เขาคือนักดื่ม นักเล่น นักรัก นักเขียน และไอดอลของคนในยุคหนึ่ง หากวันนี้ยังมีชีวิตอยู่เขาอาจจะเปิดขวดเบียร์ดื่มฉลองอายุครบหนึ่งร้อยปีก็ได้

ลินดา คิงระโหยโรยแรง นักประติมากรหญิงรู้ดีว่าหล่อนแข็งแกร่งแค่ไหน แต่กับคนหัวแข็งอย่างชาร์ลส์ บูคอฟสกี หล่อนกำราบไม่สำเร็จสักที

หลายครั้งแล้วที่เขานอกใจหล่อน ล่าสุดกับสาวผมแดง 38D สาวเยอรมัน 85D ชื่อเล่น ‘คัพเคกส์’ คิงแก้แค้นด้วยการไปหลับนอนกับชายแปลกหน้า จนตั้งท้องกับใครหล่อนก็ไม่รู้ พอแท้งลูกหล่อนก็เริ่มเก็บข้าวของลงกล่องเตรียมย้าย เล่นเอาหล่อนเกือบตายเหมือนกัน

บูคอฟสกีแสดงท่าทีเย็นชาตอบรับ เขาเพิ่งวานให้คัพเคกส์ออกไปซื้อแชมเปญ เขาบอกลินดา คิงทางโทรศัพท์ เขาตั้งใจจะฉลองกับผู้หญิงคนใหม่บนฟูกหลังใหม่ที่เพิ่งมีคนมาส่ง ไม่มีทางที่เด็กในท้องจะเป็นลูกของเขา

ลินดา คิงรีบขับรถปรี่ไปที่คาร์ลตัน เวย์ บูคอฟสกีพักอยู่ใกล้ๆ ซันเซ็ต บูเลอวาร์ด เมื่อไม่มีใครตอบรับเสียงกริ่งและเสียงเคาะประตู หล่อนจึงปีนเข้าไปทางหน้าต่างห้องครัว บูคอฟสกีคว้าเครื่องพิมพ์ดีดหนักๆ วิ่งออกไปที่ถนนพร้อมกับหล่อน ยกมันขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วทุ่มมันลงบนรถที่จอดอยู่ด้วยความเดือดดาล…

จากเรื่อง Women นิยายตีพิมพ์เมื่อปี 1978 ที่บูคอฟสกีเขียนด้วยความเมา ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดใหม่ที่สำนักพิมพ์ชดใช้หนี้เขาเมื่อนานมาแล้ว

ยังมีเรื่องแนวนี้อีกนับร้อยเกี่ยวกับชายที่เรียกตนเองว่า ‘Dirty Old Man’ เล่าเรื่องราวการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายแบบไม่ได้ตั้งใจ การช่วยตัวเองข้างผนังกำแพง การข่มขืน หรืออาการเมาค้างจนเหงื่อตก บูคอฟสกีต้องการเรื่องราวแบบนี้พอๆ กับเบียร์ วิสกี หรือบุหรี่ เขาเป็นผู้ชายที่ต้องซื้อเซ็กซ์ครั้งแรกตอนวัยกลางยี่สิบ แต่พอย่างสามสิบ-สี่สิบ ผู้หญิงก็เรียงหน้าเข้ามาในชีวิต เหมือนแผ่นแม่เหล็กติดตามตู้เย็น

…..

ชาร์ลส์ บูคอฟสกี (Charles Bukowski ชื่อเดิม Heinrich Karl Bukowski) เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 1920 ที่เมืองอันแดร์นาชของเยอรมนี ครอบครัวอพยพไปลอส แองเจลีสเมื่อเขาอายุสามขวบ หลังจากพ้นราชการทหารพ่อของเขาหางานอื่นไม่ได้นอกจากเป็นพนักงานส่งนม ความเป็นอยู่ในครอบครัวแร้นแค้น พ่อติดเหล้า ชอบนอกใจกับหญิงอื่น ชอบใช้ความรุนแรง และชอบทุบตีลูกชาย ส่วนแม่ขี้หงอ

ชาร์ลส์เป็นเด็กชอบอ่าน เรียนดี อ่อนไหว แม้จะหยาบคาย เสียงดังก็ตาม เขามีปัญหาเรื่องสิวและผดผื่น ทำให้ต้องหยุดเรียนไปเป็นปี หลังเรียนจบชั้นมัธยมฯ ปลาย เขาเลือกเรียนต่อด้านสื่อสารมวลชนที่วิทยาลัยลอส แองเจลีส ซิตี จากนั้นกระเสือกกระสนจะเป็นนักเขียน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

สุรายาเมาเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขาตั้งแต่วัยหนุ่ม และมันเคยทำให้เขาต้องเข้าไปนั่งในคุกหรือในสถานบำบัดทางจิต กลางวันทำงาน กลางคืนเมามาย และเขียนไม่หยุดหย่อน แรงกระตุ้นในการเขียนของเขามาจากหนังสือ Notes from Underground (บันทึกจากใต้ถุนสังคม, 1864) ของฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี (Fyodor Dostoevsky)

“ผมเมาตลอดเวลา แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีสงครามอยู่” เขาไส้แห้ง แต่ก็ยังเขียนต่อไป ต้นปี 1944 ผลงานเรื่องสั้นเรื่องแรกของเขาได้รับการตีพิมพ์ อิทธิพลได้จากเจมส์ เธอร์เบอร์ (James Thurbur) นักเขียนเรื่องสั้นไร้สาระ และจอห์น ฟานเต (John Fante) นักเขียนที่ไม่ใส่จริตในภาษาเวลาเขียนถึงสิ่งรอบตัว ไม่ว่าความโดดเดี่ยว แอลกอฮอล์ ความจนยาก ความกลัว ความว่างเปล่า หรือโสเภณี

หลังปี 1946 บูคอฟสกีย้อนกลับมาลอส แองเจลีสอีกครั้ง อาศัยในบ้านพักซอมซ่อ กึ่งตื่นกึ่งเมา และยังเขียนเรื่องราว ปลายปี 1952 เขาได้งานชั่วคราวเป็นบุรุษไปรษณีย์ ทำจนครบสามปีถึงได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ แต่ไม่ช้าพิษสุราเล่นงานกระเพาะของเขาเจียนตาย เขาตัดสินใจลาออกจากงาน และเริ่มต้นเขียนบทกวี แรงจูงใจมีอยู่ตรงหน้า…บาร์โทรมๆ ซอกซอยสกปรก ห้องเช่าสับปะรังเค ผลงานเขียนของเขาบรรยายถึงโลกความจริงที่เอื้อมถึง ไม่ดัดจริต ไม่เพ้อพก

ปลายปี 1958 พ่อของเขาเสียชีวิต ส่วนแม่นั้นตายจากไปก่อนหน้านานแล้ว บูคอฟสกีขายบ้านของพ่อแม่ นำเงินไปดื่มและแทงม้า สิบสองปีต่อมาเขากลับเข้าทำงานที่ไปรษณีย์อีกครั้ง ทำหน้าที่เป็นพนักงานคัดแยกจดหมาย

ช่วงนั้นเขาปรับเปลี่ยนวินัย ทุกวันเขาจะเจียดเวลาสำหรับการเขียน ผลงานหลายชิ้นของเขาได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารใต้ดิน ปี 1960 หนังสือเล่มแรก เล่มบางๆ คล้ายสมุดของเขาตีพิมพ์ออกมา ตอนนั้นเขาอายุ 39 ปี ยังพักอยู่ในห้องเช่าโกโรโกโสในอีสต์ ฮอลลีวูด ครึ่งปีต่อมาเขาฉลองวันเกิดครบ 40 ปีตามลำพัง เริ่มจากเบียร์สิบสองขวดในบาร์อะโกโก จากนั้นตระเวนไปตามบาร์ต่างๆ ตลอดทั้งคืน “เบียร์ขวดละเหรียญยี่สิบห้าเซ็นต์ ผมดื่มมันเหมือนน้ำ น้ำ ให้ตายเถอะ ผมแทบไม่ดื่มน้ำเลย”

…..

ปี 1966 หนังสือของชาร์ลส์ บูคอฟสกีตีพิมพ์ครั้งแรกกับสำนักพิมพ์ Black Sparrow Press และเป็นสำนักพิมพ์บ้านเกิดของเขาอยู่นานถึงสี่ทศวรรษ ที่นั่นจ่ายค่าบทกวีให้ ‘บุค’ ชิ้นละ 30 ดอลลาร์ งานที่ไปรษณีย์เขาได้สัปดาห์ละไม่ถึง 100 ดอลลาร์ งานเขียนคอลัมน์ทำให้เขามีชื่อเสียง และตำนาน ‘บูคอฟสกี’ ถือกำเนิดขึ้นจากตัวเขาเอง กวีผู้ชาญฉลาดและขี้เมา ชอบเอาชนะตนเอง

ปี 1970 เขาลาออกจากงานไปรษณีย์อีกครั้ง หลังวันลาออกเขาแทบไม่หยุดเขียนนิยายกึ่งชีวประวัติ Post Office สวมบท ‘เฮนรี ชินาสกี’ บทบาทแอนตีฮีโรครั้งแรก เป็นพนักงานไปรษณีย์ที่ถูกเจ้านายรังแก แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ตามกฎเกณฑ์ของตนเอง หนังสือเล่มนี้แล้วเสร็จภายในสามสัปดาห์ และกลายเป็นหนังสือขายดีตลอดกาล

บูคอฟสกีเคยมีลูกสาวหนึ่งคนกับฟรานเซส ดีน สมิธ (Frances Dean Smith) และเคยใช้ชีวิตคู่ด้วยกันโดยไม่ได้สมรส ต่อมาปี 1977 เขารู้จักกับลินดา ลี เบจเล (Linda Lee Beighle) อดีตเจ้าของร้านค้าออร์แกนิก อยู่กินด้วยกันฉันผัวเมีย มีทะเลาะเบาะแว้ง และแยกทางกันบ้างบางคราว จนกระทั่งโยกย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านในซาน เปโดร และใช้ชีวิตร่วมกันกระทั่งบูคอฟสกีเสียชีวิตในปี 1994 ด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ป้ายที่หลุมฝังศพของเขามีชื่อเล่น ‘แฮงค์’ และอักษร ‘DON’T TRY’ เหมือนที่ ‘ลินดา คิง’ ว่า “อย่าพยายามเป็นอะไรที่ดีกว่าฉันก็แล้วกัน” หรือเป็นไปได้เช่นกันว่าอาจจะหมายถึง “ถ้าคุณจะเขียน จงอย่าพยายาม แต่ปล่อยให้มันไหลไปเอง” 

ถ้อยคำหวานๆ หรือโรแมนติกอย่างคำว่า “ผมรักคุณ” ไม่เคยหลุดจากปากของบูคอฟสกี ไม่ว่ากับคนที่เป็นภรรยาหรือหญิงคู่นอน จะมีก็เพียงคำสบถ คำหยาบ ที่เขาทั้งพ่นจากปากและเขียนลงบนกระดาษ

ถึงกระนั้นเขาก็ยังเป็นที่รักใคร่ของผู้หญิงทุกคนที่เคยเคียงข้างกาย อีกทั้งยังเป็นไอดอลของใครหลายคนในยุคหนึ่ง รวมถึงศิลปินชื่อดังอย่างจอห์นนี เด็ปป์ มิคกี รูร์ค หรือโบโน แห่งวง U2 

อ้างอิง:

https://www.tagesspiegel.de/gesellschaft/charles-bukowski-gnadenlos-direkt/9608366.html

https://www.wienerzeitung.at/nachrichten/kultur/literatur/2071287-Mythen-Dreck-und-Schlacke-100-Jahre-Charles-Bukowski.html

https://www.swr.de/swr2/leben-und-gesellschaft/schmutzig-ehrlich-erfolgreich-wie-aktuell-ist-charles-bukowski-swr2-forum-2020-08-13-100.html