หลายคนอาจคุ้นเคยเมื่อพูดถึงชื่อแบรนด์ดังอย่าง ร้านอาหารเดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง, เบรดทอล์ค, เดอะ คอฟฟี่ คลับ รวมถึงธุรกิจโรงแรม อย่างโรงแรมอนันตรา, โรงแรมแมริออท รวมถึงแบรนด์แฟชั่นอีกมากมาย เช่น ชาร์ลส แอนด์ คีธ, เอแตม ทั้งหมดนี้เป็นกิจการภายใต้ ‘ไมเนอร์ กรุ๊ป’

และที่มาของชื่อ ‘ไมเนอร์ กรุ๊ป’ ก็เป็นเพราะว่า ผู้ก่อตั้งบริษัท ‘วิลเลี่ยม เอ็ลล์วูด ไฮเน็ค’ เริ่มธุรกิจของตัวเองตอนยังเป็นผู้เยาว์ อายุแค่ 17 ปีเท่านั้นเอง

มาปีนี้ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มีอายุครบรอบ 50 ปีแล้ว และเพิ่งจัดงาน ‘Celebrating Our First 50 Years And The Journey Ahead’ โดยมีประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารอย่าง วิลเลี่ยม ไฮเน็ค มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ของการเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจ ภายในงานยังจัดแสดงนิทรรศการผลงานความสำเร็จของธุรกิจแบรนด์ต่างๆ ด้วย

ย้อนไปเมื่อปี 2510 วิลเลี่ยม เอ็ลล์วูด ไฮเน็ค เด็กหนุ่มสหรัฐฯ วัย 17 ปี เริ่มก่อตั้งบริษัทโฆษณา บริษัทอินเตอร์-เอเชียนพับลิซิตี้ และธุรกิจบริการทำความสะอาดสำนักงาน ในนาม บริษัทอินเตอร์-เอเชียน เอ็นเตอร์ไพรซ์ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจทั้งในรูปแบบเจ้าของ ร่วมลงทุน และรับจ้างบริหารจัดการ

แต่ขณะนั้น ไฮเน็คมีสถานะทางกฎหมายเป็น ‘ผู้เยาว์’ นั่นจึงกลายมาเป็นชื่อของ บริษัทไมเนอร์ โฮลดิ้งส์ และต่อมาก่อตั้งโรงแรมรอยัล การ์เด้น รีสอร์ทขึ้นมาเป็นโรงแรมแห่งแรกของบริษัทในปี 2521 (ปัจจุบันคือโรงแรมอวานี พัทยา รีสอร์ท) ตามด้วยธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นต่างๆ

จากผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก สู่องค์กรใหญ่ที่มีทีมงานเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับคุณภาพจำนวนมาก ไมเนอร์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2531 โดยรายได้ส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น ธุรกิจโรงแรม 50% ธุรกิจอาหาร 30-40% ส่วนที่เหลือเป็นส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์

ไฮเน็คบอกว่า หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของเขาคือ customer first หรือ การคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ แต่ก็ยังมั่นคงในแพสชันและวิสัยทัศน์ กล้าท้าทายกับความเสี่ยงเพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้นำระดับโลก

กลยุทธ์การตลาดที่ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยหลักแล้วคือการพัฒนาสร้างสรรค์รูปแบบการให้บริการและสินค้าที่มีอยู่ให้เจาะกลุ่มความต้องการของคนส่วนใหญ่ให้มากที่สุด โดยมีตัวช่วยสำคัญคือ นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาช่วยทำอีคอมเมิร์ซและเสริมโครงสร้างองค์กรควบคู่ไปกับการคำนึงถึงความยั่งยืน เพื่อให้ไมเนอร์กรุ๊ปเติบโตไปได้ในแวดวงธุรกิจ

ไฮเน็คเน้นย้ำในการดำเนินและปรับตัวทางธุรกิจว่า ต้องมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของลูกค้า และต้องคอยสังเกตและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของคนในสังคมโลกให้เท่าทัน เพราะยิ่งรู้จักข้อมูลของลูกค้ามากเท่าไร ก็จะสามารถนำมาพัฒนาให้บริการขององค์กรดีขึ้น

ขณะนี้ไมเนอร์กำลังอยู่ในช่วงเก็บสะสมผลงาน และวางแผนกลยุทธ์ในการรุกตลาดอุตสาหกรรมในระยะยาว สำหรับการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 6 โดยปัจจุบัน ไมเนอร์ขยายการลงทุนเข้าสู่ตลาดสากลกว่า 64 ประเทศ 5 ทวีป ล่าสุดยังลงทุนที่ทวีปอเมริกาและยุโรป จนอาจเรียกได้ว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ลงทุนหลากหลายมากที่สุดคนหนึ่งในโลก

Tags: