ภาพชุดเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือภาพ SUN EMBRACES THE SOIL ของ ชลิต สภาภักดิ์ ที่เปรียบหนังสือภาพเหล่านี้ เป็นดั่งบันทึกชีวิตและความทรงจำส่วนตัวในจังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านการเติบโต และโมงยามที่เดินไปข้างหน้า ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในปี 2549 การทำงานพาร์ตไทม์เพื่อเก็บเงินซื้อกล้องตัวแรก และการกลับบ้านพร้อมกับฟิล์ม Kodak ProImage 100 เป็นฟิล์มเนกาทีฟราคาถูกที่สุดในร้านขายฟิล์มในสมัยนั้น
ทั้งช่วงเวลาชีวิตและความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองที่ทุกอย่างล้วนไม่หยุดนิ่ง จากเดิมเขาเคยเดินบนคันนาฝ่าดงหญ้าคา หามุมถ่ายรูปก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ในทุ่งนาโล่งๆ ไร้จุดสนใจ ยกเว้นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งบนคันนาของใครก็ไม่รู้ที่อยู่ห่างออกไป ที่มองเห็นพระอาทิตย์ดวงเล็กกำลังโผล่พ้นขอบฟ้าพอดีกับต้นไม้ต้นนั้น และนั่นคือภาพถ่ายใบแรกที่เขาบันทึกไว้ในฐานะความทรงจำวัยเยาว์ และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางไกลไปกับกล้องถ่ายภาพ
วันเวลาล่วงเลยไป 30 ปี สิ่งที่เคยอยู่ในความทรงจำในบ้านเกิดของเขาก็เริ่มหายไปและมีสิ่งใหม่เข้ามาทดแทน หรือบางครั้งก็หลงเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า
“เหมืองหน้าบ้านที่เคยเป็นที่ฝึกหัดว่ายน้ำ กลายเป็นท่อส่งน้ำเสียไปแล้ว ต้นไม้ที่เคยหนาแน่น กลายเป็นทุ่งโล่งที่มองได้ไกลสุดสายตา สิ่งที่สะดุดตาเพียงอย่างเดียวคือ เสาสัญญาณโทรคมนาคม กลิ่นควันไฟในครัวมีน้อยลงไปมากแล้ว แต่เปลวไฟในไร่อ้อยช่วงฤดูแล้งยังคงลุกโชนอยู่เสมอ ควันดำโขมงยังลอยล่องไปทั่ว รถอัดฟางวิ่งว่อนไปทั่วท้องนา และเปลวไฟก็ยังปรากฏอยู่ไม่ขาด กอไผ่ที่เคยตัดมาเหลาทำว่าวหรือเบ็ดตกปลาก็หายไปจากริมเหมืองแล้ว ป่าขนาดย่อมที่เคยใช้หาผลไม้หรือตีผึ้งก็กลายเป็นลานจอดรถและบ้านเรือน ต้นมะม่วงที่เคยปีนเล่นกลายเป็นฟืนและเถ้าถ่าน บ้านเรือนใหม่ๆ ผุดขึ้นมากมาย ผู้คนแปลกหน้าก็เพิ่มขึ้น
“กระทั่งบางครั้งผมเองก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับบางคนในหมู่บ้านเช่นกัน หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว”
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชลิตยังคงนำกล้องออกเดินทางไปกับเขาเสมอเพื่อบันทึกเรื่องราวรอบตัวที่บ้านเกิด ผสมผสานกับจินตนาการส่วนตัวจากการฟังเรื่องราวในอดีตจากแม่ พร้อมกับย้อนความทรงจำวัยเด็ก ตลอดจนการจดบันทึกพัฒนาการและวิถีชีวิตคนในปัจจุบัน ทำให้เห็นพลวัตหลายด้าน เช่น ทุ่งนาที่เคยเปลี่ยวเหงาในฤดูแล้งกลายเป็นสนามแข่งรถวิบาก วัวฝูงใหญ่เดินเล็มหญ้าในลำคลองที่แห้งผาก ปุ๋ยและสารเคมีในไร่ดอกดาวเรือง และเรื่องราวอีกมากมายทั้งความรัก ความฝัน ความหวัง กระทั่งความพ่ายแพ้ภายใต้แสงแดดร้อนแรงที่โอบกอดผืนดินที่หล่อเลี้ยงผู้คนให้เติบโต
SUN EMBRACES THE SOIL คืองานภาพถ่ายที่ทำให้ชลิตได้กลับมามองสิ่งใกล้ตัวอีกครั้งหลังเดินทางไกลไปหลังคาโลกกับ LIKE A STONE เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่เขากล่าวว่า “ชีวิตผมวนเวียนอยู่อย่างนี้ เดินทางไกลแล้วกลับมาอยู่บ้านนิ่งๆ เป็นจังหวะชีวิตที่ผมพอใจมาก งานชุดนี้สร้างขึ้นโดยไม่มีโจทย์จากลูกค้า ไม่มีข้อจำกัดจากใคร เป็นเรื่องเล่าที่ผมเลือกจะเล่า และเล่าในความรู้สึกของตัวเอง”
ภาพชุดนี้เป็นภาพบางส่วนจากหนังสือภาพ SUN EMBRACES THE SOIL สนใจข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือภาพเพิ่มเติมได้ทาง
https://www.instagram.com/chalit.saphaphak