หลังจากมีข่าวออกมาให้ได้ยินกันตั้งแต่ปี 2018 ว่าเฟซบุ๊กกำลังสร้างสกุลเงินดิจิทัล คริปโตเคอร์เรนซีของตัวเองภายใต้ชื่อ Libra ตามมาด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ทั้งแง่ความน่าเชื่อถือ ค่าเงิน หรือในแง่ความน่ากลัวต่อระบบเงินระบบเก่าของโลก ดังเช่นที่แอนเดรียส แอนโทโนพูลอส (Andreas Antonopoulos) ผู้เชี่ยวชาญด้านบิตคอยน์และคริปโตเคอเรนซี ออกมากล่าวว่า GlobalCoin ของเฟซบุ๊ก หรือ Libra นี้ จะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งและรับเงินได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลกระทบในทางลบต่อระบบการเงินของธนาคารโดยตรง

ล่าสุดมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กได้ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เฟซบุ๊กได้ร่วมมือกับ 27 องค์กรชั้นนำด้านการเงิน และธุรกิจขนาดใหญ่ สร้างสกุลเงินร่วมกันที่เรียกว่า Libra และจะเริ่มใช้งานในไตรมาสแรกของปี 2020 นี้ โดยหลักๆ มีองค์กรทางด้านการลงทุนอย่าง Andreessen Horowitz, Union Square Ventures, Ribbit Capital และ Thrive Capital องค์กรด้านการเงินอย่าง Visa, Master Card, PayPal, PayU, Stripe มีองค์กรการให้บริการและการจับจ่ายซื้อขายอย่าง Ebay, Uber, Farfetch, Spotify เรียกได้ว่าแทบจะครบวงจงไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายเงินของผู้คนในโลกปัจจุบัน โดย Libra จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการรักษาความปลอดภัย และความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ผ่านบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับโปรเจกต์นี้โดยเฉพาะอย่าง Calibra

การเปิดตัวพันธมิตรทั้ง 27 บริษัทในครั้งนี้ มีข่าวว่าเฟซบุ๊กสามารถระดมทุนในการพัฒนาสร้างสกุลเงินดิจิทัลแบบ Global Coin นี้ได้ถึง 120 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และที่สำคัญคือมันช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสกุลเงินนี้ ทั้งด้วยการออกแบบมาให้เป็น Stable Digital Cryptocurrency สกุลเงินดิจิทัลที่มีทรัพย์สินจริงรองรับ นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์กันว่า Libra ของเฟซบุ๊กจะตรึงราคากับดอลลาร์สหรัฐ ไม่เหมือนคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ เช่น บิทคอยน์ ที่ปล่อยราคาลอยตัวตามการซื้อขาย อีกหนึ่งความมั่นใจยังรวมไปถึงเครือข่ายในการใช้งาน แลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินนี้ โดยเบื้องต้นก็เห็นกันแล้วว่าอย่างน้อยก็น่าจะเอาไปจ่ายค่าบริการ Spotify ได้

มากไปกว่านั้นก็คือเฟซบุ๊กยังหวังจะใช้สกุลเงินของตัวเองผ่านแพลตฟอร์มการสื่อสารและโซเชียลมีเดียของตัวเองทั้ง WhatApps Facebook Messenger และ Instagram ที่มีผู้ใช้กว่า 2 พันล้านทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้เราเห็นแล้วว่าเฟซบุ๊กได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า Market Place ขึ้นมาเพื่อเป็นตลาดการในการซื้อขาย นี่ยังไม่นับถึงธุรกิจเล็กใหญ่ที่มีการซื้อขายกันบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมอีกเป็นจำนวนมาก

โดยโมเดลของการใช้สกุลเงินดิจิทัล Libra  นี้ก็คงจะเหมือนกับที่จีนมี WeChat ที่ใช้ทั้งการติดต่อสื่อสาร ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว แต่หาก Libra เริ่มใช้งานจริงและมีผู้นิยมใช้อย่างมาก Libra ของเฟซบุ๊กก็จะมีศักยภาพในการครองตลาดอย่างมหาศาล ยังไม่นับรวมพันธมิตรนอกแพลตฟอร์มที่อาจจะเข้าร่วมอีกมากมายในอนาคต  และภายใต้สิ่งที่เกิดขึ้นในเฟซบุ๊กหรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ในเครือ ก็ทำให้มองเห็นว่าเงินคริปโตฯ Libra นี้จะได้รับการต้อนรับและไปได้ดี โดยเฉพาะหากทางเฟสบุ๊กหรือแพลตฟอร์มอื่นเริ่มต้นด้วยแคมเปญที่สร้างแรงจูงใจในการเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินนี้ในการชำระสินค้าหรือบริการต่างๆ ต่อบรรดาธุรกิจเล็กใหญ่ทั้งหลายที่อยู่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

และดูเหมือนว่าในอนาคตสังคมที่เรียกว่า Cashless Society ที่เราเรียกกันมานานพอสมควรแล้วจะเขยิบเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Cashless จากบริการอินเตอร์เน็ตแบ๊งกิ้งของทางธนาคาร หรือ Cashless ที่เกิดจากสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นมาโดยเจ้าพ่อโซเชียลมีเดีย ที่ต่อไปนี้โลกทั้งโลกอาจจะถูกย่ออยู่ในสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวจริงๆ แล้วก็เป็นได้

อ้างอิง :

https://www.theverge.com/2019/6/18/18682290/facebook-libra-cryptocurrency-visa-mastercard-digital-currency-calibra-wallet-announce

https://siamblockchain.com/2019/06/15/facebooks-cryptocurrency-partners-revealed-we-obtained-the-entire-list-of-inaugural-backers/

https://techcrunch.com/2019/06/18/facebook-libra/

ภาพ : Libra

Tags: , , ,