รอบไฟนอลวอล์กหรือรอบการเดินแบบบนเวทีในวันที่ 6 กันยายนที่จะถึงนี้ ถือเป็นไฮไลต์และรอบสุดท้ายของการแข่งขัน The Face Thailand Season 6 รายการเรียลลิตีเฟ้นหานางแบบ และจะได้รู้ผลว่าใครจะได้เป็น The Face คนที่ 6 ของประเทศไทย
เชื่อว่า The Face Thailand เป็นรายการที่คนไทยรอคอย เพราะหลังจากซีซันที่ 5 ออกอากาศในปี 2562 บางคนคิดว่านี่อาจเป็นจุดสิ้นสุดของรายการนี้แล้ว แต่ตำนานของ The Face นั้นฆ่าไม่ตาย เมื่อเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ The Face Thailand ได้รับความนิยมคือรายการนี้ไม่มีสคริปต์ เพราะฉะนั้น คำพูดและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรายการมีความธรรมชาติสูง คำพูดและวลีเด็ดของเมนเทอร์ในรายการทั้ง ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม, บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, มาช่า วัฒนพานิช ฯลฯ ยังคงถูกแชร์ในโซเชียลฯ ช่วงปีที่ผ่านมา หรือถูกหยิบยกมาใช้ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น
“เป็นอะไรกันมากหรือ แพ้ไม่ได้ ต้องชนะทุกครั้ง” – มาช่า
“หนูไม่พอใจหรือโกรธอะไร แล้วมาลงกับพี่ทำไมคะ” และ “แผนของพี่คือทำให้ชีมึน” – ลูกเกด
“คุณได้ซีนแล้ว แต่ซีนคุณแย่มาก” และ “การแสดง ถ้ามันเฟก มันดูออก” – บี
รวมถึงคลิปการทำแคมเปญของรายการในหลายซีซันที่มีทั้งความท้าทายและแฝงความตลกก็วนเวียนมาบนโซเชียลฯ เสมอ เติมเต็มความคิดถึงของแฟนรายการมาตลอด 6 ปี จนกระทั่งปีนี้ The Face Thailand ก็มีซีซัน 6 และผู้ชนะยังได้เป็น The Face Thailand คนที่ 6 ในรอบ 6 ปีอีกด้วย เมื่อมองดูแล้วเลข 666 ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ถือเป็นเลขของปีศาจ ซาตาน หรือมารร้าย
และหากจะมีใครเป็นซาตานในซีซันนี้ ก็คงไม่พ้นทีมงานรายการที่ทำข้อตกลงกับ มารีญา พูลเลิศลาภ เมนเทอร์ของรายการที่ส่งผลให้เธอเลือกผู้เข้าแข่งขันในทีมไปเดินไฟนอลวอล์กได้แค่คนเดียว ทั้งที่ควรจะมีถึง 2 คน
กติกาใหม่ที่เล่นกับใจและอนาคต
รายการ The Face Thailand Season 6 มีเมนเทอร์ทั้งหมด 3 คน ได้แก่ มารีญา, แอนโทเนีย โพซิ้ว และแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ โดยเมนเทอร์แต่ละคนจะมีลูกทีม 5 คน ที่ผ่านการคัดเลือกด้วยตัวเองและจากมาสเตอร์เมนเทอร์ แอน ทองประสม คัดเลือกให้
โดยผู้เข้าแข่งขันทั้ง 15 คนจะต้องพิสูจน์ตัวเองในเส้นทางนางแบบผ่านการแข่งขันทั้งหมด 8 EP ในแต่ละ EP ประกอบด้วยการแข่งขันรอบมาสเตอร์คลาส (แบบเดี่ยว) และรอบแคมเปญ (แบบทีม) ซึ่งผู้ที่ชนะรอบมาสเตอร์คลาสจะได้รับสิทธิพิเศษในรอบแคมเปญ และสมาชิกทีมที่ชนะแคมเปญจะได้อยู่ต่อจนถึง EP ถัดไป ส่วนอีก 2 ทีมที่แพ้ เมนเทอร์จะต้องเลือกลูกทีมของตนเองมา 1 คน เพื่อให้เมนเทอร์ทีมที่ชนะแคมเปญคัดออกในรอบห้องดำ จนกว่าจะถึง EP ที่เมนเทอร์ต้องคัดเลือกว่า ลูกทีมคนไหนคือคนที่จะได้เดินไฟนอลวอล์ก
ในซีซันก่อนหน้านี้ เมนเทอร์ที่ชนะแคมเปญสามารถเลือกให้ผู้เข้าแข่งขันอยู่ต่อได้ โดยไม่ตัดใครออกเลยก็ได้ แต่ในซีซันนี้มีกติกาเพิ่มเติมเข้ามาคือ เมนเทอร์สามารถคัดผู้เข้าแข่งขันออกได้มากกว่า 1 คน แต่ไม่สามารถสละสิทธิ์ในการคัดออกได้เหมือนซีซันที่ผ่านมา เท่ากับว่าในทุกสัปดาห์จะต้องมีผู้เข้าแข่งขันอย่างน้อย 1 คนที่ต้องตกรอบ
แต่เมื่อรายการออกอากาศมาเกินครึ่งทาง ใน EP ที่ 5 ทีมมารีญาเป็นทีมที่ชนะแคมเปญ ทำให้แพนเค้กส่ง ภูมิ-ณภัทรศรา บรรลือพรมราช เข้าสู่ห้องดำ ในขณะที่แอนโทเนียเลือก กวาง-กฤษฎา วันเพ็ญ เข้ามาต่อสู้เพื่อให้ได้รับโอกาสอีกครั้ง
ทั้งภูมิและกวางถือเป็นผู้เข้าแข่งขันที่โดดเด่น และทั้งคู่ยังเป็น LGBTQIA+ เพียงแค่ 2 คนที่ผ่านเข้ามาในรายการ แต่ใน EP 5 ทั้งคู่ยืนอยู่บนปากเหว โดยมีมารีญาเป็นผู้ตัดสินว่า ใครไม่ใช่ The Face ซึ่งมารีญามีสิทธิตัดผู้เข้าแข่งขันออกทั้ง 2 คน แต่เธอเล็งเห็นศักยภาพที่สามารถพัฒนาต่อได้ จึงได้ให้โอกาสทั้งคู่ยังอยู่ในรายการต่อไป และคิดว่าหากไม่ตัดลูกทีมของคนอื่น ในสัปดาห์ถัดไปแพนเค้กกับแอนโทเนียจะไม่ตัดลูกทีมของมารีญา
อย่างไรก็ตามการเก็บไว้ทั้งคู่เป็นการที่มารีญาผิดกฎกติกาของรายการ ทีมงานจึงได้ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับมารีญาคือ “รายการขอแลกกับอะไรบางอย่าง ที่อยากจะให้มารีญาทำในวันไฟนอลวอล์ก” ซึ่งยังไม่ระบุว่าคืออะไร และเธอตอบตกลง
ดีลวันไฟนอลวอล์ก ไม่ใช่วันก่อนไฟนอลวอล์ก
ใน EP 7 คือรอบคัดเลือกที่ใกล้จะได้รู้แล้วว่า ใครจะได้เดินไฟนอลวอล์ก (ในอีกแง่หนึ่งเท่ากับว่าเป็นผู้ชนะของทีม) ซึ่งกติกาคือเมนเทอร์จะเลือกลูกทีมไปสู่ไฟนอลวอล์กได้แค่คนเดียว แต่สิทธิพิเศษสำหรับทีมที่ชนะแคมเปญสามารถเลือกเพิ่มได้อีก 1 คน โดยแพนเค้กได้เลือก บีบี-บียังคา ณฐมน โพลัค นางแบบวัย 16 ปีที่มากความสามารถ ซึ่งกวางจากทีมแอนโทเนียที่มารีญาเซฟชีวิตไม่คัดออก ก็ได้ถูกเลือกให้เป็นไฟนอลวอล์กของแอนโทเนีย ในขณะที่มารีญเลือก ไฮดี้-อมันดา อแมนด้า เจนเซ่น
เมื่อเมนเทอร์เลือกไฟนอลวอล์กของตัวเองแล้ว ทีมงานจึงประกาศชื่อผู้ชนะในแคมเปญ ได้แก่ ไฮดี้ ส่งผลให้ทีมมารีญมีสิทธิเลือกไฟนอลวอล์กได้อีก 1 คน แต่ความหวังของลูกทีมมารีญาอีก 2 คน ต้องพังทลายลง เมื่อรายการประกาศว่า ข้อตกลงที่มารีญาทำไว้เมื่อ EP 5 มีผลต่อ EP นี้ คือแม้มารีญาจะชนะแคมเปญก็ไม่สามารถเลือกไฟนอลวอล์กคนที่ 2 ได้ ทั้งเมลล่าเม-เมลิณี มาร์การ์ และเกล-นภัสกร เจียรอดิศักดิ์ จึงหมดโอกาสไป ซึ่งเมลล่าเมกล่าวในรายการว่า
“ดีลว่าเราต้องแลกอะไรวันของไฟนอลวอล์ก ไม่ใช่วันที่เลือกคนเข้าไฟนอลวอล์ก”
หลังรายการออกอากาศทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์รายการว่านี่เป็นการตัดโอกาสผู้เข้าแข่งขัน ผู้เสียเปรียบไม่ใช่เมนเทอร์มารีญา หากแต่เป็นอนาคตของเกลและเมลล่าเม ที่คนใดคนหนึ่งควรได้เดินไฟนอลวอล์ก เนื่องจากไฟนอลวอล์กเป็นหมุดหมายของผู้เข้าแข่งขันทุกคน เพราะเหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็ถึงเส้นชัยของเดอะเฟซแล้ว ซึ่งการได้ตำแหน่ง The Face Thailand ไม่เพียงแค่รางวัลที่จะได้รับพร้อมกับการเซ็นสัญญา แต่ยังหมายถึงโอกาสในชีวิตอีกหลายด้าน ที่แน่นอนว่ามากกว่าการเป็นนางแบบ
นอกจากนี้ความเห็นของแฟนรายการที่มีต่อซีซันนี้ยังระบุว่า มีจำนวน EP น้อยเกินไป ทำให้ยังไม่ได้เห็นศักยภาพของผู้เข้าแข่งขันได้มากเท่าซีซันก่อน รวมถึงการถ่ายทำรอบแคมเปญที่ส่วนใหญ่อยู่ในสตูดิโอ Kantana Virtual Production Studio ไม่ได้เห็นความท้าทายที่หลากหลายของแคมเปญอย่างที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้จะผู้เข้าแข่งขันหลายคนจะไม่ผ่านเข้ารอบ และไม่ได้เดินไฟนอลวอล์ก แต่ไม่ได้หมายความว่า หมดโอกาสในการค้นหาความฝัน เพราะยังมีประตูอีกหลายบานที่เปิดต้อนรับ ดังเช่นรุ่นพี่ The Face ไทยแลนด์ในซีซันที่ผ่านมาอย่างแอนโทเนีย เธอเคยเป็นผู้เข้าแข่งขันซีซันแรกปี 2557 แม้จะไม่ได้เดินบนเวทีไฟนอลวอล์ก แต่อีก 5 ปีถัดมาเธอได้คว้ามงกุฎระดับโลกในตำแหน่งมิสซูปราเนชันแนล 2019 (Miss Supranational 2019) และเป็นถึงรองอันดับ 1 นางงามจักรวาลปี 2566 หรือมิสยูเวิร์ส 2023 (Miss Universe)
และคารีสา สปริงเก็ตต์ จากซีซันเดียวกับแอนโทเนีย ที่ในวันนี้ได้พิสูจน์ฝีมือทางด้านการแสดง มีผลงานมากมายในวงการบันเทิง รวมถึงผู้เข้าประกวดที่ต่อยอดไปยังเวทีนางงาม โกโก้–อารยะ ศุภฤกษ์ (ซีซัน 2) เป็นมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2019, แจสซี่-กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์ (ซีซัน 2 และซีซัน 4) อดีตรองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2566, เทีย ทวีพาณิชย์พันธุ์ (ซีซัน 3) รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 และมิสทัวริซึมอินเตอร์เนชันแนล 2023 (Miss Tourism International)
ซึ่งรอบไฟนอลวอล์กในวันที่ 6 กันยายนที่จะถึงนี้ ไม่ว่า The Face Thailand คนที่ 6 จะเป็นกวางจากทีมแอนโทเนีย, ไฮดี้จากทีมมารีญา หรือบีบีจากทีมแพนเค้ก เชื่อว่าทั้ง 3 คนจะเดินเฉิดฉายบนเวทีไฟนอลวอล์กอย่างเต็มที่ที่สุด เพื่อโอกาสในชีวิตตัวเอง เพื่อเมนเทอร์ และอาจเพื่อเพื่อนร่วมทีมหลายคนที่ฝากความหวังเอาไว้กับพวกเธอ
Tags: The Face Thailand, The Face Thailand Season 6, The Face, เดอะเฟซไทยแลนด์, เดอะเฟซ, มารีญา พูลเลิศลาภ, เมนเทอร์มารีญา, Entertainment