ไม่เพียงแต่ชาวยุโรปด้วยกันเท่านั้นที่มองสวีเดนว่าเป็นชนชาติที่แปลกปลอม กระทั่งวิกฤตไวรัสโคโรนาเริ่มแพร่กระจาย คนทั้งโลกก็เริ่มประจักษ์พร้อมกันว่า สวีเดนแปลกแหวกแนวกว่าใครอื่นจริง

สวีเดนไม่รับหลักการล็อกดาวน์เหมือนที่ประเทศอื่นถือปฏิบัติ หากเชื่อมั่นในหลักการภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) และพร้อมจะแบกรับความรับผิดชอบด้วยตนเอง เป็นเหตุให้ประชากรติดเชื้อและเสียชีวิตจากภัยโควิด-19 จำนวนมาก

ต้นปี 2020 เอลิซาเบธ ออสบริงก์ (Elisabeth Åsbrink) นักเขียนและนักข่าวชาวสวีเดน วิจารณ์มาตรการที่เบาบางของรัฐบาลลงในหนังสือพิมพ์รายวัน Dagens Nyheter ว่า สวีเดนอาจได้รับความเสียหายจากวิสัยทัศน์ที่ ‘ใฝ่สันติ’ หลังจากนั้นเธอก็ถูกผู้เห็นค้านถล่มจนตั้งตัวไม่ติด

ทั้งที่เธอบอกเล่าความคิดเห็นของตนเองพร้อมข้อมูลความจริงที่ว่า สวีเดนไม่เคยเข้าร่วมทำสงครามที่ไหนกับใครอีกเลยมาตั้งแต่ปี 1809 และยังไม่เคยมีการปฏิวัติที่พลิกสังคม อีกทั้งเส้นทางสู่ระบอบประชาธิปไตยของประเทศก็นุ่มนวลราบรื่นกว่าที่ไหนๆ ในโลก ความหมายที่ออสบริงก์ต้องการสื่อก็คือ สวีเดนไม่เคยมักคุ้นกับมหันตภัย จึงมองโลกในแง่ดีเสมอมา

วิกฤตโควิด-19 ในยุโรปช่วงปลายปี 2020 สวีเดนมียอดผู้ติดเชื้อสูงถึง 320,000 ราย และยอดผู้เสียชีวิตเกือบแตะหลักหมื่น สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างนอร์เวย์และฟินแลนด์ ที่ยอมใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบอ่อนและผ่อนปรน แต่เพราะความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ สวีเดนยังยืนกรานในมาตรการเดิม แต่เพิ่มเติมแค่ควบคุมการรวมตัวของฝูงชน และการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังสี่ทุ่ม

จนถึงทุกวันนี้ สวีเดนมีผู้ติดเชื้อยอดรวมอยู่ที่ 1,146,968 ราย และยอดผู้เสียชีวิต 14,749 ราย (ข้อมูลเมื่อ 21 กันยายน 2021) การระบาดของไวรัสโคโรนายังไม่ยุติ แต่สังคมและเศรษฐกิจในประเทศยังก้าวต่อคล้ายไม่เคยเกิดอะไรขึ้น

เพราะสวีเดนไม่มีเหตุให้ร่วมในสงครามมานานกว่า 200 ปี ความจำเป็นทางการทหารจึงดูเหมือนจะลดน้อยลงไปด้วย อย่างไรก็ดี ภารกิจของกองทัพสวีเดนมักกลายเป็นประเด็นถกเถียงของคนในชาติบ่อยครั้ง

ช่วงกลางทศวรรษ 1990s กองทัพสวีเดนได้ปรับลดกำลังพลทั้งหญิงและชายในสังกัดกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังป้องกันชาติ จนเหลือเพียง 30,000 เศษ ในปี 2010 ยังประกาศยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ด้วยเหตุผลว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ และไร้ความจำเป็น เนื่องจากประเทศไม่ได้อยู่ภายใต้ภัยคุกคาม ในขณะที่ฝ่ายที่มีความเห็นตรงข้ามมองว่า สวีเดนยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากรัสเซียที่ใกล้ตัว นอกจากสงครามในจอร์เจีย หรือยูเครนแล้ว ยังมีปัญหาเกี่ยวกับผู้อพยพบริเวณพรมแดนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กองทัพสวีเดนหวนกลับมาบังคับใช้การเกณฑ์ทหารอีกครั้งในปี 2017 เนื่องจากกองทัพเริ่มขาดแคลนกำลังพล กอปรกับสถานการณ์รอบข้างสวีเดนยังรู้สึกเหมือนมีภัยคุกคามจากรัสเซีย สวีเดนไม่ได้เป็นสมาชิกขององค์การนาโต แต่ก็ยังทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกลาโหมของนาโต

ในปี 2017 นั้น มีการเกณฑ์ชาวสวีเดนทั้งหญิงและชาย ที่เกิดตั้งแต่ปี 1999 จำนวน 13,000 คนเข้าสู่การฝึกเพื่อเป็นกำลังพล จากการสำรวจเมื่อปี 2019 พบว่า กองทัพสวีเดนมีทหารพร้อมปฏิบัติการทั้งสิ้น 14,600 นาย ไม่รวมกองกำลังป้องกันชาติ

ภัยสงครามหรือความรุนแรงจากโลกภายนอกสำหรับสวีเดนอาจฟังดูคล้ายทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ สวีเดนมีภัยจากอาชญากรรมมากกว่าอย่างอื่น โดยเฉพาะอาชญากรรมของแก๊งมาเฟียตามเมืองใหญ่ๆ อย่างสต็อกโฮล์ม โกเทบอร์ก และมัลโม    

สมาชิกของแก๊งอาชญากรรมส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มวัยประมาณ 20 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในย่านอันตรายของเมือง และคลุกคลีกับยาเสพติด ทั้งเสพและค้าให้กับบรรดาแก๊งมาเฟีย พวกเขาถูกแก๊งใช้ประโยชน์ในการลักลอบขนยาเสพติดและอาวุธ และเพราะกฎหมายที่ล้าหลังและบทลงโทษไม่หนักพอ ทำให้เหล่ามาเฟียรุกคืบขยายตัวจนเรียกได้ว่า สวีเดนเป็นสวรรค์ของแก๊งมาเฟีย

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หน่วยงานของตำรวจและสังคมสงเคราะห์ในเมืองมัลโมเริ่มคิดโครงการ ‘Sluta Skjuta’ (หยุดยิง) ขึ้นมา จุดประสงค์เพื่อปลดปล่อยคนจากวงจรความรุนแรง เจ้าหน้าที่โครงการอธิบายว่า “เราไม่ต้องการให้ผู้กระทำผิดต้องเสียชีวิต หรือให้ไปฆ่าคนอื่น แต่เราจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ถ้าผู้กระทำผิดต้องการหลุดพ้นจากอาชญากรรม”  

โครงการนี้ถูกจำลองมาจากสหรัฐอเมริกา แกนหลักคือการเฝ้าจับตากลุ่มอาชญากรและสังคมรอบตัวของพวกเขา เฝ้าสังเกตว่าใครเป็นสมาชิกของแก๊งไหน มีกิจวัตรประจำวันอย่างไรบ้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะสืบหาตัวผู้นำแก๊ง ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสบ้างแล้วว่า สมาชิกแก๊งพบปะกันที่ไหน เมื่อไร และพร้อมเข้าเจรจาพูดคุยกับครอบครัวของสมาชิกแก๊งเหล่านั้น ให้เข้าใจถึงการปฏิบัติงานและความกดดันที่เกิดขึ้น

คอนเซ็ปต์ของโครงการนี้ยังครอบคลุมถึงการนัดหมายให้มีการพูดคุยกันระหว่างผู้กระทำผิดกับฝ่ายถูกกระทำด้วย เจ้าหน้าที่ในโครงการเชื่อว่า การที่ผู้กระทำผิดวัยเยาว์มีโอกาสได้รับรู้ถึงความกังวลของคนในครอบครัวตนเอง หรือได้ฟังความรู้สึกของผู้ถูกกระทำซึ่งๆ หน้า อาจมีส่วนทำให้พวกเขาสำนึกและเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ปรากฏว่าได้ผลจริง สถิติอาชญากรรมในมัลโมลดลงจากเดิมไปกว่าครึ่ง

 

อ้างอิง

https://www.capital.de/wirtschaft-politik/schwedens-sonderweg-alles-anders

https://www.deutschlandfunk.de/schweden-wiedereinfuehrung-der-wehrpflicht-wird-diskutiert.795.de.html?dram:article_id=353922

https://www.nzz.ch/international/militaer-in-skandinavien-schweden-fuehrt-wehrpflicht-wieder-ein-ld.148754

https://www.aachener-zeitung.de/panorama/gangster-paradies-statt-bullerbue-idylle_aid-62162327

https://www.zdf.de/nachrichten/heute-in-europa/malmoe-projekt-gegen-bandenkriminalitaet-100.html#xtor=CS5-48

Fact Box

  • สวีเดน พื้นที่ประเทศ 447,435 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2019 มีประชากร 10,327,589 คน เฉลี่ย 23 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร ประเทศในสแกนดิเนเวียนี้ประกอบไปด้วยหมู่เกาะนับไม่ถ้วนและอุทยานแห่งชาติ 28 แห่ง จากเหนือจรดใต้ความยาวกว่า 1,500 กิโลเมตรอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติและสัตว์ป่า คาร์ล ลารส์สัน (Carl Larsson, 1853-1919) จิตรกรมีชื่อเสียงชาวสวีเดน สะท้อนภาพชีวิตประจำวันคนท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด บริษัทเครื่องเรือนยักษ์ใหญ่อย่าง Ikea เองก็ยึดตามแนวทางและสไตล์ของลารส์สัน รางวัลโนเบลก็เช่นกัน ถือเป็นสัญลักษณ์ของสวีเดน และ เซลมา ลาแกร์ลอฟ (Selma Lagerlöf) เคยเป็นนักเขียนหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลในสาขาวรรณกรรมเมื่อปี 1909
Tags: , , , , , ,