Factory Coffee ร้านกาแฟระดับแชมป์ในโลเคชันใหม่

ฟังดูเกินจริงไปสักหน่อยที่เราบอกว่า Factory Coffee จะโบยบินไปไกลระดับเดียวกันกับแบรนด์ % Arabica แต่หากคุณเป็นแฟนคลับและได้พูดคุยกับทีม Factory เราเชื่อว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า จะได้เห็นร้านกาแฟแบรนด์นี้ในต่างประเทศจริงๆ ข้อพิสูจน์นั้นเกิดขึ้นจากความสำเร็จของทีมนี้มาตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมากับแชมป์รายการใหญ่อย่าง Thailand Indy Barista Champion 2 ซ้อน  และ National Thailand Barista Champion 2 ปีซ้อน ซึ่งล้วนเป็นความพยายามและทีมเวิร์คของ Factory จริงๆ

ร้านแห่งนี้เริ่มคว้ารางวัลจากการแข่งขันบาริสต้าตั้งแต่ปีค.ศ.2015 โดย เพฟ-ณัฐพงศ์ นภาพิพัฒน์ คว้าอันดับ 3 จาก CP Meiji Latte Art 2015 ในปีถัดมา แมน-อธิป อาชาเลิศตระกูล คว้าตำแหน่งชนะเลิศ Thailand Indy Barista Champion 2016  

ความแรงของร้านนี้ยังแรงไม่หยุดเมื่อ สมาร์ท-วรพล ถือความสัตย์ คว้าตำแหน่งชนะเลิศ Thailand Indy Barista Champion 2017 ตามด้วย บิว-เศรษฐการ วีรกุลเทวัญ ที่คว้า National Thailand Barista Champion 2017 เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันที่ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนที่แมน-อธิป  จะกลับมาคว้าแชมป์ National Thailand Barista Champion 2018 ได้อีกครั้ง โดยมีทีมหนุนอย่าง นิค-นฤพนธ์ วุฒิภาพภิญโญ หุ้นส่วนร้านอีกคนที่ช่วยสนันสนุนทีมในการแข่งขัน สมแล้วที่ใช้สโลแกน ‘พญาไท ใครก็ได้’ ซึ่งทั้ง 5 คน คือหุ้นส่วนร้านในปัจจุบัน

“ที่นี่เป็นวิกฤตในโอกาส จริงๆ แล้วที่เก่าตรงพญาไท เราคิดว่าจะอยู่ตรงนั้นยาวอยู่แล้วแหละ จนมีคอนโดฯ มาสร้างด้านหลัง แล้วร้านเราก็ดันโดนไปด้วย ตรงที่จะทำเป็นอเวนิวในอนาคต เราเลยต้องมองหาสถานที่ใหม่ จริงๆ เรามองไว้หลายที่มาก แต่เราอยากจะปักหมุดที่พญาไทเหมือนเดิม เพราะเรารู้สึกผูกพันกับย่านนี้ ก็เลยสืบเสาะจนมาเจอตรงนี้ใต้แอร์พอร์ตลิงค์พญาไท ทั้งด้วยเรื่องของการเดินทาง การคมนาคมที่มีทั้งแอร์พอร์ตลิงค์ บีทีเอส และที่จอดรถส่วนตัว ค่อนข้างจะตอบโจทย์ของลูกค้าที่เดินทางสะดวกมากขึ้น โชคดีที่มีลูกค้าใหม่มามากขึ้น มีต่างชาติที่นั่งแอร์พอร์ตลิงค์มาพญาไท หอบหิ้วแบ๊คแพคมาด้วย เหมือนเราเป็นร้านกาแฟด่านแรกที่เข้าประเทศมาแล้วเจอก่อน อยู่ในโลเคชันที่ดีเหมือนกัน” แมน ตัวแทนหุ้นส่วนเล่าถึง Factory Coffee แห่งใหม่

เท่าที่เราสังเกตและพูดคุย ร้าน Factory Coffee ขยายใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะบาร์กาแฟที่มีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้น กินพื้นที่พอๆ กับพื้นที่ของคนนั่งเลย นอกจากนั้นยังมีโรงคั่วเป็นของตัวเองภายในร้าน เนื่องจากทางร้านใช้กาแฟที่คั่วเองทั้งหมด ซึ่งก็เพียงพอใช้ในร้านและวางขายปลีกหน้าร้านเท่านั้น แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับส่งให้ร้านอื่นๆ แต่ก็มีแผนว่าจะเริ่มคั่วให้หนักขึ้น และถ้าระบบเข้าที่ก็จะคั่วขายส่งให้ร้านอื่นด้วย

ความน่าสนใจของทีม Factory ยังอยู่ที่การเติบโตของหุ้นส่วนร้านทั้ง 5 คน พวกเขาไม่ใช่บาริสต้าเพียงอย่างเดียวเหมือนเดิม แต่ทุกคนมีส่วนเข้ามาร่วมพัฒนาร้านอย่างจริงจัง บิวและนิค กลายเป็นโรสเตอร์ดูเรื่องคั่วกาแฟ เริ่มเดินทางไปดอยต่างๆ เพื่อมองหากาแฟไทยมาใช้มากขึ้น  ส่วนเพฟจะดูอีเวนต์ออกบูธกับการแข่งขัน ขณะที่แมนจะเริ่มเทรนนิ่งบาริสต้าบนพื้นที่ชั้น 3 ของร้าน และสมาร์ทจะเป็นตัวหลักดูแลบาร์กาแฟ เและเป็นอนาคตของทีม Factory ในการแข่งขันบาริสต้าสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งถ้าชนะจะมีโอกาสได้ไปแข่งระดับโลกที่บอสตัน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ทราบผลการแข่งขันว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็วางแผนเดินทางไปบอสตันเพื่อศึกษาดูงานอย่างแน่นอน แต่ถ้าได้เป็นตัวแทนประเทศไทยก็ยิ่งดี

อีกจุดเด่น หลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านโซเชียลมี้เดียว่าบาริสต้าของร้านจะเสิร์ฟเครื่องดื่มถึงโต๊ะ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เราสอบถามมาได้ความว่า “เราอยากมีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้า จริงๆ รอบนี้ เราตั้งใจทำบาร์กาแฟที่ใหญ่ขึ้นมาก เพื่อการชงกาแฟแบบเต็มรูปแบบ แต่การพูดคุยกับลูกค้ามันอาจจะน้อย การมีเครื่องดื่มมาพูดคุยจึงเป็นตัวเชื่อมของเรากับลูกค้าว่ารู้สึกอย่างไร มีอะไรที่คนกินประทับใจในเครื่องดื่มของเรา” แมน เล่าให้ฟังถึงปรัชญาในการทำงาน

แน่นอนว่าร้านใหม่ย่อมมีสิ่งใหม่ๆ ทีม Factory เริ่มหันมาใช้กาแฟไทยอย่างจริงจังมาตั้งแต่ร้านเดิม ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น โดยหมุนเวียนเมล็ดกาแฟตามที่มีในตลาด ตอนนี้เลือกใช้เบลนด์จากแม่สรวย จังหวัดเชียงราย กับแสนชัย ปางขอน จังหวัดเชียงราย แต่ก็มีซิงเกิลออริจินให้เลือก 2 ตัว ตอนนี้เป็นเมล็ดกาแฟเอธิโอเปียที่ใช้ยีสต์โปรเสส กับเมล็ดกาแฟโคลัมเบียที่เป็น XO โปรเสส ซึ่งอ้างอิงจากการทำคอนยัค

รวมถึงเมนูใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากบาร์ค็อกเทล อย่าง Honolulu กาแฟนมเย็นที่คล้าย Mrs.Cold ช็อตเอสเพรสโซ่กับนมเย็นผสมชาโฮจิฉะ Steve Job กาแฟดำเย็น กาแฟโคลด์บริวอินฟิวน้ำแอปเปิ้ล องุ่น และข้าวคั่ว และ Smoked Black Cocoa ช็อกโกแลตเย็นตัวใหม่ที่ออกมาเอาใจคนไม่ชอบรสหวาน ชอบรสเข้มๆ ของช็อกโกแลต และมีกลิ่นควันอ่อนๆ

แมน ตัวแทนของทีม Factory เผยถึงแพลนในอนาคตของร้านว่า “ใน 2-3 ปี เราอยากมี Factory Coffee ในต่างประเทศด้วย เป็นแพลนของเรา เราว่ามีหลายที่ที่น่าสนใจ เกาหลี ญี่ปุ่น หรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก่อนอื่นที่กรุงเทพฯ ก็ต้องแน่นก่อน” อดใจรอไม่นานเราจะได้เห็นแบรนด์นี้ในต่างแดนแน่นอน