มนุษย์ดำรงอยู่ด้วย ‘ความเชื่อ’ เปรียบเสมือนอาหารทางจิตวิญญาณ หล่อเลี้ยงวิธีคิดและวิถีชีวิต มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล เมื่อมนุษย์เชื่อว่า ‘ไฟ’ คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไฟดวงแรกที่ถูกจุดติด จึงเปลี่ยนชีวิตของมนุษยชาติไปตลอดกาล เมื่อมนุษย์เชื่อว่า ‘ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ’ คืออภินิหารจากทวยเทพ แหล่งโบราณสถานอันน่ามหัศจรรย์ อาทิ  มหาพีระมิดแห่งกีซา (The Great Pyramid of Gyza) มาชูปิกชู (Machu Picchu) ชิเชนอิตซา (Chichen Itza) และบุโรพุทโธ (Borobudur) จึงถูกสร้างขึ้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่น 

ความเชื่อสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ หลอมรวมผู้คนต่างเชื้อชาติและถิ่นที่อยู่ ขอเพียงแค่มีความเชื่อร่วมกัน มนุษย์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงหรือทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ได้ ทว่าความศรัทธาคือดาบสองคม ถึงแม้ความเชื่อสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันมันก็สามารถทำลายและเข่นฆ่าได้เช่นกัน

The Momentum พาส่องประวัติศาสตร์ ‘ความศรัทธา’ ผ่านโศกนาฏกรรมในอดีต ที่ผู้คนเคยสังเวยชีวิตเพื่อบูชาความเชื่อของตนเอง จนนำไปสู่การฆาตกรรมและความตาย

ลัทธิประตูสวรรค์ (Heaven’s Gate)

ค่ำคืนหนึ่งในปลายเดือนมีนาคม 1997 ขณะที่ดาวหางเฮล-บอปป์ (Comet Hale Bopp) กำลังโคจรเข้าใกล้โลก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบศพจำนวน 39 ศพ ประกอบไปด้วยผู้หญิง 21 ศพ และผู้ชาย 18 ศพ ภายในอาคารแห่งหนึ่งที่เมืองซานติเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดสีดำและรองเท้าผ้าใบสีดำ บริเวณพื้นที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือการต่อสู้ ราวกับว่าพวกเขาแค่นอนหลับไปเฉยๆ ก่อนที่เรื่องราวจะถูกเฉลยว่าเบื้องหลังความตายของพวกเขาน่าสลดหดหู่อย่างไร

มาแชล แอปเปิลไวท์ (Marshall Applewhite) ศาสตราจารย์ด้านดนตรีได้พบกับพยาบาลสาว บอนนี่ เน็ตเติลส์ (Bonnie Nettles) ที่มีความหลงใหลเรื่องมนุษย์ต่างดาวเหมือนกัน ในเวลาต่อมาทั้งสองได้ก่อตั้งลัทธิชื่อว่า ‘ลัทธิประตูสวรรค์’ (Heaven’s Gate) ที่เชื่อว่ามียานอวกาศนอกโลกสามารถพาพวกเขาไปยังดินแดนแห่งสวรรค์ แอปเปิลไวท์และเน็ตเติลส์ได้ชักชวนคนจำนวนหนึ่งจากรัฐโอเรกอน ให้ทิ้งครอบครัวและทรัพย์สินเพื่อย้ายไปที่รัฐโคโลราโด เพราะพวกเขาเชื่อว่าร่างกายมนุษย์เป็นเพียงภาชนะเท่านั้น มนุษย์สามารถละทิ้งกายเนื้อเพื่อไปอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้น พวกเขาเฝ้ารอวันที่จะได้ผ่านขึ้นประตูสู่สรวงสวรรค์อยู่เนิ่นนาน แต่ไม่มียานอวกาศลำใดผ่านมาพาพวกเขาไปยังดินแดนแห่งนั้น ทำให้สมาชิกถอนตัวไปหลายคน และในปี 1985 บอนนี่ เน็ตเติลส์ พยาบาลผู้ร่วมก่อตั้งลัทธิก็เสียชีวิตลง

กระทั่งในปี 1995 ลัทธิประตูสวรรค์ก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังมีข่าวการค้นพบดาวหางเฮล-คอปป์ที่กำลังจะเคลื่อนผ่านโลก แอปเปิลไวท์ได้รวบรวมสมาชิกใหม่อีกครั้ง ด้วยความเชื่อว่ามียานอวกาศแอบซ่อนอยู่ด้านหลังดาวหางเฮล-คอปป์และกำลังเดินทางมายังโลก เพื่อรับพวกเขาไปยังดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ แอปเปิลไวท์ได้เริ่มแผนการเดินทางสู่นอกโลกของเขา ด้วยการใส่ยาพิษลงในวอดก้า แจกจ่ายให้เหล่าสาวกดื่ม ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงและจากไปอย่างสงบ พร้อม ๆ กับเหล่าสาวกอีก 38 คน ซึ่งนับเป็นการฆ่าตัวตายหมู่ที่น่าสลดหดหู่ในประวัติศาสตร์ 

ลัทธิฟื้นฟูพระบัญญัติ 10 ประการแห่งพระผู้เป็นเจ้า (Restoration of the 10 Commandments of God)

ปลายทศวรรษ 1980 โจเซฟ คิบเวเทียร์ (Joseph Kibweteere) นักการเมืองชาวอูกันดา ผู้ใกล้ชิดกับคริสตจักรคาทอลิก และอดีตโสเภณีที่อ้างว่าเธอนิมิตเห็นพระแม่มารี เครโดเนีย เมอรินด์ (Credonia Mwerinde) ร่วมกันก่อตั้งลัทธิฟื้นฟูพระบัญญัติ 10 ประการแห่งพระผู้เป็นเจ้า (Restoration of the 10 Commandments of God) พวกเขานับถือและปฏิบัติตามคำสอนของพระคัมภีร์ไม่ต่างจากนิกายคาทอลิกทั่วไป มีเพียงหลักความเชื่อบางประการที่แตกต่าง โดยโจเซฟและเครโดเนียอ้างว่า วาระสุดท้ายของโลกกำลังใกล้เข้ามา พระเจ้าจะพิพากษาและกวาดล้างมนุษย์ ในวันที่ 1 มกราคม 2000 พวกเขาอ้างว่าตัวเองเปรียบเสมือน ‘เรือโนอาห์’ ที่จะนำพาทุกคนสู่หนทางรอด ตลอดระยะเวลาการเผยแพร่ลัทธิความเชื่อ พวกเขาสามารถรวบรวมสมาชิกได้สูงสุดถึง 4,000 คน

คิบเวเทียร์ เมอรินด์ และเหล่าสาวก ร่วมกันสร้างชุมชนเล็กๆ ขึ้นที่เมืองคะนุงุ (Kanungu) ประเทศยูกันดา พวกเขาช่วยกันสร้างโรงเรียนและบริหารจัดการทุกอย่างกันเองภายในชุมชน ตลอดระยะเวลาการมีอยู่ของลัทธิดังกล่าว ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงกล่าวว่า พวกเขาดูเป็นมิตรและไม่เคยรบกวนใคร ถึงแม้นักข่าวท้องถิ่นจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการกักขังหน่วงเหนี่ยวและการใช้แรงงานเด็กก็ตาม กระทั่งหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงปี 1998

ผู้นำลัทธิชี้นำให้เหล่าสาวกสละข้าวของเครื่องใช้และทรัพย์สิน เพื่อเตรียมตัวกับการมาถึงของวันโลกาวินาศ ทว่าเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2000 มาถึง กลับไม่มีปรากฏการณ์ใดเกิดขึ้น ตามที่คำนายได้กล่าวไว้ เหล่าสาวกจึงเกิดความไม่พอใจและเริ่มตั้งคำถามต่อลัทธิ ทำให้สมาชิกลดลงเป็นอย่างรวดเร็ว ด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นและการเรียกร้องให้คืนเงินบริจาค ทำให้โจเซฟและเครโดเนียต้องออกมาประกาศว่า วันสิ้นโลกถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 17 มีนาคม 2000 แทน 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2000 เดินทางมาถึง คิบเวเทียร์ เมอรินด์ และเหล่าสาวก ใช้เวลาทั้งวันในการร้องเพลงและเฉลิมฉลองกันภายในโบสถ์ ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังขึ้น เปลวไฟลุกท่วม เสียงกรีดร้องดังระงม การระเบิดคร่าชีวิตผู้คนภายในโบสถ์ไปกว่า 513 คน ซึ่งมีทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนแก่ 

หลังจากเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว ตำรวจยังตรวจพบศพอีก 153 ศพ ในที่ดินของหนึ่งในผู้นำลัทธิ และพบอีก 81 ศพ ในที่ดินของโจเซฟ จากการเก็บหลักฐานและเข้าสู่กระบวนการชันสูตรพบว่า ผู้เสียชีวิตเหล่านี้ถูกวางยาพิษและถูกแทง บางรายเสียชีวิตได้เพียง 3 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุระเบิด ในปัจจุบันยังคงเป็นที่ถกเถียงว่านี่เป็นเพียงการฆ่าตัวตายหมู่คล้ายกลุ่มคนคลั่งลัทธิส่วนใหญ่ หรือเป็นการฆาตกรรมหมู่กันแน่ 

คริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียที่แท้จริง (True Russian Orthodox Church)

ในเดือนพฤศจิกายน 2007 หญิงสาว 7 คนได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ หลังจากพวกเธอซ่อนตัวอยู่ในถ้ำเป็นระยะเวลาหลายเดือน ‘เพื่อรอวันสิ้นโลก’

แนวคิดนี้เริ่มมาจาก ปีเตอร์ คุซเนตซอฟ (Pyotr Kuznetsov) อดีตสถาปนิกที่เดินทางไปทั่วรัสเซีย เพื่อเผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับวันสิ้นโลก โดยเขาอ้างว่าแนวคิดของตนแยกตัวออกมาจากคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย คุซเนตซอฟสั่งให้เหล่าสาวกของเขาจำนวน 30 คน หลบซ่อนอยู่ภายในถ้ำใกล้หมู่บ้านแถบชนบทของประเทศรัสเซีย จนกว่าโลกจะแตกในปี 2008 และเขาสั่งห้ามเหล่าสาวกไม่ให้รับประทานอาหารแปรรูป ไม่แตะต้องเงินทอง บัตรเครดิต หรือแม้กระทั่งบาร์โค้ด เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นสิ่งชั่วร้ายจากซาตาน โดยระหว่างการหลบซ่อนภายในถ้ำ คุซเนตซอฟไม่ได้อยู่ภายในถ้ำกับเหล่าสาวกด้วย เนื่องจากเขาถูกตำรวจจับกุม ถึงแม้ไม่มีคุซเนตซอฟ เหล่าสาวกที่เชื่อในวันสิ้นโลกก็ยังคงปักหลักอยู่ในถ้ำต่อไปและตั้งมั่นในอุดมการณ์ พวกเขาขู่ว่าหากเจ้าหน้าที่รุกล้ำเข้ามาแทรกแซง จะฆ่าตัวตายหมู่ในทันที ทำให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้

กระทั่งเดือนมีนาคม ในปี 2008 ผู้หญิงจำนวน 7 คน ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่  อีก 3 วันถัดมา สมาชิกจำนวน 14 คน ก็ทะยอยออกมา เนื่องจากผนังถ้ำบางส่วนพังทลายลง และวันที่ 16 มีนาคม 2008 สมาชิก 9 คนสุดท้ายก็ตัดสินใจออกมา พวกเขาไม่สามารถทนควันพิษที่เกิดจากศพได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตภายในถ้ำจำนวน 2 ราย ซึ่งคนหนึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ขณะที่อีกคนเสียชีวิตจากการขาดอาหาร

ระหว่างนั้นคุซเนตซอฟถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าเขาพยายามที่จะฆ่าตัวตายหลายครั้ง หลังจากที่พบว่าคำทำนายวันสิ้นโลกของเขาผิดพลาด และในปีต่อมาคุซเนตซอฟถูกวินิจฉัยว่าเป็น ‘โรคหวาดระแวง’ (Paranoia) และต้องได้รับการรักษาระยะยาว

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งบนหน้ากระดาษแห่งประวัติศาสตร์ ที่บันทึกเรื่องราวความพิกลพิการทางความคิดที่ถูกบิดเบือนจากความศรัทธาจนเกินไปในใจมนุษย์ ทว่าไม่ผิดที่เราจะเชื่อในอะไรบางอย่าง ไม่ผิดที่เราจะถวายหัวใจเพื่ออะไรบางสิ่ง เพราะมนุษย์ดำรงอยู่ด้วยความเชื่อ ต่อให้คุณเป็นอเทวนิยม ไม่เชื่อศาสนาใดเลยในโลก ไม่เชื่อศาสตร์แห่งดวงดาวและโชคชะตา แต่ฉันพนันได้เลยว่าอย่างน้อย คุณ ‘เชื่อ’ ในหลักการวิทยาศาสตร์ ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็น ‘ความศรัทธา’ รูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อในอะไร จงตระหนักไว้ว่ามันสามารถซ่อมสร้างและเข่นฆ่าคุณได้เสมอ 

ที่มา:

https://www.history.com/this-day-in-history/heavens-gate-cult-members-found-dead

https://www.swordandscale.com/movement-for-the-restoration-of-the-ten-commandments-of-god/

https://www.cosmopolitan.com/entertainment/a10309417/scariest-cult-stories/

Tags: , , , , , , , , ,