เป็นที่รู้กันว่า วันหยุดสุดสัปดาห์ คือช่วงเวลาผ่อนคลายจากภาระงานอันหนักหน่วง รวมถึงเป็นเวลาดูแลทำความสะอาดบ้าน ออกไปซื้อของใช้ในครัวเรือนที่ขาดเหลือ ทว่าการออกไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตในวันหยุดสัปดาห์ อาจไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไรนักสำหรับบางคน เพราะนั่นหมายถึงการต้องไปเผชิญกับผู้คนจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มเด็กๆ ตั้งแต่อยู่ในรถเข็น วัยกำลังหัดเดิน หัดพูดคุย หรือวัยที่คุยเก่ง วิ่งปร๋อแล้ว เมื่อจินตนาการถึงความวุ่นวายก็ชวนให้รู้สึกสะพรึงอยู่ไม่น้อย กับคนที่อยากซื้อของอย่างสงบจิตสงบใจในร้านค้า

ทำให้วันนี้การไปซื้อของเข้าบ้านในวันหยุด ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องยากสำหรับกลุ่มอินโทรเวิร์ต (Introvert) หรือคนที่รักความสงบ แต่ก็ยังเป็นสถานการณ์สุดลำบากของเหล่าพ่อแม่ผู้ปกครองเช่นกัน โดยเว็บไซต์ Parents เผยแพร่บทความ ‘12 เคล็ดลับเอาตัวรอด เมื่อต้องไปซื้อของกับลูกวัยเตาะแตะ’ เพราะการควบคุมลูกน้อยไม่ให้เดินหรือวิ่งสะเปะสะปะ ร้องไห้งอแง กระทั่งอาละวาด ลงไปนอนดิ้นกับพื้นเพราะอยากได้ของเล่น ในขณะที่พ่อแม่ต้องทำภารกิจในการซื้อของให้สำเร็จ นับเป็นปฏิบัติการที่ท้าทายผู้ปกครองทุกท่าน

กลับมาที่มนุษย์ผู้รักความสงบที่ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนี้ แน่นอนว่า ย่อมหลีกเลี่ยงการออกไปซื้อของในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือกระทั่งเย็นวันศุกร์อยู่แล้ว แต่สำหรับพนักงานออฟฟิศที่มีวันว่างแค่สุดสัปดาห์ อาจหลีกเลี่ยงการออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้ แม้บางคนอาจตัดปัญหาด้วยการสั่งของออนไลน์ไปเลย แต่ของบางอย่างก็ต้องออกไปหาซื้อเองอยู่ดี และบางคนก็ชอบได้หยิบจับเลือกของก่อนจ่ายเงินมากกว่าซื้อออนไลน์

ดังนั้นเพื่อให้การซื้อของราบรื่น ไม่ต้องตกเป็นผู้ประสบภัยจากเด็กๆ ที่สร้างความรำคาญให้เราโดยไม่ตั้งใจ The Momentum จึงขอลองแบ่งปันวิธีเอาตัวรอดในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เต็มไปด้วยเด็กๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ให้กับชาวอินโทรเวิร์ตทั้งหลาย

  1. ลิสต์ของที่จะซื้อให้ชัดเจน

การจดรายการสินค้าที่ต้องซื้อล่วงหน้าก่อนออกจากบ้าน อาจเป็นวิธีที่หลายคนทำเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะการซื้อของเข้าบ้านในแต่ละสัปดาห์ย่อมมีรายการสิ่งของยาวเป็นหางว่าว แต่ในครั้งถัดไปอาจลองเขียนรายการของที่ต้องซื้อ โดยแยกหมวดหมู่จากโซนวางสินค้าในห้าง เช่น เราต้องซื้ออะไรบ้างในโซนทำความสะอาด เราต้องซื้ออะไรบ้างในโซนของสด หรือจัดกลุ่มของที่ต้องอยู่ในห้องครัว ของที่ต้องอยู่ในห้องน้ำ เพื่อป้องกันการเดินวนหาของแบบสะเปะสะปะ และประหยัดเวลาในซูเปอร์มาร์เก็ตให้มากที่สุด

  1. เตรียมหูฟังให้พร้อม

หูฟังคือเกราะป้องกันตัวในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะขึ้นรถประจำทางหรือทำกิจกรรมใด ก่อนออกจากบ้านไปซื้อของควรเตรียมเพลย์ลิสต์เพลงที่ชอบ หรือพอดแคสต์สักเรื่องที่ดองมานาน ให้ได้ใช้โอกาสนี้เปิดฟังเสียที ซึ่งการใส่หูฟังขณะซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตจะช่วยตัดเสียงรบกวน โดยเฉพาะจากเหล่าเด็กๆ ที่อาจจะร้องไห้ หรือตะโกนขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว นอกจากนี้การใส่หูฟังยังช่วยให้มีสมาธิมากขึ้นในการเปรียบเทียบราคา คำนวณความคุ้มค่าของสินค้าแต่ละยี่ห้อ

  1. เปิดคลิปเด็กดูก่อนออกจากบ้าน

‘ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน แต่คงมีลูกใครสักคนที่น่ารักสำหรับเรา’

ก่อนออกจากบ้านอยากให้ลองเปิดรูปหรือคลิปของเด็กที่เรารัก อาจเป็นน้องๆ หลานๆ ของเราเอง หรือลูกๆ ของเหล่าศิลปิน-ดารา หรือจะเป็นรูปหรือคลิปสัตว์เลี้ยงก็ได้ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี และปรับวิธีคิดของเราให้มองเด็กในแง่มุมที่น่ารัก น่าเอ็นดู ซึ่งเด็กในซูเปอร์มาร์เก็ตไม่เท่ากับความวุ่นวายน่ารำคาญเสมอไป เพราะบางครั้งเด็กแค่อยากช่วยเหลือพ่อแม่หยิบจับเลือกของ การดูคลิปเด็กแสนน่ารักช่วยให้เข้าอกเข้าใจเด็กๆ ก่อนออกไปเผชิญหน้ากับเด็กนับร้อยในห้าง 

  1. มีสติตลอดเวลา

การเดินซื้อของในวันหยุดสุดสัปดาห์ต้องมีสติตลอดเวลา เพราะโซนซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างมักมีทางเดินแคบ และเต็มไปด้วยรถเข็น รถเข็นของ และรถเข็นเด็ก อีกทั้งคนมักจะจดจ่อกับการเดินดูของ จนเผลอไปเตะรถเข็นเด็กเข้า หรืออาจโดนรถเข็นทับเท้าได้ เพราะแม้แต่เหล่าผู้ปกครองก็ยุ่งอยู่กับการเลือกของจนเผลอลืมลูก เพียงเสี้ยววินาทีเด็กอาจวิ่งมาชนจนเกิดอุบัติเหตุได้ จำเป็นต้องมีสติ ระแวดระวังรอบตัว และดูทางหนีทีไล่ให้ดี

  1. ไปซูเปอร์มาร์เก็ตหลังมื้อเย็น

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่คนมักมาใช้เวลากับครอบครัวในห้าง หากไม่ต้องการเผชิญกับความวุ่นวาย ช่วงเวลาที่ควรหลบหลีกคือเวลาตั้งแต่ห้างเปิดไปจนถึงช่วงเย็น ซึ่งช่วงเวลาหลังมื้อเย็นเป็นช่วงเวลาที่คนในห้างหรือในซูเปอร์มาร์เก็ตเบาบางลงมาก เพราะหลายครอบครัวทยอยกลับบ้านแล้ว ทำให้การเลือกซื้อของตอนช่วงหัวค่ำนี้เป็นเวลาสุขสงบที่สุด

แต่วิธีนี้อาจมีข้อเสียตรงที่อาจต้องพบกับรถติดบริเวณหน้าห้าง เพราะหลายครอบครัวก็มักกลับบ้านในเวลาเย็นย่ำพร้อมกัน รวมไปถึงสินค้าบางอย่าง เช่น ประเภทของสด ก็อาจเหลือให้เลือกไม่มากแล้ว

  1. ปกปิดอารมณ์ด้วยหน้ากากอนามัย

เพราะในซูเปอร์มาร์เก็ตสุดสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยเด็กๆ เราไม่รู้เลยว่า จะมีเด็กพุ่งมาทำให้โมโหเมื่อไร

ในตอนสุดท้ายที่ต้องรอคิวจ่ายเงิน ถือเป็นช่วงเวลาวัดใจ หรือทดสอบความอดทนที่สุด เพราะสุดสัปดาห์มักมีแถวยาวเหยียด และเราไม่สามารถหลบหลีกหรือถอยห่างจากเด็กได้อีกต่อไป และผู้ปกครองต้องโฟกัสหลายอย่างทั้งลูก ของในรถเข็น และกระเป๋าเงิน รวมถึงต้องกุลีกุจอย้ายของจากรถเข็นมาใส่ในถุงช็อปปิง โดยเฉพาะผู้ปกครองที่มาคนเดียวอาจไม่สามารถตามประกบลูกได้ทุกวินาที 

หากว่าเด็กเริ่มดื้อหรือซนในเวลานี้ การลองคิดทำความเข้าใจพ่อแม่และเด็ก อาจช่วยระงับอารมณ์โกรธได้บ้าง แต่อาจเผลอหลุดแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา การใส่หน้ากากอนามัยจึงเป็นวิธีซ่อนสีหน้าดุๆ ของเราเอาไว้ เพื่อไม่ให้เด็กเห็นในระยะประชิดแล้วกลัวจนร้องไห้ และเพื่อเป็นเกราะป้องกันการปะทะอารมณ์กับผู้ปกครอง

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีเอาชีวิตรอดในซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องไปซื้อของเท่านั้น หากคนรักความสงบต้องพบกับสถานการณ์อื่นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อย่างเด็กร้องไห้งอแงบนขนส่งสาธารณะ หรือวิ่งไป-มาในร้านอาหาร ในกรณีแบบนี้ต้องเป็นหน้าที่พ่อแม่การในควบคุมพฤติกรรมลูกอย่างสุดความสามารถ บนพื้นฐานวิธีคิดเอาใจเขามาใส่ใจเรา

อ้างอิง:

12 Tips for Surviving a Trip to the Store with Toddler (parents.com)

Children In Public Can Be Annoying, Sure, But Ask Yourself These 10 Questions Before You React (romper.com) 

Tags: , , , , , , , ,