแปลเป็นไทยจะมีความหมายว่า ‘สวัสดีปีใหม่’

หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลานำดอกไม้ ธูปเทียน และชุดสังฆทาน ขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ของศาลา เพื่อกราบพระ สวดมนต์ ฟังเทศน์ และถวายปัจจัย เมื่อหมดรอบพิธีก็กลับลงมาที่ชั้นล่าง สรงน้ำพระให้เรียบร้อย เดินเที่ยวเตร่ซื้อของตามร้านรวงต่างๆ และก่อนกลับก็ต้องไม่ลืมแวะหามุมถ่ายเซลฟีเก็บความทรงจำ ไม่ให้เสียเปล่าที่ลงทุนตัดเสื้อผ้าสไตล์พื้นเมืองไทใหญ่สำหรับใส่ในวันสงกรานต์โดยเฉพาะ

ฟังดูเผินๆ แทบไม่ต่างอะไรกับพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่เราพบเห็นในวัดไทยทั่วไป และความจริงชาวไทใหญ่เหล่านี้ สามารถเข้าร่วมพิธีในวัดละแวกใกล้บ้านได้ไม่เคอะเขิน

ทว่าสาเหตุที่พวกเขาต้องตื่นแต่เช้าหอบหิ้วของพะรุงพะรัง เดินทางไกลเข้ามายังใจกลางกรุง บ้างจากหนองแขม บ้างจากบางบอน บ้างจากดอนเมือง บ้างจากคลองสามวา เพียงเพื่อที่จะทำบุญที่วัดใหม่สาธุประดิษฐ์เท่านั้น คงเป็นเพราะจิตใจของคนเราจะอิ่มเอมผ่องใสที่สุด ก็ต่อเมื่อได้อยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมที่คุ้นเคย ได้สวดมนต์และฟังเทศน์เป็นภาษาของตน รวมถึงได้พบปะสังสรรค์กับคนกันเอง ในแบบที่ไม่สามารถหาได้ที่วัดอื่น

Tags: , ,