“ฟังเพลงของ Peach Pit เปรียบเสมือนฟังเรื่องเล่าของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง”

คือคำอธิบายใน Spotify ของ Peach Pit วงดนตรีอินดี้ป็อบจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่จะกลับมาเยือนไทยอีกครั้งกับคอนเสิร์ตที่ Voice Space ในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ 

Peach Pit ประกอบด้วยเพื่อนรักตั้งแต่สมัยมัธยม 4 คน ได้แก่ นีล สมิธ (Neil Smith, ร้องนำ, มือกีตาร์), คริส แวนเดอร์คอย (Chris Vanderkooy, มือกีตาร์), ปีเตอร์​ วิลตัน (Peter Wilton, มือเบส) และไมกี ปาสกุซซี (Mikey Pascuzzi, มือกลอง)

ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่เพลงของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นการรำลึกถึงความหลัง สื่อถึงความสัมพันธ์​ มิตรภาพ และความรัก ที่พวกเขาเคยประสบมาก่อนในชีวิต ด้วยเนื้อร้องและเสียงดนตรีหวานไพเราะ จึงทำให้เพลงของ Peach Pit พาผู้ฟังจินตนาการถึงท้องฟ้าสีชมพูอมส้มยามพระอาทิตย์ตกดิน การขับรถเล่นกับเพื่อนๆ ตอนปิดเทอม ความรู้สึกตอนตกหลุมรักครั้งแรก และความทรงจำดีๆ ในสมัยวัยรุ่น

นอกจากเพลงติดหูของ Peach Pit เช่น Tommy’s Party และ Alrighty Aphrodite ซึ่งมียอดสตรีมมากกว่า 160 ล้านครั้ง ยังมีเพลงฮิตอื่นๆ อีกมากมายรวมถึงผลงานในอัลบั้มล่าสุดอย่าง From 2 to 3 ที่พวกเขาพร้อมจะนำมาเล่นในคอนเสิร์ตที่จะมาถึงนี้ 

ในโอกาสที่พวกเขาจะกลับมาแสดงให้แฟนชาวไทยอิ่มเอมใจอีกครั้ง The Momentum ชวนสมาชิกวง Peach Pit พูดคุยถึงเรื่องสไตล์ดนตรี Bubblegum Pop แรงบันดาลใจของอัลบั้มล่าสุด ไปจนถึงความประทับใจที่ได้มาเยือนประเทศไทย

หากมีคนถามว่า ตัวตนและสไตล์ดนตรีแบบ Peach Pit เป็นแบบไหน คุณจะอธิบายพวกเขาว่าอย่างไร

พวกเรารักการแต่งเพลงและเล่นคอนเสิร์ต แม้ว่าเราทุ่มเทกับการเล่นดนตรีมากๆ แต่เราก็พยายามที่จะไม่เคร่งเครียดกับมันเกินไป เพราะฉะนั้น คอนเสิร์ตของเราจึงมักจะสนุกสนานและชิลๆ บางครั้งเมามันจนเล่นโน้ตผิดไปด้วยซ้ำ 

คุณเคยบอกตัวเองทำเพลงสไตล์ Bubblegum Pop คำถามคือ คิดว่าเพลงไหนของพวกคุณที่อธิบายคำนี้ได้ชัดเจนที่สุด 

น่าจะเป็นเพลง Seventeen จาก EP แรก แต่จริงๆ แล้ว Bubblegum Pop เป็นแค่คำที่เราคิดขึ้นมาเล่นๆ เพื่อใส่ไว้ที่ไบโอเพจเฟซบุ๊กของเรา

สำหรับแฟนชาวไทย เพลง Peach Pit จาก EP Sweet FA น่าจะเป็นเพลงที่คุ้นหูและชื่นชอบมากที่สุด อยากให้ช่วยเล่าที่มาที่ไปของเพลงนี้ให้ฟังหน่อย 

ก่อนอื่นคือพวกเราดีใจที่หลายคนชอบ EP นั้น สงสัยคอนเสิร์ตรอบนี้ เราน่าจะต้องเล่นเพลงเก่าๆ ให้แฟนชาวไทยฟังสักหน่อยแล้วล่ะ

ที่มาของ EP นั้นเกิดขึ้นเองโดยที่พวกเราไม่ได้วางแผนไว้เท่าไร เพราะเป็น EP แรก และเราไม่ได้คิดมากว่า ต้องการให้มันออกมาเป็นอย่างไร เราแค่แต่งเพลง 4 เพลง แล้วก็รีบอัด EP ให้เสร็จ โชคดีที่มีคนชอบ

อยากให้พูดถึง From 2 to 3 อัลบั้มใหม่ของพวกคุณหน่อยว่า ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จะแตกต่างกับผลงานอื่นๆ อย่างไร รวมถึง ตัวเลข 2 ถึง 3 หมายความว่าอะไร 

เรื่องราวเบื้องหลังอัลบั้มนี้คือ เราอยากทำอัลบั้มที่ชวนรำลึกถึงวงดนตรีและศิลปินโปรดของพวกเราในยุค 70s เราเน้นเรื่องโทนเพลงกับเสียงดนตรีเป็นพิเศษ และอยากให้อัลบั้มนี้ใช้เอฟเฟกต์​น้อย เหมือนกับอัลบั้ม You and Your Friends ของเรา

ส่วน From 2 to 3 มาจากชื่อเพลงในอัลบั้มนี้ที่เกี่ยวกับการนอนไม่หลับ หลังจากที่ตื่นขึ้นมาตอนตี 2 เพราะฝันเรื่องคนรักที่จากไป เราตั้งชื่ออัลบั้มตามเพลงนี้เพราะเป็นอัลบั้มที่ 3 ของเรา ซึ่งก็เปรียบเสมือนเรากำลังไปจาก 2 ถึง 3 ตามที่ชื่อบอกนั่นแหละ 

ในการมาเล่นดนตรีที่ประเทศไทยเมื่อปี 2018 มีสิ่งไหนที่คุณประทับใจจนลืมไม่ลงบ้าง 

อาหารและแฟนๆ ชาวไทย!

เรารักการกินมากและอาหารไทยถือว่าอร่อยอันดับที่ 1 ในโลกก็ว่าได้ รวมถึงแฟนๆ ที่มาคอนเสิร์ตเราก็เจ๋งทุกคนเลย ตอนนั้นเราประทับใจมากว่า แม้ในประเทศที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโลก ยังมีคนมากมายมาดูคอนเสิร์ตของเรา เวลาผ่านไปหลายปีแล้วแต่เรายังไม่ลืมความรู้สึกนั้นเลย 

สุดท้ายนี้ แฟนๆ ชาวไทยที่จะได้เจอคุณอีกครั้งในเดือนนี้ เขาจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบไหนในโชว์ของคุณ

คอนเสิร์ตครั้งนี้จะต้องเป็นโชว์ที่มีเอเนอร์จีสูงผสมกับความเมามันบนเวที ผมอยากลอง Stage Dive (กระโดดลงเวทีเข้าหาคนดู) กับ Crowd Surfing (โต้คลื่นมนุษย์ผู้ชม) หวังว่าแฟนๆ จะช่วยอุ้มผมไว้นะ (หัวเราะ) 

Tags: , , ,