ทันทีที่เห็นตั๋วเครื่องบินราคาย่อมเยา ฉันก็แทบตัดสินใจกดจองและเดินทางในทันที เมื่อหาข้อมูลเล็กน้อยจากในอินเทอร์เน็ต ก็เห็นเพียงว่าเป็นเมืองสไตล์ฝรั่งเศสสวยงามเมืองหนึ่งของเวียดนาม

แต่พอเครื่องบินลดระดับลงช้าๆ เผยให้เห็นภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาเล็กๆ ไล่สลับกันไปเคียงคู่กับทะเลสาบน้อยใหญ่ และก้อนเมฆลอยต่ำ ความรู้สึกที่ได้นั้นเกินจากที่คาดหวัง เพราะคนที่เขียนรีวิวส่วนใหญ่มักเดินทางด้วยรถบัสโดยสารแบบนอนมุ่งตรงมาจากเมืองโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) ทำให้ไม่ค่อยมีใครได้กล่าวถึงทิวทัศน์อันแสนวิเศษนี้

ดาลัด (Dalat) เป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บนที่ราบสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงมีอากาศเย็นและมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ต่างจากเมืองอื่นๆ ในเวียดนาม

เท้าแตะพื้นที่สนามบินเลียนเคือง (Lien Khuong Airport) ด้วยอุณหภูมิเพียง 25 องศาตอนเที่ยงวัน ชัตเทิลบัสจากสนามบินก็จอดรอให้บริการอยู่แล้ว ด้วยราคาเพียง 40,000 ด่อง หรือ 60 บาท พร้อมส่งถึงหน้าประตูโรงแรม

รถบัสแล่นผ่านภูมิประเทศที่เป็นเนินเขา สองข้างทางเป็นป่าสนเขียวชอุ่มส่งอากาศและลมเย็นสบายให้โดยไม่ต้องเปิดแอร์ เพียงครึ่งชั่วโมงก็เข้าเขตตัวเมือง รถบัสแล่นเลียบเคียงทะเลสาบซวนเฮือง (Xuan Huong lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบใหญ่ใจกลางเมือง ขับผ่านวงเวียนมากมายเพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร แวะจอดส่งนักท่องเที่ยวตามโรงแรมต่างๆ จนถึงคิวฉันเป็นคนสุดท้าย

รถหยุดลงที่ถนนแห่งหนึ่ง คนขับบอกให้ฉันเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อเข้าไปเพราะโฮสเทลที่ฉันจองเป็นทางลาดลงเขาชัน แม้จะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำใจยอมรับ และพบว่าคุ้มค่ามากเมื่อพบกับวิวด้านหลังที่พักเมื่อมาถึง

Red House Hostel ที่ฉันพักตั้งอยู่ซอยเล็กๆ ซึ่งห่างจากใจกลางเมืองประมาณสองกิโลเมตร แต่ด้วยอากาศเย็น ๆ และบ้านเมืองอันสวยงามเป็นระเบียบ ทำให้สามารถเดินเล่นไปได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกไกลเลย อีกทั้งสองข้างทางยังเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารเล็กๆ มากมายเชิญชวนให้ไปชิม ฉันจึงใช้เวลาตลอดบ่ายวันนั้นเดินเล่นสำรวจในตัวเมืองและแวะกินอาหาร โดยค่อยๆ เลาะออกจากซอยและเดินไล่ไปตามถนนใหญ่ มุ่งไปทางทะเลสาบซวนเฮือง

แวะร้านแหนมเนือง อาหารขึ้นชื่อของเวียดนาม ต้นตำรับที่นี่นั้นไม่ได้มีเครื่องเคียงเยอะอย่างบ้านเรา มีเพียงหมูยอ แป้งทอดและผักดองสองสามอย่างกับผักสด อีกทั้งแผ่นแป้งยังแห้งและกลมใหญ่ แต่รสชาติก็อร่อยไปอีกแบบ

เดินชมเมืองไปเรื่อย อ้อมไปทางด้านหลังของทะเลสาบจะมี Dalat  Flower Garden เป็นสวนปลูกดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์สีสันสดใส พื้นที่กว้างใหญ่ให้ได้ใช้เวลาเดินเล่นได้เรื่อยๆ และยังมีแปลงเพาะพันธุ์และส่วนที่จัดจำหน่ายแก่ผู้มาเยือนอีกด้วย

เมื่อตกค่ำ วกมาฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ ที่ตลาดดาลัด ร้านค้าและร้านอาหารแผงลอยมากมายก็เริ่มตั้งขึ้นมาบนถนน พร้อมกับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น

อาหารที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่คือพิซซ่าดาลัด แม่ค้าจะวางแผ่นแป้งคล้ายแป้งแหนมเนืองกลมๆ แผ่นใหญ่ๆ ตอกไข่ใส่ แล้วโรยด้วยไส้กรอก ต้นหอม ชีส และซอสพริก ย่างบนเตาถ่านร้อนๆ จนได้ที่ และม้วนพับอย่างโรตียื่นให้ลูกค้ากิน เป็นอะไรที่พบอยู่ได้แทบทุกหัวมุมถนน เช่นเดียวกับสตรอว์เบอร์รี่และอาร์ทิโชก (Artichoke) พืชประจำถิ่นของที่นี่ซึ่งมีหน้าตาคล้ายดอกบัว คนมักนำมาปรุงกับอาหารเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพ นอกจากนั้น โต๊ะตัวเตี้ยกับเก้าอี้ซักผ้าตัวน้อยยังตั้งละลานตา รอนักท่องเที่ยวมาชิมหม้อไฟหรือปิ้งย่างบาบีคิวสไตล์เวียดนาม

จบจากอาหารคาวก็แวะจิบชาร้อนๆ แก้หนาวจากร้านกาแฟน่ารักๆ ที่พบเห็นได้ถี่ทุกหัวมุมถนน พอๆ กับพิซซ่าดาลัด

ขณะที่ภายนอกเมืองยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยงาม ลงใต้ไปเพียงห้ากิโลเมตรจะพบทะเลสาบเตวี่ยนเลิม (Tuyen Lam lake) ทะเลสาบขนาดใหญ่รายล้อมด้วยป่าสน มีร้านอาหารริมทางให้แวะ และมีเรือให้นั่งชมบรรยากาศ อีกฝากหนึ่งยังมีรีสอร์ตที่ให้ความรู้สึกเหมือนชาโตในฝรั่งเศส

ถ้าเต็มอิ่มกับธรรมชาติพอแล้ว อีกฝากหนึ่งของทะเลสาบก็มี Tunnel Clay สถานที่จัดแสดงรูปปั้นดินเหนียวขนาดใหญ่มหึมาจนเหมือนอุโมงค์เมื่อเดินผ่าน ตั้งแต่สรรพสิ่งเล็กๆ ยันรถไฟขนาดเทียบเท่าของจริง

ถัดออกไปจากทะเลสาบเพียงเล็กน้อยก็มีน้ำตกดาลันทา (Dalanta Waterfall) สถานที่หย่อนใจอีกหนึ่งแห่ง ในด้านความใหญ่และความสวยงามนั้นก็ไม่เท่าไร แต่ไฮไลต์คือโรลเลอร์โคสเตอร์ที่ให้นั่งไหลลงไปตามทางแทนการเดินลงเขาทั่วๆ ไป

ขับรถกลับขึ้นไปทางเหนือ ผ่านไร่สตรอว์เบอร์รีมากมายและแปลงผักที่ส่วนมากก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและซื้อผลผลิตกันได้จากต้น จากนั้นไปให้สุดที่ยอดเขาลังเบียง (Lang Biang) ขึ้นไปที่เรดาร์ ฮิลล์ (Radar Hill) เพื่อชมวิวทั้งเมืองจากที่ความสูง 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเล เมื่อเสียค่าผ่านทางและก็จะมีทางเลือกสองทางคือเดินขึ้นไปหรือนั่งรถจี๊ป แต่ขณะที่เราไปถึงนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว เจ้าหน้าที่จึงบังคับขึ้นรถจี๊ป เพราะเกรงว่าถ้าเดินขึ้นไปอาจจะถึงพรุ่งนี้เช้า

ขับรถขึ้นไปตามแนวป่าสน แสงแดดยามเย็นลอดผ่านกิ่งไม้เข้ามารำไร จนเมื่อไปถึงยอด มองลงมาจะเห็นไร่นา และทะเลสาบซ้วยหว่าง (Suoi Vang) ทะเลสาบขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของดาลัด และวิวภูเขาด้านหลังที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เพียงเท่านี้ก็เต็มอิ่มแล้วสำหรับการพักผ่อนชิลล์ๆ ในดาลัด กลับเข้าเมืองแวะกินเหลา (หม้อไฟ) ร้อนๆ นอนหลับสบาย

 

 

ภาพหน้าแรก: ทะเลสาบซ้วยหว่าง

Fact Box

  • การเดินทางมาเมืองดาลัดนั้น สามารถบินมาได้โดยตรงจากประเทศไทย หรือจะเลือกลงบินที่เมืองโฮจิมินห์แล้วนั่งรถบัสโดยสาร ใช้ระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
  • เนื่องด้วยอากาศที่นี่ดีตลอดทั้งปี เฉลี่ยอยู่ที่ 18-25 องศา โรงแรมทุกที่จึงไม่มีเครื่องปรับอากาศ
  • การเดินทางในเมืองสามารถทำได้โดยการใช้บริการรถแท็กซี่ ซื้อทัวร์ หรือวิธีที่คล่องตัวที่สุดคือเช่ารถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ขับ
Tags: , , , ,