จุดเริ่มต้นในเส้นทางเสียงเพลง

01.11

แท็บบี้นั้นเกิดมาในครอบครัวนักดนตรีอยู่แล้ว มีคุณแม่เป็นนักร้อง คุณพ่อเป็นมือเบส จึงคลุกคลีอยู่กับเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่บ้านก็มีเทปฟังตลอด หรือบางทีก็ได้ติดสอยห้อยตามพ่อแม่ไปทำงานด้วย ส่วนโจ้นั้นที่บ้านไม่มีใครทำงานด้านดนตรีเลย แต่มีคุณพ่อเป็นคนชอบร้องเพลงและชอบฟังเพลง ก็จะเปิดวง Carpenters, Eagles หรือ Bee Gees ให้ฟังอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ทำให้เริ่มร้องเพลงจริงจังคือโจ้ได้เข้าร่วมวงประสานเสียงตอนมัธยมปลาย ซึ่งสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และเข้าร่วมชุมนุม TU Folksong

 

เกิดเป็นความรัก

04.41

ทั้งสองคนเริ่มจากการเป็นเพื่อนสนิทกันก่อน ซี้กันมากขนาดมาปรึกษาเรื่องความรักของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง ก็ปรึกษากันไป คุยเรื่องสัพเพเหระไป คุยกันไปสองสามชั่วโมง จนรู้สึกว่ามันสนุกว่ะ เคมีมันเข้ากัน ก็เลยคิดว่าอย่างนั้นทำไมเราถึงไม่ลองคบกันล่ะ จนสุดท้ายแล้วก็ได้มาตกลงเป็นแฟนกัน

 

จากความชอบ สู่การเป็นศิลปิน

07.26

ด้วยความที่แต่ละคนเรียนในสายที่แตกต่าง และไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีเลยแม้แต่น้อย ทางโจ้ก็มีความคิดหลังเรียนจบว่าความจริงเราก็สามารถทำงานตามสายกฎหมายที่จบมา แล้วค่อยไปเล่นดนตรีตอนกลางคืนเป็นพาร์ตไทม์ก็ได้ สามารถทำควบคู่กันไป แต่ชีวิตก็พลิกผัน ไม่ได้ทำงานด้านนิติศาสตร์ที่เรียนมา กลายมาเป็นทำงานด้านหนังสือแทนซะงั้น และในช่วงก่อนหน้านี้ที่กระแส Youtube เริ่มมา โจ้จึงไปรวมตัวกับพี่ๆ น้องๆ ในชุมนุมทำเป็นวงประสานเสียงขึ้นมา ชื่อว่าวง Alarm9 ก็ทำคลิป cover ลงใน Youtube ซึ่งคลิปแรกที่ถูกปล่อยออกมานั้นดังเกินคาดมาก ได้ไปเกิดแสนวิว ซึ่งถือว่าเยอะแล้วสำหรับศิลปินโนเนมวงหนึ่ง จนได้ไปออกรายการสรยุทธ หลังจากนั้นจึงเริ่มทำวงกันจริงจังขึ้น และสุดท้ายก็ได้เซ็นสัญญากับค่าย Garden Music

ส่วนแท็บบี้นั้นมุ่งไปเลยว่าจะไม่ทำงานอย่างอื่นนอกจากร้องเพลง ถึงขั้นทะเลาะกับคุณแม่ ด้วยความที่คุณแม่เป็นนักดนตรีมาก่อนจึงรู้ว่าข้อเสียของการเป็นนักร้องคืออะไร ก็ไม่อยากให้ลูกสาวต้องเจอกับสิ่งเหล่านั้น จนสุดท้ายแท็บบี้ก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้าน AF ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งโจ้ก็สนับสนุนในการตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะแท็บบี้พูดมาตลอดว่าอยากเป็นนักร้อง เค้าก็ควรจะไปในทางที่ชอบ และหลังจากจบ AF ก็ได้ออกซิงเกิ้ลกับทางทรู และได้ทำวง La Sista ร่วมกับพริ้ง AF5 และแอน AF6 ในคอนเซ็ปต์ Young Diva

 

คำแนะนำสำหรับการประกวด

14.54

โจ้ได้ให้คำแนะนำว่าหากเราไปออดิชันแล้วไม่ติด นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะเอามาโทษตัวเอง เพราะรายการพวกนี้มันต้องการคนในหลากหลายรูปแบบ การที่เราไม่ผ่านนั้นอาจเป็นเพียงแค่เราไม่ตรงกับความต้องการของรายการ ณ ขณะนั้นก็ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราทำได้ไม่ดี

ส่วนแท็บบี้บอกว่ายุคนี้เราอย่าไปยึดติดอยู่กับแค่การประกวด เดี๋ยวนี้ช่องทางการเสพสื่อของคนมันไม่ได้อยู่แค่ในโทรทัศน์อีกต่อไปแล้ว เรามีช่องทางมากมายในการแสดงความสามารถของเรา Youtube และ Facebook ตอนนี้ก็สามารถยิงตรงหาผู้บริโภคได้แล้ว เพราะฉะนั้นเลยอยากให้เอาเวลาไปใช้ในการทำงานให้หนัก แล้วครีเอตช่องทางเผยแพร่ใหม่ๆ ให้สมกับที่เป็นคนยุคใหม่ดีกว่า

 

จะเอาชีวิตให้รอดได้ยังไงในวงการเพลงสมัยนี้

17.10

แท็บบี้บอกว่าเคยมีช่วงที่รู้สึกว่าทำไมวงการดนตรีบ้านเรามันแย่ขนาดนี้จากสิ่งที่ได้เจอ ได้เห็นรุ่นน้องหลายคนที่เก่งมาก มีวินัยมาก ทำเพลงออกมาดีแค่ไหนแต่ก็ยังไม่สามารถเลี้ยงชีพได้อย่างที่หวังไว้ ก็รู้สึกท้อบ้าง แต่สุดท้ายแล้วในเมื่อเราเลือกจะทำในสิ่งที่รักเราก็หนีมันไปไหนไม่ได้ ก็อาจจะต้องมีการยอมรับว่าเราคงไม่สามารถเลือกได้ทุกอย่างที่เราคิดไว้ และทำในสิ่งที่เรารักต่อไปให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว

ส่วนโจ้ให้ความเห็นว่าบางคนจะติดกับดักตัวเลือก ว่าเราต้องทำเพลงเพื่อเป็นอาชีพให้ได้ หรือไม่งั้นก็ไปทำอย่างอื่นไม่ต้องทำมันเพลงเลย ทั้งที่จริงๆ แล้วเราสามารถทำเพลงไปพร้อมกับอย่างอื่นได้ เราอยู่ในยุคที่ต้องยอมรับว่าน้อยคนนักที่จะทำเพลงอย่างเดียวแล้วรอดจริงๆ เราก็ควรจะมีการงานสักอย่างในการดำรงชีวิต ในขณะเดียวกันก็ใช้ดนตรีหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเราไป สิ่งนี้จะทำให้เราไม่เครียดกับการอยู่ในวงการมากไป ซึ่งใครปรับตัวได้ก่อนก็จะอยู่รอดในยุคนี้

 

The songs that changed my life

22.06

1. Sister Act Ost. – Oh Happy Day
“เป็นหนังที่ให้แรงบันดาลใจกับแท็บมากที่สุดในโลก และเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ทำให้แท็บเริ่มอยากร้องเพลง” – แท็บบี้

2. Bee Gees – I Started A Joke
“เป็นเพลงที่ที่พ่อเปิดให้เราฟังมาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นเพลงที่ใช้ออดิชันเข้าวงประสานเสียงตอนมัธยมปลายด้วย” – โจ้

3. แท็บบี้ – หวานธรรมชาติ
“เป็นเพลงที่แต่งให้โจ้ และใข้ในงานแต่งงานค่ะ” – แท็บบี้
“ความฮาคือตอนแท็บแต่งเพลงนี้ผมนั่งอยู่ด้วย แต่งกันต่อหน้าเลย แต่เพิ่งมารู้ว่าแต่งให้ผมก็ตอนจะอัดเสียงกันแล้วนี่แหละ” – โจ้

4. Ed Sheeran – Thinking Out Loud
“เป็นเพลงที่ตั้งแต่ฟังรอบแรกๆ ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะร้องให้แท็บ แต่ไม่มีโอกาสนั้นสักที จนได้มาร้องในงานแต่งงาน” – โจ้

5. BLACKPINK – ‘붐바야'(BOOMBAYAH)
“เคยเปิดดู The Voice แล้วมีคนมาร้องแล้วบอกว่า ภรรยาของผมชอบเพลงนี้ครับ โจ้บอกว่าโจ้จะทำบ้างก็เลยเลือกเพลงนี้แหละ” – แท็บบี้
“ประทับใจวงนี้อย่างนึงคือเต้นกันเป็นเขบ็ดสองชั้นเลยทีเดียว ไม่รู้จำกันได้ยังไง” – โจ้

 

LIVE Session – ห่างกันสักพัก

37.13

พบกับการเล่นสดที่เชื่อว่าคุณจะต้องไม่เคยฟังแท็บบี้ร้องเพลงนี้ที่ไหนมาก่อนแน่ๆ ร่วมด้วยบีทบ็อกซ์จากโจ้ และเสียงกีตาร์จากโฮสต์ของเรา แพท-บุญสินสุข เอง

Tags: , , , , , , , , ,