ห้องอาหารใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดสดๆ ร้อนๆ ที่ โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ เราได้ไปเยือนห้องอาหาร ชาร์  (Char by Four Seasons) ในช่วงหลังจากที่มิชลินไกด์ 2020 ประกาศไปสักเล็กน้อย และก็อย่างที่นักชิมหลายคนที่ยึดคู่มือปกแดงนี้เป็นตำราตระเวนกินก็น่าจะทราบกันดีแล้วว่า ปีนี้มิชลินไกด์ได้มีการขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดเชียงใหม่เข้ามาเป็นปีแรก ทว่าน่าเสียดายที่กลับไม่มีร้านไหนที่เชียงใหม่ได้รับการประดับดาวจากมิชลินในปีนี้เลย (มอบให้แต่รางวัลบิบ กูร์มองด์ 17 ร้าน และรางวัลมิชลินเพลทอีก 33 ร้านเท่านั้น) ทั้งๆ ที่เชียงใหม่เองก็เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยร้านอาหารดีๆ อยู่มากมาย หนึ่งในจำนวนนั้นที่เราเคยได้ชิมมา และอยากจะถือวิสาสะมอบดาวให้ (เอง) เสียเหลือเกิน ก็คือ ชาร์นี่แหล่ะ แม้ทางร้านจะเพิ่งเปิดมาได้หมาดๆ ก็ตามที แต่น่าเสียดายที่เราหาได้เป็นกรรมการมิชลินกับเขาไม่ ก็เลยได้แต่นำมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น

เตาย่างอย่างสุดอลังฯ ของ บิลล์ เบนสเลย์

เตาย่าง Iconic รูปดอกบัว ผลงานของราชาแห่งการออกแบบรีสอร์ทหรูทั่วโลก

ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาภายในพื้นที่ของห้องอาหารบรรยากาศเปิดโล่งแห่งนี้ สิ่งแรกที่สะดุดทุกสายตาได้ชะงัดนัก คือเตาย่าง Iconic ที่เป็นสัญลักษณ์ของห้องอาหารรูปดอกบัวสะดุดตาที่งดงามราวกับงานศิลปะมาสเตอร์พีซ ซึ่งเมนูกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของห้องอาหารชาร์นั้น ล้วนปรุงโดยใช้เตาย่างที่ออกแบบมาอย่างเริ่ดนี้ ความพิเศษของเตานี้นอกจากจะสวยงามแล้วยังสามารถปรับระดับเพื่อควบคุมความร้อน ให้เข้ากับการปรุงอาหารแต่ละชนิดได้อย่างเหมาะสม ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทั้งเตานี้และห้องอาหารชาร์จะเป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิกและนักออกแบบภูมิทัศน์ชื่อดังก้องโลกอย่าง บิลล์ เบนสเลย์ (Bill Bensley) ผู้ได้รับการขนานนามและมีชื่อเสียงในระดับสากล ว่าเป็นราชาแห่งการออกแบบรีสอร์ทสุดหรูทั่วโลก

เตาย่างปรับระดับ พิเศษตรงใช้ฟืนถ่านลำไย 

วัตถุดิบท้องถิ่น แต่ขอพื้นที่สักนิด ให้เชฟได้โชว์ของดีจากบ้านเกิด

เมนูของห้องอาหารชาร์เน้นกรรมวิธีการปรุงอาหารจากการก่อฟืน จุดไฟแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับการใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ ซึ่งมีทั้งวัตถุดิบในท้องถิ่น และวัตถุดิบนำเข้าอีกบางส่วน เชฟมาร์โค อเวซานี หัวหน้าทีมพ่อครัวห้องอาหารชาร์ นำเอาทักษะและความเชี่ยวชาญด้านอาหารอิตาเลียนมายกระดับความโดดเด่นให้กับห้องอาหารชาร์ 

เชฟมาร์โคเกิดและเติบโตที่ประเทศอิตาลี ในสมัยเยาว์นั้นมักจะเดินทางไปเยี่ยมคุณยายพร้อมครอบครัวที่บ้านเกิดของท่านในเขตชุมชน San Bortolo delle Montagne ซึ่งเขามักจะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ก่อกองไฟ เพื่อต้มน้ำอุ่นให้ทุกคนและสร้างความอบอุ่นในบ้านแทนฮีตเตอร์ เพราะสมัยนั้นไม่มีเครื่องทำความร้อนที่บ้านคุณยาย “เวลาทำอาหารก็ต้องทำจากเตาไฟข้างนอกบ้านซึ่งต้องก่อฟืน และนั่นก็คือแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจของผม” มาร์โคกล่าว

เชฟมาร์โคทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรท้องถิ่นทั่วทั้งเชียงใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้วัตถุดิบคุณภาพในแต่ละฤดูกาล และหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการปรุงอาหารย่างไฟของที่นี่ก็คือฟืนถ่านไม้ลำไย ซี่งเมื่อนำไปจุดไฟย่างก็จะให้ทั้งกรุ่นกลิ่นสโม้ค และรสชาติที่เฉพาะตัวตัวให้กับเนื้อ นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบท้องถิ่นดีๆ อย่างลูกฟิกออร์แกนิกจากหางดง ผักออร์แกนิกจาก Mountain Fresh ซึ่งเป็นฟาร์มที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น และมีฟาร์มปลูกอยู่ที่สะเมิง มะเขือเทศคุณภาพดีที่ปลูกในเรือนกระจกที่อยู่ห่างจากโรงแรมเพียงแค่ 10 นาที ฯลฯ เรียกได้ว่า From farm to table เป็นจุดเด่นอีกอย่างของห้องอาหารชาร์ 

นอกจากนี้ ด้วยความที่เชฟเลียม นีลอน หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ของทางโรงแรม นั้นมาจากออสเตรเลีย เขาจึงอยากที่จะนำเสนอวัตถุดิบดีๆ จากดินแดนบ้านเกิดของเขาอย่างเนื้อคุณภาพพรีเมียมจากออสเตรเลีย และ goat feta cheese จากผู้ผลิต artisan ซึ่งเขาหลงใหลในรสชาติ และอยากให้แขกของห้องชาร์ได้ลิ้มลอง ทำให้ห้องอาหารชาร์น่าจะเป็นห้องอาหารเพียงในประเทศไทยที่มีชีสจากผู้ผลิตเจ้านี้อยู่

เนื้อพรีเมียมไฟน์คัทจากออสเตรเลีย และยังมีเนื้อไทยวากิวให้เลือกด้วย

ที่สุดแห่งความฟิน…สวรรค์รำไรของคนรักเนื้อ 

หอยนางรม Coffin Bay ท็อปเกล็ดน้ำแข็งรสส้ม 

เราเริ่มต้นมื้อนี้กันด้วยจานเรียกน้ำย่อยอย่าง หอยนางรม Coffin Bay อันมีชื่อเสียงจากออสเตรเลีย ถิ่นบ้านเกิดของเชฟเลียม รับประทานคู่กับเกล็ดน้ำแข็งรสส้ม และพริกฮาลาพินโญ่ ทั้งสดชื่น และช่วยเรียกความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี 

ทาร์ทาร์เนื้ออร่อยเหลืออย่างร้ายกาจ ปรุงสดๆ ข้างโต๊ะด้วยซอสศรีราชาสูตรลับที่ทางร้านทำเอง

ทาร์ทาร์เนื้อ ของที่นี่ เมื่อสั่งแล้วพนักงานของร้านจะยกสเตชั่นมาปรุงให้ชมกันสดๆ ถึงข้างโต๊ะ เมื่อได้ชิมพบว่าอร่อยเหลืออย่างร้ายกาจ เล่นเอาคนรักเนื้ออย่างเราฟินจนน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม และเอ่ยปากชมไม่หยุดปาก เมื่อสอบถามพบว่าเคล็ดลับในการปรุงนั้นอยู่ที่ซอสพริกศรีราชาสูตรลับที่ทางร้านทำขึ้นมาเอง 

ขนมปังซาวโดว์ ยีสต์ธรรมชาติ

ลืมบอกไปว่าที่นี่อบขนมปังซาวโดว์ จากยีสต์ธรรมชาติที่เลี้ยงเอง ขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ได้กลิ่นเปรี้ยวนิดๆ เป็นความดีงามอีกอย่างของห้องอาหารชาร์เลยก็ว่าได้ 

ไขกระดูกวัว กับขนมปัง ชีสบูราตา และเห็ดทรัฟเฟิล แทสมาเนียนแซลมอนย่าง 

ไขกระดูกวัวย่าง ปรุงกับผักดอง รับประทานคู่กับขนมปัง และ ชีสบูราตา เป็นจานเด่นที่เชพนำมาเสิร์ฟให้นอกเหนือจากที่เราสั่งแล้วบอกให้ลองชิม ไขกระดูกวัวปรุงรสเคล้าผักดองให้รสชาติที่เปิดประสบการณ์ใหม่ ส่วนขนมปังที่ท็อปอัพด้วยชีสบูราตา ผัก และเห็นทรัฟเฟิลก็ทั้งนุ่มนวลและหอม อีกเมนู แทสมาเนียนแซลมอนย่าง มาแบบสุกพอดิบพอดีจนสัมผัสได้ถึงความสด 

อภิมหาความฟินในวันนี้ต้องยกให้จานนี้ สเต็กเนื้อ 3 คัท ที่เชฟปรุงมาเป็นพิเศษ เพราะอยากให้เราได้ลองหลายๆ อย่าง แต่ที่เราชอบสุดๆ แบบกินกันไม่ลงมีอยู่สองอย่าง คือ เนื้อออสเตรเลียนวากิวส่วนแฮงเกอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ติดกับเครื่องใน จึงทำให้ได้รสเนื้อที่เข้มข้น และเนื้อไทยวากิว ส่วนสันนอก ที่ได้ทั้งความนุ่มและรสมันโค เนื้อทั้งสามแบบย่างมาแบบมีเดียมแร์สีชมพูสวยพอดิบพอดี ทั้งรสชาติ กลิ่น และสัมผัสแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการย่างของคนปรุงได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีซอสถึง 3  แบบให้เลือกจิ้ม ยิ่งช่วยเปลี่ยนอรรถรสในการกินได้อย่างไม่รู้เบื่อ เล่นเอาคนรักเนื้ออย่างเราเป็นสุขเห็นสวรรค์อยู่รำไรเลยทีเดียว 

ช็อกโกแลต ออน ไฟร์ ช็อกโกแลตเค้ก และไอศกรีมวานิลา

ของหวานวันนี้มาพร้อมกันสองจาน ซึ่งเราว่าใครที่เป็นสายดื่มน่าจะชอบ ช็อกโกแลต ออน ไฟร์ ที่มีพรีเซนเทชั่นอย่างเริ่ดด้วยการจุดไฟใส่เหล้า แล้วราดเปลวเพลิงให้ช็อกโกแลตบอลละลาย แต่ถ้าใครที่ไม่พิศสมัยเหล้าก็ขอเตือนว่าระวังจะเมาเพราะเหล้าแรง ส่วนอีกจานนั้นเราชอบมาก เพราะเขาใช้ช็อกโกแลต วาลโรห์นา มาทำเป็นเค้กช็อกโกแลต รับประทานกับซอสสตรอว์เบอร์รี่ และไอศกรีมวานิลา ทั้งหวานเข้มข้นและสดชื่น ช่วยให้จบอาหารค่ำมื้อนี้ได้อย่างสวยงาม 

เมนูค็อกเทลที่สร้างสรรค์โดยบาร์เทนเดอร์ชื่อดัง ฟิลิป บิชอฟ Beverage Ambassador ของเครือโฟร์ซีซั่นส์

ด้วยคุณภาพและรสชาติของอาหารที่ได้ลิ้มรส รวมถึงมาตรฐานการบริการที่เป๊ะอย่างเป็นธรรมชาติในระดับ โฟร์ซีซั่นส์ ทั้งบรรยากาศอันสวยงามท่ามกลางธรรมชาติของรีสอร์ต และห้องอาหารชาร์ ถ้าปีหน้ามิชลินไกด์จะให้ดาวกับห้องอาหารไหนสักแห่งในเชียงใหม่ เราจะไม่นึกแปลกใจเลยหากชาร์จะติดโผเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย

Fact Box

  • เมนูค็อกเทลที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อห้องอาหารชาร์โดยเฉพาะ รังสรรค์จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบาร์เทนเดอร์ชื่อดัง ฟิลิป บิชอฟ Beverage Ambassador ของเครือโฟร์ซีซั่นส์ เขาได้ผสมผสานรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของวัตถุดิบในภาคเหนือของไทยเข้าไว้ในเมนูเครื่องดื่มได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโรสแมรีรมควันหรือการใช้กลิ่นของเปลือกเชอร์รี่  แม้แต่การใช้สัปปะรดภูแลย่างรมควันเพื่อแทรกสอดกลิ่นอายของรสชาติผลไม้เขตร้อนในเครื่องดื่ม ทั้งนี้เครื่องดื่มรมควันยังเข้ากันได้ดีกับอาหารย่างของห้องอาหารชาร์ได้เป็นอย่างดี 
  • ห้องอาหารชาร์ ตั้งอยู่ใน โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ สำรองที่นั่งได้ที่ https://bit.ly/2sHLN2X หรือ โทร. 0-5329-8181
Tags: ,