วันนี้ (12 มีนาคม 2563) กระทรวงสาธารณสุขแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ป่วยเฝ้าระวัง 5,232 ราย และส่วนใหญ่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยตรงกว่า 5,000 ราย โดยล่าสุดมีผู้ป่วยสะสม 70 ราย กลับบ้านได้แล้ว 35 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 34 ราย และวันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 11 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 11 ราย ที่มีกิจกรรมร่วมกัน โดยติดมาจากนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง ที่เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และเริ่มมีอาการป่วยช่วงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ด้วยอาการไข้ หนาวสั่น และไอ ตอนป่วยก็ได้ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อน และในวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ผู้ใกล้ชิดเริ่มมีอาการป่วย ด้วยระบบทางเดินหายใจ 

“นับว่าเป็นโชคดีและผลงานของกรมควบคุมโรค ที่เพิ่มเกณฑ์ขยายการตรวจ จากเดิมที่ตรวจคนจากเมืองนอก แต่เราขยายไปยังกลุ่มคนที่มีอาการปอดบวม และทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน ทั้ง 11 คน จากการตวรจสอบพบพฤติกรรมที่ทำให้ติดเชื้อคือกินเหล้าแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่ม้วนเดียวกัน และพักผ่อนไม่เพียงพอ”

“ผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มก้อนเป็นบทเรียนสำคัญว่าการยกมาตรฐานการตรวจครอบคลุมมากขึ้น อย่างโรคทางเดินหายใจเป็นที่เป็นกลุ่มก้อนทำให้เราจับเชื้อได้ตั้งแต่ต้น พอป่วยแล้วไม่ยอมกักตัวเอง คนรอบตัวก็เสี่ยงจะติดได้”

ด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่าแม้จะพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อน แต่ประเทศไทยยังอยู่ในเฟสสอง เนื่องจากการติดต่อของโรคยังเป็นอยู่ในวงจำกัด สามารถรู้ได้ว่าติดจากใคร อย่างไรก็ตามเราอาจเจอได้อีกเรื่อยๆ ด้วยพฤติกรรมกลุ่มคนทางสังคม ดังนั้น สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ ล้างมือ งดการใช้ของร่วมกัน ตลอดจนถ้ามีอาการป่วยต้องอยู่บ้านและอย่าไปในที่ชุมชนถ้าไม่จำเป็น

“สิ่งที่สำคัญของเฟสสามคือเราหาไม่ได้ว่าเชื้อมาจากใคร และหาไม่ได้ถึงความสัมพันธ์ ตอนนี้เราต้องการขยายเวลาเฟสสองให้ยาวที่สุดเพื่อเตรียมทรัพยากรของเรา และทำให้ประชาชนปรับตัว ต้องรับผิดชอบในการป้องกันตัวเอง เราพยายามลดกรณีการระบาดที่เป็นกลุ่มก้อน แก้ไขง่ายคือกินร้อน ช้อนกลาง งดใช้ของร่วมกัน”

Tags: