หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง ‘ดิ่งทะลุสะดือโลก’ หรือ ‘Journey to the Center of the Earth’ คงอดนึกสนุกจินตนาการไม่ได้ว่า ภายใน ‘แก่นโลก’ จะมีดินแดนลี้ลับที่อำพรางสิ่งมหัศจรรย์และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งดอกไม้ขนาดมหึมา ป่าเขาลำเนาไพร หรือแม้แต่ไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปหลายสิบล้านปีไว้

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเพียงทฤษฎีที่ ฌูล แวร์น (Jules Verne) นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้บุกเบิกการเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐาน เพื่อนำมาใช้เป็นไอเดียในการแต่งต้นฉบับเรื่องดิ่งทะลุสะดือโลกเท่านั้น ถึงกระนั้นในปี 2023 ความคิดแพรวพราวของเขาดูจะมีเค้าลางเกิดขึ้นจริง เมื่อนักวิจัยด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียออกมาเปิดเผยการค้นพบว่า ภายในแก่นโลกชั้นในสุดยังประกอบด้วยแก่นโลกขนาดเล็กอีกหนึ่งชั้น

ธาน ซอน แฟม (Thanh-Son Phạm) และเฮอร์โวเย ตคาลชิช (Hrvoje Tkalčić) คือ 2 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (The Australian National University) ที่ออกมายืนยันผลการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ดังกล่าว โดยพวกเขาระบุว่าจากเดิมทีที่เราแน่ใจว่าโลกแบ่งสัดส่วนออกเป็น 4 ชั้น คือ 1. เปลือกโลก (Crust) 2. เนื้อโลก (Mantle) 3. แก่นโลกชั้นนอก (Outer Core) และ 4. แก่นชั้นใน (Inner Core) ทว่าเมื่อสังเกตการณ์เป็นระยะเวลานานหลายปี กลับพบแก่นโลกขนาดรัศมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 1,287 กิโลเมตร ปรากฏเป็นชั้นที่ 5 ด้วยลักษณะทรงกลมคล้ายคลึงลูกบอลขนาดเล็ก หรือเทียบเท่าปริมาตร 1% ของโลกทั้งใบ

ประเด็นที่น่าสนใจไม่ใช่แค่การค้นพบเท่านั้น แต่การมีอยู่ของแก่นโลกชั้นที่ 5 อาจทำให้นักวิจัยด้านธรณีวิทยาสามารถใช้ประโยชน์สืบค้นเหตุการณ์การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในอดีตกาล วิวัฒนาการการสร้างแก่นโลกเมื่อ 4,500 ล้านปีก่อน หรือแม้กระทั่งเข้าใจกลไกทิศทางหมุนวนของคลื่นสนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) ที่มีความซับซ้อนได้อย่างลึกซึ้ง โดยทั้งหมดทั้งมวลสามารถเก็บบันทึกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ความปลอดภัย ถึงดาวดวงต่อไปที่มนุษย์ย้ายไปอยู่อาศัยได้และไม่ถูกผลกระทบจากคลื่นรังสีที่เป็นอันตราย

“การตรวจพบโครงสร้างใหม่ของโลกมีความน่าตื่นเต้นเสมือนเปิดไทม์แคปซูลที่ฝังไว้ในอดีต ขณะเดียวกันยังมีประโยชน์ที่อาจบ่งชี้ถึงวัฏจักรการหมุนวนของแก่นโลก และการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสนามแม่เหล็กโลก ที่ล้วนมีอิทธิพลต่อระบบนิเวศและวิวัฒนาการของโลก” คำกล่าวอ้างส่วนหนึ่งจากธาน ซอน แฟม และเฮอร์โวเย ตคาลชิช ที่ปรากฏเบื้องต้นอยู่ในผลรายงานการวิจัย

แล้ววิธีการที่พวกเขาใช้ตรวจสอบล่ะ ทำอย่างไร? ในเมื่อเราเราไม่สามารถใช้เครื่องขุดเจาะผ่านเนื้อชั้นในและแกนโลก ที่มีรัศมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 6,371 กิโลเมตร และมีความร้อนถึง 6,000 องศาเซลเซียส 

เฉลยวิธีการที่ ธาน ซอน แฟม และเฮอร์โวเย ตคาลชิช ใช้จนค้นพบและยืนยันการมีอยู่ของระดับโครงสร้างชั้นที่ 5 ของโลก คือการสังเกตการณ์ด้วยวิธี ‘แผ่นดินไหววิทยา’ (Seismological) ผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงกันนับพันครั้ง เช่นในเดือนมกราคมที่มีเหตุแผ่นดินไหวในอะแลสกาสลับฟากกับเหตุแผ่นดินไหวในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ จากนั้นอาศัยวิธีทางธรณีฟิสิกส์ (Geophysics) ที่เรียกว่าการสร้างภาพตัดขวางด้วยคลื่นไหวสะเทือน (Seismic Tomography) เพื่อวัดคลื่นไหวสะเทือน (Seismic Wave) ก่อนนำผลที่ได้ไปสแกนจำลองเป็นภาพดิจิทัล ที่แสดงรายละเอียดขนาดและรูปร่างของวัตถุที่คลื่นเดินทางผ่านเพื่อใช้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ (เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คงคล้ายคลึงกับวิธีที่พ่อค้าแม่ค้าขายผลไม้เอาไม้เคาะดูว่าเนื้อทุเรียนลูกนั้นสุกหรือไม่สุก)

ถึงกระนั้น ใช่ว่าการค้นพบนี้จะถูกนับเป็นครั้งแรกได้เต็มปาก เพราะหากย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทีมนักวิจัยด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ได้เผยผลงานวิจัยที่ตีพิมลงในวารสาร ‘Journal of Geophysical Research: Solid Earth’ ที่พวกเขาคาดว่ากำลังค้นพบแก่นโลกชั้นที่ 5 ที่มีส่วนประกอบเป็นของแข็งพิเศษประเภทซูเปอร์ไอออนิก (SuperIonic) ดังนั้นผลงานวิจัยครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำว่าพวกเขามาถูกทางแล้ว ทว่าเป้าหมายต่อไปคือการยืนยันให้ได้ว่าส่วนประกอบที่แท้จริงนั้นมีอะไรบ้าง

น่าสนใจยิ่งว่าการค้นพบดังกล่าวจะมีส่วนช่วยไขปริศนาปรากฏการณ์แก่นโลกเปลี่ยนทิศ ที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อโลกและอาจนำไปสู่เหตุหายนะทางธรรมชาติในอนาคต แต่ที่เชื่อขนมกินได้คือคงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอุตริอาศัยในแก่นโลกที่มีความร้อนเทียบเท่าพื้นผิวของดวงอาทิตย์ 

หรือหากมีจริงๆ เราคงต้องรื้อภาพจำในหัวที่มีต่อโลกสีครามนี้ใหม่เสียหมด 

ที่มา:

https://www.vice.com/en/article/4axkwj/earth-core-discovery-scientists

https://www.sciencealert.com/scientists-detect-signs-of-hidden-structure-inside-earths-core

– https://www.nytimes.com/2023/01/23/science/earth-core-reversing-spin.html

– https://www.euronews.com/next/2023/02/10/making-heads-spin-scientists-say-earths-inner-core-has-changed-its-rotation

Tags: , , ,