ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีมูลค่ากว่าสองล้านล้านบาท มีอัตราการเติบโตถึง 19 เปอร์เซ็นต์ และยังสามารถโตขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมการช็อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น พร้อมกับผู้เล่นรายใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาแข่งขัน หรือหาช่องว่างจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพื่อออกผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์นักช็อป

ธุรกิจหนึ่งที่อาศัยช่องวางจากอีคอมเมิร์ซ ก็คือ ‘ธุรกิจเงินคืน’ เพราะปกติ การซื้อขายออนไลน์จะเกิดขึ้นผ่านเว็บไซต์ใหญ่ๆ โดยจะให้ค่าคอมมิชชันสำหรับผู้ที่แนะนำหรือบอกต่อให้คนอื่นเข้ามาที่เว็บไซต์นั้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้คิดค้นบริการที่เปรียบเสมือนตัวกลางเชื่อมระหว่างร้านค้าและคนซื้อ ถ้ามาซื้อขายผ่านตัวกลางนี้ ก็จะคืนเงินให้กับคนซื้อกลับไป ด้วยจำนวนเงินที่แตกต่างกัน

 

ค่า ‘คอมมิชชัน’ ที่เราไม่รู้

ธุรกิจเงินคืนยังมีผู้เล่นไม่เยอะนัก รายใหญ่ในสหรัฐฯ ก็อย่าง ebates ส่วนในไทยต้องเรียกว่าหลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ถ้าใครติดตามข่าวธุรกิจ ก็จะเห็นชื่อของ dealcha และ shopback รายหลังมาจากสิงคโปร์ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทย

แต่ล่าสุด มีสตาร์ตอัปคนไทยที่เปิดเพิ่งจะเปิดตัวเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน myCashback.co ผู้ให้บริการเงินคืนสำหรับผู้ซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ที่สร้างจุดแข็งด้วยการคืนเงินสูงสุด 100 เปอร์เซ็นต์ และคืนเงินเร็วที่สุดเพียงแค่หนึ่งวัน

ณภัทร สืบสาย กรรมการผู้จัดการ myCashback.co เล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยและเอเชีย ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่ผู้บริโภคยังไม่ทราบว่าการซื้อขายตรงนี้มีค่าคอมมิชชันสำหรับผู้ที่แนะนำหรือชักชวนคนอื่นให้เข้ามาที่เว็บไซต์ขายของออนไลน์ จึงอยากให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากเงินตรงนี้มากที่สุด

“การที่อีคอมเมิร์ซโตมาก สิ่งที่ควรจะตามมากับมันคือธุรกิจเงินคืน แต่คนไม่ได้ยิน ไม่รู้จัก มีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองที่รู้จักและใช้มัน ทั้งๆ ที่การซื้อขายในอีคอมเมิร์ซ เราเอามาเป็นเงินคืนได้หมด เราไม่อยากให้คนไทยเสียเปรียบ เลยทำตรงนี้ขึ้นมาให้ได้ใช้กัน”

   “ในโลกออนไลน์ ตามร้านค้าใหญ่ๆ เช่น ลาซาด้า เซ็นทรัล เซโฟรา จะมีการจ่ายค่าขายหน้าให้กับคนที่พาลูกค้ามาซื้อของในเว็บไซต์ เรามองว่าถ้าเป็นแบบนั้น ก็เอาเงินค่าคอมมิชชันคืนลูกค้าไปเลย เป็นประโยชน์กับลูกค้าด้วยที่ได้เงินคืนส่วนหนึ่ง”

โมเดลธุรกิจอาจมีหลายแบบ สัดส่วนการให้เงินคืนของแต่ละเจ้าก็แตกต่างกันไป บางแห่งให้เงินคืนเต็มจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการได้เงินคืนจะเกิดขึ้นเมื่อทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น แล้วทางร้านค้ายืนยันรายการกลับมา จากนั้นในกรณีของ myCashback.co ระบบจะส่งเงินคืนเข้าสู่บัญชีของคนซื้อหลังการจัดส่งสินค้าเสร็จสิ้นหนึ่งวัน นับเป็นการคืนเงินที่เร็วที่สุดที่ยังไม่มีเจ้าไหนทำได้ เพราะเจ้าอื่นๆ อาจใช้เวลา 30-45 วัน

 

ธุรกิจเงินคืนยังมีผู้เล่นไม่เยอะนัก รายใหญ่ในสหรัฐฯ ก็อย่าง ebates ส่วนในไทยต้องเรียกว่าหลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

“เราอยากเป็นเว็บไซต์ที่ให้เงินคืนมากที่สุดในโลก ทำอย่างไรให้เป็นได้ เราเลยให้เงินคืนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เราแตกต่างจากเจ้าอื่นในตลาด เพราะปกติค่าคอมมิชชัน เขาจะเก็บไว้ 50 เปอร์เซ็นต์ อีก 50 เปอร์เซ็นต์ คืนให้ลูกค้า อีกอย่างคือเราอยากให้มันมีความโปร่งใส ลูกค้ามีความสบายใจ และมีความชัดเจน ยิ่งการซื้อขายออนไลน์ กว่าจะได้เงินคืนต้องรอเป็นเดือน สิ่งที่เราทำอยู่คือเงินคืนภายในหนึ่งวันหลังจากซื้อของ”

แต่เงินคืนส่วนนี้ มีเงื่อนไขอยู่ว่าจะถูกเก็บในบัญชีของคนซื้อ เมื่อต้องการถอนเงินออกจากบัญชีจะต้องมีเงินสะสมขั้นต่ำครบ 300 บาทจึงจะถอนได้ และจะถูกหักค่าธรรมเนียม 10 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้งที่ถอน ซึ่งการคืนเงินจะทำผ่านระบบ Paypal โดยเงินสะสมจะเก็บไว้ได้ไม่มีวันหมดอายุ

 

แล้วรายได้มาจากไหน?

“รายได้ของเรามามาจากค่าธรรมเนียม 10 เปอร์เซ็นต์ เวลาลูกค้าถอนหลังออกจากบัญชีในเว็บไซต์เรา ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในตลาด”

ขณะนี้ myCashback.co มีร้านค้ามากกว่า 40 แห่ง เช่น เซ็นทรัลออนไลน์ ท็อปส์ออนไลน์ บิ๊กซีออนไลน์ Pomelo  Lazada Agoda และ Hotel.com  มีสินค้าและบริการมากกว่า 10 ล้านรายการ ตั้งเป้าปีหน้ามีร้านค้าที่เป็นพันธมิตรถึง 100 ร้านค้า มีสินค้าและบริการมากกว่า  20 ล้านรายการ มีอัตราการเติบโต 500 เปอร์เซ็นต์ และมูลค่าการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ 50 ล้านบาท พร้อมบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจเงินคืนในอาเซียน

 

“ในโลกออนไลน์ ตามร้านค้าใหญ่ๆ มีการจ่ายค่าขายหน้าให้กับคนที่พาลูกค้ามาซื้อของในเว็บไซต์ เรามองว่าถ้าเป็นแบบนั้น ก็เอาเงินค่าคอมมิชชันคืนลูกค้าไปเลย”

“เราเปิดตัวได้ไม่นาน ตอนนี้มีคนเข้ามาที่เว็บไซต์เราหลักหมื่นคน แสดงว่าคนให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการซื้อมากขึ้น โดยเฉลี่ยมีคนสั่งซื้อ 200 คนต่อวัน และมียอดเฉลี่ย 200 บาทต่อบิล ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า เราจะไปเปิดตลาดในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนิเซีย เวียดนาม ฟิลิปินส์ โดยเฉพาะอินโดนิเซียกับฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เราสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากยังไม่มีผู้เล่นในธุรกิจนี้ และตลาดอีคอมเมิร์ซในสองประเทศนี้ก็เติบโตสูงมาก”

“แผนในอนาคต เราอยากเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียนให้ได้ เราไม่อยากเห็นผู้บริโภคเสียโอกาสตรงนี้ไป ก็ต้องสร้างการรับรู้และให้คนเข้าใจว่ามันคืออะไร ได้เงินคืนจริงไหม สร้างความน่าเชื่อถือว่า เราไม่ได้หลอก แค่ซื้อของแล้วได้เงินคืนจริงๆ” ณภัทร กล่าวทิ้งท้าย

 

ภาพประกอบหน้าแรกโดย ภัณฑิรา ทองเชิด

 

 

FACT BOX:

เว็บไซต์ myCashback.co คือเว็บไซต์นายหน้าที่จะพาคุณไปช้อปออนไลน์และได้เงินคืนโดยหลักการที่ myCashback.co นำเงินมาคืนนั้นเอาเงินมาจากค่าคอมมิชชั่น โดยปกติเวลาที่ทุกคนทำการซื้อของออนไลน์ จะต้องเข้าไปในเว็บไซต์ของร้านค้านั้นๆ โดยตรงแล้วทำการซื้อสินค้า หรือ บริการที่ต้องการ ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้จ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ผู้ที่หาลูกค้าให้พวกเขา ซึ่งค่าคอมมิชชั่นที่คู่ค้าพันธมิตรจ่ายคือสิ่งที่ทาง myCashback.co นำมาคืนให้กับทุกๆ คนแบบเต็มจำนวน

Tags: , , , , , ,