หากพูดถึงการพัฒนาเมือง คำว่า สมาร์ตซิตี้ (Smart City) น่าจะเป็นคำที่คนทั่วไปคุ้นเคยและได้ยินบ่อยที่สุดคำหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ด้วยความที่เป็นคำที่ข้องเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในหลายด้าน จากการประยุกต์นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาผสานกับการใช้ชีวิตของประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมือง
เช่นเดียวกับหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก ประเทศไทยเองก็มีเป้าหมายในการพัฒนาสมาร์ตซิตี้หรือเมืองอัจฉริยะ โดยคัดเลือกเมืองต้นแบบ 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
อย่างไรก็ตามจังหวัดที่น่าจะคืบหน้าและไปไกลที่สุด หนีไม่พ้น ‘ขอนแก่น’ เมืองใหญ่ทางภาคอีสานที่การพัฒนาเริ่มต้นและเป็นรูปเป็นร่างด้วยฝีมือของภาคเอกชน
กลุ่มภาคส่วนหลักที่คอยขับเคลื่อนเรื่องนี้คือ บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด (KKTT) บริษัทที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มธุรกิจในจังหวัดขอนแก่นกว่า 20 บริษัท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดตนเองในเชิงออกแบบและพัฒนาเมือง ผลักดันให้ขอนแก่นเติบโตอย่างถูกทิศทาง และกลายเป็นเมืองแห่งอนาคต โดยเริ่มต้นจากการทำ ‘รถไฟฟ้ารางเบา’ (LRT)
หนึ่งในตัวตั้งตัวตีคือ เฮียจิง-สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ทายาทรุ่นที่สองของ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ภาพฝันของเขาพาขอนแก่นให้ไปไกล โดยใช้ ‘รถไฟฟ้ารางเบา’ เป็นจุดเริ่มต้น และหากทำสำเร็จ รถไฟฟ้ารางเบาจะเป็น ‘เครื่องมือแก้จน’ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในเมือง ไปพร้อมกับการสร้างคู่มือ ‘ขอนแก่นโมเดล’ พัฒนาเมืองเพื่อเป็นต้นแบบสำหรับเมืองอื่นๆ และพากันพัฒนาทั้งองคาพยพ
วิสัยทัศน์ การลงมือทำ ความมุ่งมั่น กล้าได้กล้าเสีย ที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทสนทนาของเฮียจิง ทำให้เราทั้งสนุกและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันว่า ภายใต้การผลักดันของกลุ่ม ขอนแก่นในอนาคตจะมีหน้าตาเป็นแบบไหน
แน่นอนว่าทั้งหมดอยู่ภายใต้จุดร่วมเดียวกัน คือความรักที่มีต่อขอนแก่น และอยากเห็นเมืองเติบโตไปอย่างยั่งยืนในอนาคต แบบที่ทุกคนพึ่งพาตัวเองได้ โดยมีเมืองเป็นจุดศูนย์กลางในการใช้ชีวิต
อยากให้คุณช่วยอธิบายคอนเซปต์ของการทำรถไฟฟ้ารางเบาในขอนแก่น เป็นมาอย่างไร เริ่มต้นมาได้อย่างไร
ประเทศเราส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องวัตถุประสงค์ ผมเรียนจบที่ญี่ปุ่นมา ที่นั่นส่วนใหญ่จะมี Business Purpose ในการทำธุรกิจ เช่น รถราง (Tram) ไม่ใช่แค่รถราง ปากกา Pilot ไม่ใช่แค่ปากกา Pilot แต่ปากกา Pilot กำลังจะเปลี่ยนโลก ต้องมีวัตถุประสงค์แบบนี้ แต่บ้านเรามองวัตถุเป็นแค่วัตถุ เช่น รีโมตคือรีโมต ไม่ใช่เครื่องสร้างความสุข เครื่องสร้างธรรมะ หรืออะไรก็ตาม บ้านเราไม่ได้มองลึก เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่จึงไม่มี Business Purpose ตั้งแต่บนจนถึงล่าง
ดังนั้นขอนแก่นจึงไม่ได้ทำแค่รถราง แต่เราทำเครื่องมือเพื่อดิสรัปต์ประเทศนี้ แต่ก่อนหน้านี้ เรื่อง ‘ท้องถิ่น’ คือไม่มีใครดูแลท้องถิ่นจริง แต่หากินกับท้องถิ่น พวกผมก็เลยมารวมตัวกัน เปิดบริษัท ออกเงินกันเอง ไม่รับบริจาค จนกลายมาเป็นบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง
พอเสร็จแล้วก็สร้างเมืองเป็นสินค้าใหม่ สร้างขอนแก่นให้เป็นสินค้าใหม่ คือถ้าคนโง่ทำสิ่งเดิมๆ แล้วหวังผลลัพธ์แตกต่าง ขอนแก่นก็ทำแพลน 20 ปี เป็น Snowball (การบริหารธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการจัดการหนี้ก้อนเล็กก่อน) ตอนนี้ถึงลูกที่ 4 แล้ว กลิ้งลงมาเรื่อยๆ
พวกผมไม่ได้ทำอะไรมากมาย ข้อแรกคือ โปร่งใส เรดาร์กราฟของความโปร่งใสต้องกลม ต่อมาคือ คนจนต้องหาย และสิ่งที่สำคัญคือ ความเท่าเทียมของโอกาส หมายถึงโอกาสของมนุษย์ในพื้นที่ต้องเท่าเทียมกัน
นี่คือมุมกว้าง KKTT มาได้อย่างไร ก็ต้องใช้ไดอะล็อกเสาแรก คือคุยกันเป็นเพื่อนกันนานๆ จนเริ่มเข้าใจว่า ไอ้บ้านี่ไม่หลอกเราแน่ มันรักเมือง คน 25 คนจะเอาเงินมาลงกัน 10 ล้านบาท มันต้องคุยกันจนรู้สึกว่า ลุยเว้ย บางทีงัดกันบ้าง ไม่เป็นไร ถ้ารักเมืองก็ช่วยพากันเดินไป อีโก้ต้องลดลง มันคือเสาหลักที่ค้ำจุนเรา เพราะเราไม่ได้ค้ำจุนด้วยแค่ NGO ทื่อๆ เรามีวิชาการคือสมาร์ตซิตี้ มีเรื่อง Sustainable Development ก็คือ 3 Bottom Line 
รู้ไหมว่าวันนี้ตัวเลขประเทศไทยแย่นะ เราเรียก Bottom 40 (กลุ่มประชากร 40% ที่มีรายได้น้อยที่สุดในประเทศ) คือ คน 26 ล้านคนได้เงิน 5,300 บาทต่อเดือน ลองคิดดู ถ้าผมเป็นรัฐบาลแล้วทำเงินเดือนจาก 5,300 บาท เป็น 1.5 หมื่นเป็น 1.6 หมื่นหรือ 2.0 หมื่นบาท ขนาดเศรษฐกิจเราก็โตขึ้นใช่ไหม ฉะนั้นนี่คือ Pain Point แรก
Pain Point ที่ 2 คือ ก่อนหน้านี้ งบประมาณแผ่นดินเราจะผ่านสภาฯ ใช่ไหมที่ 3 ล้านล้านบาท แต่เอาเข้าจริง เรามีงบพัฒนาแค่ 4 แสนล้านบาทเอง ซึ่งถ้าเป็นการหารยาวถือว่าเยอะนะ เอางบ 4.6 แสนล้านบาทหารยาวเลย ได้จังหวัดละ 6,000-7,000 ล้านบาท แต่ผลปรากฏว่า งบอยู่แถวกรุงเทพฯ หมดเลย ทั้งเงิน ทั้งโครงการ
ทำไมกรุงเทพฯ ขุดรถไฟ 10 สายได้ ทั้งที่เป็นภาษีกู แต่กูอยู่ขอนแก่นไม่ได้นั่งรถไฟด้วย ผมเคยทำงานอยู่กับ ขสมก.ก็พบว่า ขสมก.เอาภาษีทั้งประเทศไปเบิร์นเป็นแสนแสนล้าน แล้วจะแก้ไขยังไงดี
เราเคยไปคุยกับลุงตู่ตอนมาขอนแก่นว่า อยากพัฒนาจังหวัดตัวเอง เขาบอกว่าไม่มีงบ แต่เราบอกว่า ขอกระดาษ ไม่ได้ขอเงิน ลุงตู่ก็เลยเขียนกระดาษให้ เราไม่ได้บอกว่าขอนแก่นทำรถไฟฟ้า แต่ขอนแก่นทำแพลตฟอร์มการพัฒนาของภูมิภาคในอนาคต เพราะถ้าบอกว่าขอนแก่นทำรถไฟฟ้า ก็จะมีคำถามว่าทำรถไฟฟ้าแล้วยังไงต่อ แต่การที่จะทำรถไฟฟ้าได้ มันต้องเกิดจากแพลตฟอร์มของการทำงานในกระดาษ 6 ใบ พอมีรถไฟ อีก 144 โครงการก็เกิดขึ้นต่อได้
ทำไมคนรวยถึงรวย ผมบอกเลยว่าไม่ได้รวยเพราะขายเหล้าเก่ง ขายไก่เก่ง แต่รวยเพราะตลาดทุน รวยเพราะตลาดหุ้น เนื่องจากมึงขายของดีและเอาความเป็นตลาดหุ้นมาในบริษัทมึง มึงก็เลยรวย บริษัทผมอยู่ในตลาด ผมรู้
ทีนี้เราเอาตลาดทุนไปแบ่งคนจนได้ไหม เราขอรัฐบาลตั้งบริษัทจำกัดของท้องถิ่นแล้ว ฉะนั้นพอยต์ถัดไปคือ ไปคุยกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เอาคนจนมารวมกันทำเป็นกองทุนผู้มีรายได้น้อย อย่างผมเป็นอาจารย์ เห็นคนจนซื้อหวย 800 บาทต่อเดือน ผมก็บอกให้ซื้อหวยครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเอามาสะสมกองทุน ซึ่งกองทุนนี้คือ เอาไปถือหุ้นในบริษัทที่หนึ่งคือ KKTT ในราคาพาร์ (Par Value) ให้โอกาสคนจนได้ราคาต่ำสุด เหมือนให้คนจนเป็นเจ้าของบริษัทตลาดหลักทรัพย์ไปเลย พอโครงการของบริษัทที่หนึ่งเริ่มดำเนินงานก็เอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ พอเข้า หุ้นก็ขึ้น พอหุ้นขึ้น คนจนก็ได้ด้วย เพราะถือหุ้นในราคาเจ้าของ
ถ้าทำสำเร็จจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง
จะเกิดอิมแพกต์เป็นวงกว้าง คือคนจนได้เงิน 2 แสนบาท ซึ่งจากการวิจัย เงินที่ได้ 2 แสนบาท ก้อนแรกคือปลดหนี้นอกระบบ ถัดไปเอาไปทำเรื่องการศึกษาบุตรหลาน มันแก้ปัญหาใหญ่ของประเทศได้ 2 ข้อทันที ด้วยน้ำมือเขาเอง มันมี Sense of Belonging สิ่งที่เขาได้มาคือโอกาส
ประเทศไทยขาดการให้โอกาส ประเทศไทยคิดว่า CSR คือการซื้อผ้าห่มบริจาค หรือปลูกต้นไม้ นี่คือปัญหา
พอเข้าตลาดหลักทรัพย์ KKTT เกิดอะไรขึ้น ท้องถิ่นเกิดอะไรขึ้น มันมีความมั่งคั่งอยู่ที่ 7-8 หมื่นล้าน ทีนี้ก็แก้ปัญหา Pain Point Bottom 40 ได้ คนจนก็ถูกปลด สอง คือ KKTT ก็ได้เงินเป็นหมื่นๆ ล้าน สามารถเอาไปทำอีก 144 โครงการ ซึ่งขอนแก่นทำแผนเอาไว้แล้ว
ทีนี้ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดหรือทางจังหวัดไม่เอาด้วยทำยังไง เราก็มีคณะกรรมการพิเศษอีกชุดหนึ่งคอยควบคุม เพราะทุกจังหวัดผู้ว่าฯ จะนั่งหัวโต๊ะในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งแกก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้ว 1-2 ปี ก็ย้าย แต่ตอนนี้ขอนแก่นตั้ง ‘ดูโอ้ CEO’ คือการให้ผู้ว่าฯ นั่งคู่กับเอกชน ผู้ว่าฯ จะย้ายก็ย้ายไป แต่คนที่มารับตำแหน่งใหม่ก็ต้องนั่งคู่กับพวกเรา เพราะฉะนั้นวิสัยทัศน์ก็จะโตไปเรื่อยๆ ผู้ว่าแต่ละคนมา เราก็จะบอกว่าขอนแก่นกำลังทำอะไร ผู้ว่าส่วนใหญ่ก็จะให้ทำ สนับสนุน ส่วนเขาจะไปดูเรื่องยาเสพติดหรือหาพื้นที่ของเขาไป นั่นก็คือโมเดลของขอนแก่น
ผลกระทบกับประเทศไม่ต้องพูดถึง เราเข้าตลาด 0.5% ของตลาดโตขึ้น เรามีเอกสารของแบงก์ชาติ เขียนไว้ว่า ถ้าลงทุน LRT (บริษัทที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้ารางเบา) จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 17% เศรษฐกิจโต 1.5 เท่า ทั้งที่วันนี้ประเทศไทยจะโต 2% ยังเหนื่อยเลย
มันคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน ธนาคารโลก (World Bank) มาดูก็บอกดีมาก ต่างประเทศก็มาดูเยอะแยะก็ชอบ เราก็เริ่มได้รับงบประมาณมา บวกกับการมีแผน ก็เกิดผลลัพธ์อย่างเช่นตึก Ad Lib ที่เป็นตึกร้าง ก็ชวนกลุ่มมิตรผลมาลงทุน เขาฟังแล้วก็คิดว่ามีสิทธิจริง เรามีกระดาษ 6 ใบที่รัฐบาลให้ขอนแก่นมา เราจึงเกิด Innovation Center ขึ้น และมีการลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้น
ฉะนั้นถ้าข้างบนได้เห็นโมเดลขอนแก่น เขาจะเริ่มคิดแล้วว่า ถ้ามันทำสำเร็จ นักการเมืองแทบจะไม่มีที่ยืนเลยนะ
ทำไมถึงตกผลึกมาเป็นแนวคิดนี้ได้
ประเทศมีปัญหา ตอนเด็กๆ ก่อนหน้านั้น ผมก็มีประเด็นเรื่องพวกนี้พอสมควร คือบ้านผมรวย เราก็เห็นว่าทำไมเพื่อนบางคนจน ตอนนั้นคิดว่า ปัญหานี้ต้องมีใครแก้ ตอนกูโตขึ้น เพื่อนที่จนต้องไม่มี แล้วพอเรียนจบจากญี่ปุ่นกลับมาตอนปี 1992 ทำงานบริษัท ได้ลงพื้นที่ก็เห็นว่าทำไมตัวเลขยังเป็นแบบนี้ เท่ากับว่าเพื่อนคนจนไม่ได้หายไปเลย พอมาดูโครงสร้างประเทศไทยก็เห็นช่องว่าง คือเขาไม่ได้เอาประชาชนมาอยู่ในสมการ พอคุยกับทีมและจะแก้ไขปัญหา สุดท้ายผมเลยเสนอตั้ง KKTT แล้วเอาเงินเล็กๆ ของพวกเรามาแก้ไขประเทศแบบดิสรัปต์ เอาตลาดทุนมาแบ่งคนจน แล้วเราก็ทำโครงสร้างโมเดลพวกนี้ขึ้นมา
ทุกวันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ มันมีเรื่อง AI มีเรื่อง Tokenization มีเรื่องที่เราเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น Nasdaq ที่สหรัฐอเมริกา เราเห็นเงินอีกก้อนหนึ่งที่ไม่ต้องง้อเงินระดับประเทศ ถ้าเราทำโครงการแรกขึ้นได้ เราจะไปเอาเงินกองทุนมาลงทุนขอนแก่นอีกมหาศาล เพื่อพาคนข้างล่าง 40-50% ของขอนแก่นขึ้นมาให้มีเงินเดือน 1.5 หมื่น ถ้าทำได้เศรษฐกิจขอนแก่นจะเป็นตัวเลขอีกแบบ โดยไม่ต้องง้อใคร
ถามว่าทำทำไม ไม่รู้ เหมือนเวลาคุณเห็นคนกำลังรุมกันแก้ปัญหาอยู่ที่หนึ่ง คุณยืนอยู่ข้างนอก แล้วเห็นภาพว่า ถ้าเป็นกูแก้ได้ง่ายๆ เลย ผมมองเห็นปัญหา แล้วคิดว่าจะแก้ให้ดู ถ้าแก้ได้ พวกคุณเอาโมเดลแบบนี้ไปแก้เมืองอื่นกันต่อเลย แล้วประเทศจะพลิก
เราต้องแก้ปัญหานี้ หลังจากนั้นกูจะต้องดิสรัปต์พวกมึง ถ้าพวกมึงไม่เปลี่ยนมึงโดนดิสรัปต์ แต่ถ้าเปลี่ยนมึงคือพวกกู 
มาถึงตรงนี้มันยากลำบากขนาดไหน ยากที่กฎหมาย คน หรืออะไร
กฎหมายไม่ยาก กระดาษไม่ยาก ยากที่คนยากที่จะเชื่อ แม้แต่คนพวกเดียวกัน ตอน 3 ปีแรก เขาคิดว่ามันบ้า แต่ตอนนี้ขอนแก่นบ้าตาม ทุกคนเริ่มคิดตรรกะแบบนี้แล้ว ยากช่วงที่ 2 คือกลุ่ม NGO เรารู้ว่า NGO ก็ไม่ชอบวิธีการของพ่อค้า เขาเรียกเราว่านายทุนสามานย์ คิดว่าเรารวมกัน 15 คน แล้วจะยึดจังหวัดขอนแก่นด้วยเอกสารรัฐ
คนแรกที่ไปคุยคือกลุ่ม NGO เราก็อธิบายแนวคิดทั้งหมด ผมบอกเขาว่า คุณกับผมแนวคิดเดียวกัน แต่วิธีคุณไม่ดี
ผมถามเขาว่า ทำมา 25 ปี พี่น้องดีขึ้นไหม แต่ถ้าทำวิธีผม พี่น้องดีขึ้น คนไทยดีขึ้น พวกคุณจะว่าอย่างไร ผมก็พรีเซนต์แนวคิด วิธีแก้ปัญหา ไม่ต้องเขียน Proposal แบบคุณแล้วไปรับบริจาค กินข้าวเดือนละ 3,000 บาท อยู่อย่างอดสู ต้องไว้เครา สะพายย่าม แต่เราแต่งสูทและมีหัวใจแบบพี่ เขาก็เอาด้วย แต่มีอะไร เคลื่อนกันยังไง ให้บอกกัน จนทุกวันนี้เป็นขบวนเดียวกันแล้ว
เราทำนิเวศการพัฒนาเมืองขอนแก่น มีหลายกลุ่ม เราเอาอาวุธของแต่ละคน คือกฎหมายที่ตัวเองมีมารวมกัน ดูว่าหน่วยงานแต่ละแห่งมีระเบียบอะไร งานนี้รบด้วยปัญญา กระดาษขอนแก่นฉบับที่ลุงตู่ (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เซ็นอนุมัติไว้ให้ยังไงก็ยังมีผล ราชการกลัวกระดาษพวกนี้ เวลาดีลกับข้าราชการต้องดีลว่า ประชาชนอยากทำเรื่องนี้ พวกผมมีสิทธิ์ทำได้ ไม่ใช่ไปขอให้ช่วย แต่หน้าที่คุณคือต้องทำให้ ด้วยกฎหมายที่พวกเรามี
นี่คือสิ่งที่พวกเราทำ ตั้งแต่พ่อค้า ประชาชน ชาวบ้าน ครูบาอาจารย์ LGBTQIA+ กลุ่มเด็กน้อย วันนี้ขอนแก่นเห็นภาพเป็นระบบนิเวศของคนที่จะเคลื่อนเมือง แรกเริ่มเราคิดโมเดลเปลี่ยนประเทศ แต่ช่วงนั้นมันมีคำว่าสมาร์ตซิตี้ผู้ใหญ่ก็อยากให้ใช้คำนี้ รัฐบาลก็ใช้ เราเลยเขียนเป็นขอนแก่นสมาร์ตซิตี้ ทั้งที่ความจริงแล้วโมเดลที่เราคิดมันใหญ่ประมาณฝ่ามือ แต่คำว่าสมาร์ตซิตี้มันแค่นิ้วชี้ แต่ถ้าฟังแล้ว นี่คือโมเดลที่เปลี่ยนประเทศก็ไม่เป็นไร และเท่าที่ทำมาจนถึงตอนนี้ ผมรู้ว่ามันจบแน่ แค่ Soon or Later 
ทั้งหมดนี้อาศัยอำนาจอะไร นอกจากคำสั่ง คสช. ตอนนี้เราอยู่ใต้กฎหมายอะไร
มนุษย์ไง ผมมีโมเดลต่างๆ ไว้หมดแล้วว่าจะขอยังไง แต่มันยากนะ การที่จะเรียกคนนั้นคนนี้มานั่งรวมกัน คุณต้องใช้อีโก้ที่ต่ำมาก ปัญหาประเทศไทยตอนนี้คืออีโก้ กูก็อาจารย์ มึงก็อาจารย์ บางคนถามว่า เราจะคิดโมเดลพวกนี้ทำไม คือคุณจะไม่มีทางเข้าใจโมเดลพวกนี้เลย ถ้าคุณไม่มีของครบ รัฐประศาสนศาสตร์ การบริหารรัฐกิจ จังหวัด หน่วยงานจังหวัดตั้งแต่เทศบาลถึง อบจ. เพราะฉะนั้นโมเดลนี้มันยาก แต่สิ่งที่เราชูคือ ทำรถไฟฟ้ารางเบา
วันที่เราทำรถไฟเสร็จ แล้วมีการแบ่งเงินคนจน คนจนหมดหนี้ การศึกษาลูกหลานเขาไปต่อได้ มีสถิติตัวเลขที่บอกว่ามันดีขึ้น ทุกคนจะมาถามว่า ทำได้ยังไง นี่ไง เอาตามตำรานี้ อยากทำไหม ลองทำสิ ประเทศนี้แก้ด้วยกระดาษไม่กี่ใบหรอก ไม่ต้องไปทำอะไรมากมาย มนุษย์มีสิทธิ แต่คนไทยไม่ยอมใช้สิทธิไง
แล้วระบบราชการกับประชาชนอยู่ตรงไหน
กระดาษพวกนี้เป็นการลิงก์ประชาชนกับราชการ การเมืองลิงก์กับราชการ กระดาษพวกนี้คือคำสั่งที่ผ่านจากรัฐบาลที่แม้จะมาจากปฏิวัติ แต่ถือว่าเป็นกฎหมายเหมือนกัน และยังมีผลในการใช้งานอยู่ รัฐบาลสมัยนั้นอนุญาตให้ขอนแก่นทำได้ แต่ถ้าประชาชนไปร้องบอกว่า ทำเรื่องนี้ให้ผมหน่อย เขาจะบอกไม่มีอำนาจหน้าที่ ทำไม่ได้ แต่กระดาษ 6 ใบนี้เขียนถึงกระทรวงในประเทศไทยบอกว่า ถ้าขอนแก่นจะทำอะไรให้สนับสนุนด้วย นี่คือการลิงก์กับข้าราชการกับการเมือง อย่างถูกต้องและเป็นทางการ
จะได้เห็นตัวรถไฟฟ้ารางเบากันเมื่อไร
ประมาณ 4 ปี ตอนนี้เราเซ็นสัญญาไปแล้ว วันที่ 30 พฤษภาคม เรามีการเซ็นสัญญาบริษัทของเทศบาล ได้ทำการลงนามกับบริษัทจากฮ่องกง เป็นบริษัทอเมริกาที่ทำเกี่ยวกับการหาเงินมาลงทุนให้โครงการที่ขอนแก่น แล้วก็มีบริษัทการรถไฟของทางจีนเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนด้วย มีที่ปรึกษาจากฮ่องกงมา ทำกันเสร็จ อีกประมาณ 12 เดือน น่าจะได้เริ่ม พอเริ่มแล้วก็ก่อสร้าง 3 ปี ผมถึงบอก 4 ปี พอปีที่ 5 เข้าตลาดเลย เข้ากองทุนพื้นฐานก็ได้ ถึงตรงนั้นผมจะประกาศเรื่องเงินให้คนจนฟัง ตรงนั้นจะเป็นโมเดลที่ทำให้ประเทศเจริญ
สิ่งที่เราตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่การเห็นรถไฟวิ่ง แค่คือการที่เห็นคนจนขายหุ้นทิ้ง แล้วได้เงิน 3 แสน เขาเอาเงินไปปลดหนี้ วันนั้นจะเป็นวันแรกของโลก ที่ตลาดทุน Capital Market ที่พวกพ่อค้า นายทุนสามานย์ทั้งหลาย รู้ว่า เงินทุนของพวกมันเหลือเฟือที่จะช่วยเหลือคนจน
สรุปแล้วใช้เงินเท่าไร หาคนลงทุนได้ถึงไหนแล้ว
2.3 หมื่นล้านบาท ตอนนี้ขาดอยู่ประมาณ 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4,050 ล้านบาท) ประมาณ 4,000 ล้านบาทเป็น Equity (Equity Fund กองทุนรวมตราสารทุน) เราก็กำลังทำเรื่อง Equity Fund เรื่องเงิน เรื่องไฟแนนซ์มันก็มีรูปแบบต่างๆ เอาที่ดินที่รัฐประเมินให้มาเป็นมูลค่า ก็เป็น Equity Fund ได้
อีก 4 ปีข้างหน้า เมืองขอนแก่นจะเปลี่ยนไปขนาดไหน
คำว่าเปลี่ยน เปลี่ยนด้วยสายตา หรือเปลี่ยนด้วยอารมณ์ คือบางคนมาขอนแก่นแล้วบอกว่า สมาร์ตซิตี้แต่ไฟยังดับอยู่เลย สกปรก ถนนขรุขระ แต่พออยู่ 2 วันกลับไป เขาลืมเรื่องไฟดับกับถนนขรุขระ สิ่งที่ทำยากที่สุดคือ ทำให้คนมีความรู้สึกว่ามันเปลี่ยน เพราะฉะนั้นอีก 4 ปี มันจะมีสาย 2-4 ตามมา ขอนแก่นก็จะเป็นเมืองที่น่าลงทุน น่าอยู่ น่าเที่ยว ทั้งที่ไม่มีภูเขากับทะเล โดยไม่ใช่การบอกว่าเราจะมีรถลอยฟ้า มีโดรน คือทุกคนคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบหนังไซไฟ ขอนแก่นพยายามจะเป็นเหมือนเดิม แต่ทุกคนมีเทคโนโลยี มี AI มีปัญญาประดิษฐ์ช่วย มีทุกอย่าง มีอาชีพอีกแบบหนึ่งที่เราสร้างเอง มีดีมานด์ของเราเป็นอีกแบบหนึ่ง ฉะนั้นแนวคิดเหมือนขอนแก่นเป็นประเทศ ถ้าเรามีเงิน เราจะดีไซน์ประเทศยังไงเพื่อคนในเมือง
ในเวลาเดียวกัน มีความพยายามที่ของ สนข.ที่จะสร้างรถไฟฟ้ารางเบาที่เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต แต่ยังไม่เกิด หากสิ่งนี้เกิดที่ขอนแก่นก่อน มันจะเป็นโมเดลให้จังหวัดอื่นได้ไหม
เชียงใหม่ ภูเก็ตเกิดรถไฟฟ้าได้ และอาจจะเกิดก่อนขอนแก่น แต่ความหมายของรถไฟฟ้าไม่เหมือนกัน รถไฟฟ้าเชียงใหม่ ภูเก็ต คือภาษีของพวกเราเอาไปสร้าง แต่ความหมายของรถไฟฟ้าขอนแก่นคือ เครื่องมือแก้จน สัญลักษณ์ของการกระจายอำนาจ ไม่เป็นภาระของพวกเรา เพราะอันนี้เทศบาลกู้เงินมาเอง ไม่เป็นหนี้สาธารณะ
เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นโมเดลประเภทอยากเห็นก็ได้เห็น อยากมีใช่ไหม เดี๋ยวเนรมิตให้ สส.ไปวิ่งงบมา แสนล้านเอาไปเลย แล้วก็กิน 3 หมื่น พวกมึง 7 หมื่นก็ดีใจมีรถไฟฟ้า แต่รู้ไหมว่าเป็นภาระของลูกหลานขนาดไหน ฉะนั้นมันไม่เหมือนกัน
ผมถึงบอกว่า ผมไม่ได้แข่งกับใคร ผมแข่งกับตัวเอง ว่าทำยังไงจะแก้ปัญหา คือไม่ได้แข่งทำรถไฟ แต่แข่งทำเครื่องมือแก้จน ประเด็นของมันคือ จะทำยังไงให้รถไฟฟ้ามีความหมาย คือมนุษย์ที่เกิดในประเทศไทยมีสิทธิมากกว่าการทำได้แค่ร้องขอนะ
ได้คุยกับจังหวัดอื่นที่มีแนวคิดเหมือนกันบ้างไหม
ผมมีเครือข่าย 22 จังหวัด แต่เขาไม่สู้เหมือนเรา โดยเฉพาะเอกชนที่หลังโควิด-19 เขาก็ไม่ไหวแล้ว เขาเหนื่อย ผมเหนื่อย แต่เราก็โอเค แบ่งลมหายใจครึ่งหนึ่งไปไว้ฝั่งนี้ เลี้ยงให้มันเดินไปได้เรื่อยๆ เพราะถ้าไม่ทำแล้วปล่อยมันหยุด เท่ากับเราแพ้พวกการเมือง
เป็นไปได้ไหมว่าโมเดลนี้อาจทำให้บางจังหวัดหากินกับงบประมาณหรือคอร์รัปชัน
โมเดลนี้ถ้าจะคอร์รัปชันก็ทำได้ แต่เราต้องเปลี่ยนทุกส่วนไง โมเดลแบบจังหวัดอื่น ผู้ตรวจสอบบัญชีคือ สตง. เป็นยังไงล่ะตอนนี้ เชื่อถือได้ไหม แต่โมเดลแบบเรา Auditor คือ กลต.ซึ่งวันนี้ก็ถือว่าดี แล้วก็มีผู้ตรวจสอบบัญชีระดับโลกมาตรวจอีก นี่คือการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน โกงได้ไหม ก็ยังได้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่า สตง. 
ภาพฝันสุดท้ายของขอนแก่นที่คุณมองเป็นอย่างไร
อนาคตจะมี AI มา อนาคตจะมีพื้นที่ของมนุษย์อยู่ 3 พื้นที่ พื้นที่ที่เกลียด Tech ไม่เอา พื้นที่ที่บอกว่า Tech บ้างก็ดี หากินได้ด้วย แล้วสุดท้ายก็คือ Tech จ๋า ไปเลย แต่มนุษย์สามารถข้ามพรมแดนพวกนี้ได้ตลอด อยู่ตรงนี้ 2 เดือน ข้ามไปทำงานตรงนี้ 3 เดือน ถ้าชอบตรงนี้จะอยู่ทั้งชีวิตก็ได้
ยกตัวอย่างเรื่องเศรษฐศาสตร์ มันคือดีมานด์-ซัพพลายใช่ไหม วันนี้ทำงานทำไมล่ะ เพื่อหาเงินใช่ไหม เพื่อมาบริโภค แต่หากอนาคตเกิดเป็นระบบ Automation หมดแล้วล่ะ เช่น โรงงานผมมีแต่หุ่นยนต์เดินทำงาน ไม่มีคน แต่ผมยังมีผลผลิต ยังส่งออกได้ ทุกคนยังใช้สินค้าผม ผมยังมีกำไร ต้องเสียภาษีให้รัฐ แต่ประชาชนที่ไม่ต้องทำงานล่ะ จะทำยังไง
มันก็จะเข้าสู่ตัวรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI) ซึ่งถ้าไม่คอร์รัปชัน ยังไง UBI ก็พอ มีรถ ปัจจัยสี่พร้อม อยู่ได้กินได้ แต่มนุษย์ไม่เคยเกิดความพอใจ พอมนุษย์ว่าง ไม่ต้องทำงาน แต่มีข้าวกิน คุณก็ต้อง Generate Creativity แล้วรัฐต้องก็ต้องสร้างสถานีให้คุณมาคิด ช่วยกันทำ เกิดเป็นสินค้า
ฉะนั้นขอนแก่นกำลังเดินต่อไปเรื่อยๆ ผมคิดว่ามันก็คงประมาณนี้ แต่นั่นเป็นเรื่องที่ยังไปไม่ถึง มันเป็นเรื่องของ Snowball ลูกที่ 10 มันคือระบบสำรองของประเทศไทย ที่ทุกคนจะเริ่มกลับมาคิดว่า ทำแบบขอนแก่นไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ได้ไปทำร้ายใคร
ทั้งหมดผ่านมา 10 กว่าปี พอใจกับการดิสรัปต์ระบบราชการของคุณกับทีมไหม
พอใจที่เราต้องพยายามดิสรัปต์แบบที่เขาไม่รู้ รู้ไหม ตั้งแต่วันคิดจนถึงวันทำรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทยคือ 24 ปีนะ แต่ขอนแก่น 10 ปีเอง ฉะนั้นวันนี้หลายๆ คนใจร้อนอยากเห็น แต่ไม่เป็นไร วันที่ได้เห็นมันก็ลืม เหมือนเวลาไปรอร้านอาหารอร่อยๆ พอได้กินก็ลืมการรอ เรารู้ แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่เป็นกูไม่รู้หรอกมันเหนื่อยขนาดไหน ถ้าอยากให้ช่วยอะไร ช่วยเชียร์กูหน่อยแล้วกัน
บทบาทของคุณที่ ช ทวี กับบทบาทการพัฒนาเมืองในขอนแก่น มันเชื่อมกันอย่างไร
คนละคนเลย ผมมี 3 บทบาท บทบาทแรกเป็น CEO ที่ ช ทวี ซึ่งทำให้ตลาดหลักทรัพย์เริ่มรู้ว่ามีหนทางใหม่ในการลงทุน เอาเงินไปลงทุนเมืองนอกแล้วเอาเงินกลับประเทศไทย มีบทบาทของการพัฒนาเมืองขอนแก่นบวกกับการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น สอนเกี่ยวกับรัฐประศาสนศาสตร์ เล่าโมเดลนี้ให้นักศึกษาฟัง สอนนักศึกษาเรื่องการลงทุน นั่นก็เป็นบทบาทวิชาการกึ่ง NGO
ซึ่งก็ดูต่างกันเยอะ
คนละเรื่องเลย แต่บทบาทฝั่งนี้เราพยายามทำตัวอย่างพ่อค้าให้คนอื่นดู ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยชอบเรา บางที่ไปบรรยาย มีนายทุนใหญ่มา นั่งข้างๆ เราก็เล่าเรื่องขอนแก่นให้ฟัง มันดีมาก อยากชวนมาทำบุญกับเราจัง เขาอ่านแผนไปแล้วนะ แต่ก็เหมือนยิ้มแสยะปาก อารมณ์แบบไม่เอากับมึงหรอก มึงโง่
มึงแดกได้คนเดียวแต่ดันไปแบ่งกับคนอื่น ซึ่งก็เรื่องของเขา คือเขาจะเปลี่ยนยากมาก เขาไม่เชื่อ เพราะ 2 ประเด็นคือ หนึ่ง เขาไม่เชื่อบ้านนอก พอมีคำว่าขอนแก่นขึ้นมา ก็มีคำถามแล้วว่า จริงหรือเปล่า สองคือ แม่งเสือกโดดเด่น หมั่นไส้ แต่ฝั่งอาจารย์ ชาวบ้าน ประชาชน เด็กๆ เปลี่ยนง่าย เราทำให้เห็น พูดให้ฟัง ทำให้ดู ลองทำดู มันเคลื่อนง่ายมากเลย
ง่ายกว่าไหม หากมีทุนใหญ่สักทุนหนึ่งที่มาช่วย ลงทุนเป็นรถไฟฟ้าแบบของเขา
แล้วยังไงต่อล่ะ หากเขามาลงทุน ขอนแก่นได้หน้าก็จริง แต่คือวันนี้ประเทศไทยอีโก้สูงมากนะ ปัญหาคือตรงนี้ ผมเป็นอาจารย์ เคยไปคุยที่พัทยาเรื่องคอร์รัปชัน แต่เขาเถียงกันเรื่องชื่องานครึ่งวัน ผมเลยทำอย่างอื่นแทน แล้วเขามาบอก อาจารย์ไม่ช่วยอะไรเลย มัวแต่เล่นโทรศัพท์ แต่ผมคิดว่าจะมีประโยชน์กว่านี้ถ้าเข้าสู่เนื้อหาโดยไม่ใช่การเถียงเรื่องชื่องานกันครึ่งวัน
นี่คือคนไทย อีโก้สูง ตัวตนใหญ่จนคับกัน เราเป็นเมืองพุทธที่ไม่เข้าใจพุทธจนมีอีโก้มหาศาล ถ้าเราเป็นเมืองพุทธที่เข้าใจพุทธแท้จริง อีโก้เราจะแทบไม่เหลือเลย นี่คือปัญหาที่ประเทศนี้ มีของดีเยอะแยะ แต่ไปไม่ไหว มีวิธีแก้เดียวของประเทศนี้ เราเรียกว่า ‘Monkey See, Monkey Believe’ ลิงเห็น ลิงเชื่อ คือทำขอนแก่นให้สำเร็จ แล้วแบ่งเงินให้ได้ คนจนแฮปปี้ นักข่าวมาสัมภาษณ์ ขอนแก่นก็บอกว่า ผมทำตำราไว้แล้ว เชิญครับ ไม่ต้องใช้ชื่อผมก็ได้นะ เอาไปทำอะไรก็ได้ ให้คนในเมืองคุณดีขึ้
นิยามคำว่า Decentralize ในความหมายคุณ คืออะไร
เรามีสิทธิทำ โดยไม่ต้องไปยุ่งกับกฎหมาย ที่เราทำคือการ Decentralize ตามความพร้อม เพราะประเทศนี้มีคณะกรรมการหลายคณะ ถ้าจะทำเป็นกฎหมายออกมา ลูกของคุณก็ยังไม่เห็น กว่าที่จะ Decentralize เสร็จก็รุ่นหลานของคุณด้วยซ้ำ แถมไม่ใช่รัฐบาลไทยทำ คนอื่นยึดประเทศเราไปทำแล้ว
ประเด็นคือมนุษย์มีสิทธิ กูเกิดแผ่นดินนี้ สิ่งที่พวกกูทำ คิดดีทำดี แล้วหากระดาษกฎหมายมาสนับสนุนด้วย แล้วใครจะมาทะเลาะอะไรกับกูล่ะ การที่ทะเลาะเพราะมึงเสียผลประโยชน์ใช่ไหม
จังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสาน ก็มีคนรุ่นใหม่ที่อยากกลับไปพัฒนาเมือง มีคำแนะนำอะไรคนเหล่านี้ไหม
ประเด็นนี้ พวกเราใจร้อน พวกเรามีอีโก้ และขาดผู้นำ เราต้องมีหัวโจกและคุยกัน เสาแรกคือไดอะล็อก ถ้าไม่มีเวทีไดอะล็อก คิดยังไงก็ไม่เกิด นั่งคิดในห้องนี้ก็อยู่แต่ในห้องนี้ พอมีเวทีไดอะล็อกมันจะเกิดการสานบทสนทนา แล้วทุกคนจะเริ่มรู้จักกัน ตัวนั้นสำคัญที่สุดสำหรับพวกเราคนไทยที่จะสู้กับเรื่องบ้าๆ วันนี้ได้
ที่บอกว่าไม่รอรัฐ ไม่ใช่ไม่รอนะ เรากำลังช่วยรัฐเท่าที่จะทำได้ ถ้ารัฐมาเราก็ทำ ถ้ารัฐไม่มาเราก็ทำ แค่นั้นเอง
ทำไมเรารวมตัวกันได้ ไม่ใช่อยู่ๆ รวมกัน แต่คุยกันมา 2 ปี การเป็นโมเดลให้จังหวัดอื่นก็สามารถทำได้ เรามีกรอบ ตำรา บอกหมดแล้ว แต่เราไม่สามารถจับทุกคนมารวมกันได้ ใจทุกคนต้องมารวมกันเพื่อเกิดเสาแรกขึ้นมาให้ได้ เมื่อเสาแรกเกิดขึ้น เมืองคุณกำลังจะเคลื่อน แล้วเสาถัดไป คุณจะต้องยอมเสียจาคะเสมอกัน หมื่นบาท 2 หมื่นบาท ลงไปพอเสร็จก็เริ่มทำแผนโมเดลโครงการใหญ่ เรื่องหาเงินมันไม่ยาก ยากตอนเริ่มต้น
Fact Box
- ก่อนหน้านี้ รถไฟฟ้ารางเบาเกิด ‘ไฟไหม้’ โดยไม่ทราบสาเหตุ มีการประกอบรถไฟฟ้ารางเบาขึ้นใหม่เสร็จสมบูรณ์ จอดอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น และมีรางสำหรับทดลอง วิ่งภายในมหาวิทยาลัยระยะ 450 เมตร
- โครงการรถไฟฟ้ารางเบา (Tram) จังหวัดขอนแก่น สายแรกเป็นเส้นทางช่วงสำราญ-ท่าพระ ผ่ากลางเมืองขอนแก่น ระยะทาง 26 กิโลเมตร จะใช้วงเงินลงทุนรวม 2.3 หมื่นล้านบาท หากเริ่มต้นได้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างราว 3 ปี
- นอกจากเฮียจิงจะมีแนวคิดเรื่องการพัฒนาเมือง และเป็นผู้บริหารของ ช ทวี แล้ว เขายังเป็นเจ้าของช่อง YouTube ถนัดจริง กินเที่ยว (Jing Eat and Travel) อีกทั้งยังมีงานอดิเรกคือเดินป่าและเดินเทรลทั่วโลก




