มติ ครม. วันที่ 17 มีนาคม 2563 ต่อกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่

มาตรการด้านสาธารณสุข

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ยังไม่มีการปิดเมือง หรือปิดประเทศ หรือห้ามเข้าออกโดยสมบูรณ์

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและสกัดการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศไทย กำหนดให้ชาวต่างชาติที่เดินทางจากประเทศที่เป็นพื้นที่เขตติดต่ออันตราย 4 ประเทศ +2 เขตปกครองพิเศษ รวมถึงที่เดินทางมาจากเขตพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง ต้องดำเนินการดังนี้

– ขาเข้า ต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน

– ต้องมีประกันสุขภาพ

– ยินยอมใช้แอปพลิเคชั่นติดตามของรัฐ

– มาตรการนี้ใช้กับการเข้าเมืองทุกทาง ทั้งบก น้ำ และอากาศ

– ตม. จะดูหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติด้วยว่า ก่อนหน้าที่จะเข้าประเทศไทยประเทศสุดท้ายคือที่ใดบ้าง หากเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต้องมีมาตรการกักกันเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน

ห้ามข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจเดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น และเตือนประชาชนให้งดการเดินทางไปในประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่เขตโรคติดต่ออันตราย และพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง

กำหนดให้ชาวต่างประเทศและคนไทยที่เดินทางจากต่างประเทศ ต้องใช้แอปฯ ติดตามตัวทุกคน

แนะนำให้คนไทยที่พำนักอาศัยในต่างประเทศชะลอการเดินทางกลับประเทศไทย จนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคในประเทศไทยจะดีขึ้น

ด้านบุคลากรทางการแพทย์ มีแพทย์ ทั้งสิ้น 37,160 คน พยาบาล 151,571 คน

มาตรการการป้องกัน

เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงสูง

– ปิดมหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ สถาบันกวดวิชาและสถานศึกษาทุกสถาบัน ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์

– ปิดสนามมวย สนามม้า สนามกีฬา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชั่วคราว 14 วัน

-ปิด ผับ สถานบันเทิง สถานบริการ นวดแผนโบราณ โรงมหรสพ ฟิตเนส โรงภาพยนตร์ ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ชั่วคราว 14 วัน

-หากปิด 14 วันสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายอาจพิจารณาขยายเวลาปิดเพิ่ม

-ให้งดกิจกรรมรวมคนจำนวนมากเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เช่น จัดคอนเสิร์ต งานแสดงสินค้า กิจกรรมทางศาสนา วัฒนธรรม และกีฬา

-ลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อในสถานที่ที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานที่ราชการ และรัฐวิสาหกิจ โดยดำเนินการตามมาตรการป้องกันที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

-ร้านค้า ร้านอาหาร ให้มีมาตรการป้องกัน เช่น การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส การคัดกรองอุณหภูมิ การใช้หน้ากากอนามัย รวมทั้งลดความแออัด

-ให้เลื่อนวันหยุดสงกรานต์ 13-15 เมษายน 2563 ออกไปก่อน โดยจะชดเชยวันหยุดให้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

-เพิ่มความถี่การเดินรถขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความแออัด

-งดกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายคนข้ามจังหวัดของหน่วยงาน เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ โรงเรียน หรือหากจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ของโรค รวมถึงการจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว

-ให้ทุกหน่วยงานพิจารณามาตรการเหลื่อมเวลาทำงานและทำงานที่บ้าน ส่งเสริมการใช้ระบบอินเทอร์เน็ต การประชุมทางไกล

– ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคในระดับพื้นที่ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อย่างเคร่งครัด

มาตรการด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน

เร่งผลิตในประเทศและจัดหาจากต่างประเทศให้เพียงพอกับความต้องการ โดยจะเร่งผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยผ้า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการป้องกัน และผลิตเจลแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปใช้หน้ากากผ้า เมื่อเดินทางเข้าสถานที่ชุมนุม/ชุมชน

ส่วนหน้ากากอนามัยของกลางที่ยึดได้ จะรวบรวมส่งศูนย์กระจายและบริหารจัดการเพื่อกระจายต่อไป

สำรวจความต้องการของเวชภัณฑ์ที่จำเป็น อาทิ ชุดป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ (PPE) หน้ากาก N95 และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็น และประสานกับต่างประเทศ

มาตรการด้านข้อมูล

การสื่อสารข้อมูลต่างๆ ของรัฐบาลมาจาก 2 แหล่ง ได้แก่

– กระทรวงสาธารณสุข เป็นการแถลงเฉพาะด้านข้อมูลทางการแพทย์ การสาธารณสุข

– ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 เป็นการแถลงภาพรวมในทุกด้านที่เกี่ยวข้อง

มาตรการด้านต่างประเทศ

การจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลคนไทยในต่างประเทศ

-ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้ประโยชน์จาก TEAM THAILAND ในต่างประเทศ เพื่อเป็นทีมเฉพาะกิจ (Team Thailand COVID-19) ดูแลคนไทยในต่างประเทศ โดยมีทูตเป็นหัวหน้าทีม

มาตรการช่วยเหลือเยียวยา

กลุ่มธุรกิจ โรงงาน สถานประกอบการ โรงแรม และธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านการท่องเที่ยว ให้กระทรวงเกี่ยวข้องพิจารณามาตรการรองรับ อาทิ ช่วยเหลือการลดราคาห้องพักของธุรกิจโรงแรม

-พิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และมีภาระในการผ่อนชำระ เพื่อให้สถาบันการเงินผ่อนผันการชำระค่างวด

ข้อมูลจาก

https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/208160270252031/

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/27410

Tags: , ,