วันนี้ (11 ก.ย.) ที่ทำการรัฐสภา (เกียกกาย) เครือข่าย EEC WATCH และภาคประชาชนในพื่นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เข้ายื่นจดหมายให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลรวม 500 ฉบับ เพื่อขอให้สนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากโครงการ EEC โดยเนื้อหาสำคัญในจดหมายระบุว่า

จากการที่รัฐบาลอาศัยอำนาจคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 2/2560 เรื่องการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีทั้งหมด 24 เขต รวมพื้นที่ประมาณ 98,551 ไร่ และได้มีการประกาศ พรบ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 15 พค. 2561 รวมถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 47/2560 ให้มีการทำผังเมืองให้สอดคล้องกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและไม่เคารพต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน 

หลังจาก พรบ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีผลบังคับใช้ ได้มีประกาศเขตส่งเสริมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นเขตที่ 25 แต่กลับไม่ประกาศเขตตามกฎหมายเช่นเดียวกับ 24 เขตก่อนหน้า แต่เป็นการประกาศของสำนักงาน EEC โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 2/2560 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 และยังมีโครงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.77 ล้านล้านบาท 

เพื่อการดำเนินการที่โปร่งใส และเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบ โดยไม่ให้เกิดความสูญเสียประโยชน์ของรัฐและประชาชน ทางเครือข่าย EEC WATCH จึงมีความต้องการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจที่มีในฐานะตัวแทนของประชาชนในทางนิติบัญญัติ ลงมติ เห็นชอบเพื่อตั้งกรรมธิการวิสามัญ เพื่อรับฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรมแก่ประชาชน

ทั้งนี้ทางเครือข่าย EEC WATCH ประกอบด้วย 

กลุ่มโยธะการักษ์ถิ่น ตำบลโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา

เครื่อข่ายรักพระแม่ธรณี ตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง ฉะเชิงเทรา

เครือข่ายรักพระแม่ธรณี ตำบลหนองตีนนก อำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา

เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก อำเภอสนามชัยเขต ฉะเชิงเทรา

กลุ่มชาวบ้านตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม ฉะเชิงเทรา

กลุ่มอนุรักษ์อ่าวบางละมุงและกลุ่มประมงพื้นบ้านแหลมฉบัง อ่าวนาเกลือ และอ่าวอุดม อำเภอบางละมุง อำเภอศรีราชา ชลบุรี

กลุ่มชาวบ้านอำเภอแกลง อำเภอเขาชะเมา ระยอง

นอกจากนี้ทางด้านเครือข่ายประชาชนที่ศึกษาและติดตามปัญหาขยะซึ่งจะได้รับผลกระทบจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในเรื่องการจัดการขยะอุตสาหกรรมยังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ติดตามปัญหาขยะอย่างใกล้ชิดและร่วมหาแนวทางในการจัดการปัญหาขยะอย่างยั่งยืนด้วย

รวมไปถึงกลุ่มแสมสารรักษ์ถิ่นที่มีกรณีพิพาทเรืองที่ดินกับฐานทัพเรือสัตหีบ จากนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็ได้เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งกระทู้ถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงความจำเป็นในการดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่แสมสารอย่างเร่งด่วน นั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ของหน่วยงานรัฐหรือกลุ่มทุนใด และสามารถเริ่มต้นการจัดระเบียบอย่างเป็นรูปธรรมโดยมีคณะกรรมการกลางจากสภาลงมาช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่

โดยทั้งจดหมาย 500 ฉบับและข้อเรียกร้องของแต่ละกลุ่มทั้งหมดได้ส่งผ่านนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และตัวแทนจากพรรคการเมือง

 

Tags: ,