หากพูดถึงดารานักร้องฝั่งอเมริกัน เป็นที่รู้กันว่าบียอนเซ่ (Beyoncé) ราชินีเพลงป็อปคนเก่งแห่งยุค สนับสนุนพรรคเดโมแครตและสนิทสนมกับครอบครัวโอบามา ในขณะที่ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) ไม่ใช่แค่สนับสนุนพรรครีพับลิกันเท่านั้น แต่เคยเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แล้วยังชนะอีกต่างหาก

ส่วนฝั่งอังกฤษก็มีทั้งสมาชิกวงสไปซ์เกิลส์ (Spice Girls) ที่เคยประกาศกร้าวและวางตัวชัดเจนอยู่ช่วงหนึ่งว่า สนับสนุนพรรคอนุรักษนิยม และฮิวจ์ แกรนต์ (Hugh Grant) ที่ออกตัวสนับสนุนพรรคแรงงานมาสักพักใหญ่แล้ว

ภาพ: Reuters

แต่เมื่อพูดถึงดารานักร้องไทย เรากลับแทบนึกไม่ออกเลยว่า ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีใครที่ออกตัวสนับสนุนพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามรัฐบาลแบบออกหน้าออกตา แล้วยังได้รับแรงสนับสนุนให้มีที่ยืนในสังคม หรือประสบความสำเร็จในวงการได้อย่างภาคภูมิอยู่บ้าง

ไม่ใช่แค่เพียงคนดังฝั่งตรงข้ามถูกกีดกันเท่านั้น แต่ครั้งหนึ่ง การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเคลื่อนไหวที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิงอย่าง กปปส. กลับเป็นเรื่องน่าชื่นชมสรรเสริญ ที่คนดังเหล่านี้สวมบทบาทห้อยคอเอาไว้คุยโวไปทั่วทุกที่ราวกับเหรียญเกียรติยศ

หากยังจำกันได้ การระดมทุนของกลุ่มถนนศิลปะ (Art Lane) เพื่อสนับสนุนขบวนการ กปปส. ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น เป็นเหมือนเทรนด์แฟชั่นที่ไม่ว่าใครๆ ก็อยากทำตาม เพราะได้รับการโปรโมตจากการมีส่วนร่วมทั้งศิลปิน นักร้อง และนักแสดงชื่อดังจากหลากหลายสังกัด

การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 คืบใกล้เข้ามา เริ่มมีการชุมนุมทางการเมืองผุดมาให้เห็นอยู่เนืองๆ ส่วนดารานักร้องยุคก่อนๆ ที่เคยโดนกีดกันออกไปจากวงการเพราะเห็นต่างกับรัฐบาลทหาร ก็เริ่มกลับมามีแสงและมีที่ทางเป็นของตัวเองในโลกออนไลน์

ในขณะเดียวกัน เราเริ่มเห็นคนรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงออกมาวิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น จากที่บาร์เดิมเคยต่ำถึงขนาดที่ว่า แค่ด่าประยุทธ์นิดๆ หน่อยๆ โพสต์แซะ คสช.แบบเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา และเล่นมีมล้อเลียนประวิตรเรื่องนาฬิกาบ้าง ก็ได้รับการยกยอว่ากล้าหาญมากแล้ว

อย่างไรก็ดี ‘การออกมาวิจารณ์รัฐบาล’ กับ ‘การออกตัวสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง’ อาศัยความกล้าในระดับที่ต่างกันพอสมควร เพราะทุกพรรคที่อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายอำนาจนิยม ล้วนถูกตีตราด้วยชื่อเรียกที่แตกต่างกัน

‘เป็นพรรคของนายทุนที่โกงกินประเทศชาติ’

‘เป็นพรรคของเด็กน้อยผู้ไม่ประสาทางการเมือง’

‘เป็นพรรคฐานเสียงคนรากหญ้าเชื่องๆ ที่ปล่อยให้นายทุนจูงจมูก’

‘เป็นพรรคฐานเสียงชนชั้นกลางที่วิจารณ์ปัญหาโครงสร้างจากยอดหอคอยงาช้าง’

‘เป็นพรรคล้มเจ้า’

ฯลฯ

เป็นธรรมดาที่เหล่าคนมีชื่อเสียงจะหวาดกลัว ว่าหากนำตนเองไปข้องแวะกับพรรคการเมือง พวกเขาจะถูกตีตราด้วยชื่อเรียกมากมายที่ฟังดูแสนระคายหูเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีอะไรที่จะต้องเสียมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายเท่าตัว

ทว่าในทางกลับกัน ในจังหวะที่สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังโหมแรง พวกเขาก็เป็นหนึ่งในคนไม่กี่กลุ่มที่มีอะไรให้ ‘เก็บเกี่ยว’ จากการแสดงออกทางการเมืองมากที่สุดด้วยเช่นกัน

ปรากฏการณ์แฟชั่นธีม ‘ส้ม’ ของเหล่าคนดังที่ปรากฏหน้าคูหา จึงไม่ได้มีความหมายถึงเพียงแรงสนับสนุนของเหล่าผู้สวมใส่ที่มีต่อพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิทัศน์ทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ของไทยอีกด้วย

ภาพ: บัญชี Instagram ของ ปุ้มปุ้ย-พรรณทิพา แกรนด์-กรณ์ภัสสร และน้ำตาล-ชลิตา

นอกเหนือจาก ‘แฟชั่นเลือกตั้งตามสีพรรคการเมือง’ ที่เป็นสิ่งใหม่แล้ว ยังมีอีกหนึ่งวัฒนธรรมซึ่งห่างหายไปจากวงการบันเทิงไทยนานหลายปี และได้กลับเข้ามาอยู่ในโสตการรับรู้ของสังคมไทยอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้ นั่นคือความพยายามของคนมีชื่อเสียงในการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง ผ่านช่องทางสื่อกระแสหลักอย่างสง่าผ่าเผย โดยมีทั้งกลุ่มที่ได้รับและไม่ได้รับการสนับสนุนจากค่ายต้นสังกัด

นี่จึงเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของประชาธิปไตยที่กำลังค่อยๆ ผลิบานในประเทศไทย หลังจากฤดูแล้งอันยาวนาน แต่แน่นอนว่าฤดูกาลแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่กำลังคืบใกล้เข้ามานี้ ไม่ใช่ผลพวงของความ ‘กล้าหาญชาญชัย’ ของเหล่าคนดัง แต่เป็นผลพลอยได้จากความกระตือรือร้นทางการเมืองของประชาชนจำนวนมาก

แน่นอนว่าอาจไม่ใช่ทุกคนที่แสดงออกจากอุดมการณ์ที่แท้จริง ส่วนหนึ่งของพวกเขาเหล่านี้อาจไม่เคยพูดคุย หรือออกมาช่วยสนับสนุนข้อเรียกร้องทางการเมืองเท่ากับคนดังอื่นๆ ที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาไปเลือกตั้งด้วยซ้ำ พนันได้ว่าคงมีบางคนที่ตั้งใจใส่สีส้มไปปรากฏตัวที่หน่วยเลือกตั้ง เพียงเพื่อให้ตนได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนิยมที่กำลังไหลเชี่ยวเท่านั้น

แต่ไม่ว่าเจตนาที่แท้จริงของดารานักร้องเหล่านี้จะเป็นอย่างไร มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ และอย่างน้อยที่สุด การอุบัติขึ้นของปรากฏการณ์นี้ อาจหมายความว่า เรากำลังก้าวย่างไปสู่อีกยุคสมัยหนึ่ง ไปสู่ช่วงเวลาที่ผู้คนไม่จำเป็นต้องปิดบัง หรือสั่นกลัวเพียงเพราะมีใครมารู้เข้าว่า ‘สีสัน’ ที่แท้จริงในทางการเมืองของเราคือสีอะไร

Tags: , , , ,