หลายคนที่เห็นข่าวไฟไหม้พิพิธภัณฑ์ทางมานุษยวิทยาและธรรมชาติวิทยาที่ใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ต้องเศร้าหนักไปกันใหญ่ เมื่อทางการบราซิลแถลงว่า สาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นเพราะขาดแคลนงบประมาณ นักดับเพลิงทำงานไม่ได้เพราะไม่มีกระทั่งน้ำในท่อดับเพลิง ส่วนนักประวัติศาสตร์บางคนถึงขั้นฝ่าดงเพลิงเข้าไปเก็บกู้ซากสัตว์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก

พิพิธภัณฑ์อายุ 200 ปีนี้เก็บสิ่งล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมายกว่า 20 ล้านชิ้น รวมทั้ง ‘ลูเซีย’ โครงกระดูกเพศหญิงอายุ 12,000 ปี ที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในลาตินอเมริกา

เจ้าหน้าที่สอบสวนยังไม่รู้สาเหตุต้นเพลิงของไฟไหม้ แต่ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนมาหลายปีแล้วว่า อาคารนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้

ในคืนเกิดเหตุ ท่อดับเพลิงที่ใกล้ที่สุดไม่มีน้ำ ทำให้นักดับเพลิงต้องหาน้ำจากสระน้ำใกล้ๆ ระบบตรวจควันในอาคารก็ไม่ทำงาน ระบบดับเพลิงของอาคารไม่เพียงพอ ก่อนหน้านี้เพียง 1 เดือนเพิ่งมีการเตรียมปรับปรุงระบบดับเพลิง และเพิ่งมีการอนุมัติเมื่อเดือนมิถุนายน จะได้เงินสนับสนุนเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวว่า “ไฟไหม้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจะได้รับเงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อซ่อมแซมและติดตั้งระบบดับเพลิง”งบประมาณส่วนหนึ่งของการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์เป็นการออกแบบระบบป้องกันไฟไหม้ที่ทันสมัย

โฆษกของมหาวิทยาลัยริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งดูแลพิพิธภัณฑ์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีเอบีซีนิวส์ว่า ปีนี้พิพิธภัณฑ์ได้งบประมาณเพียงแค่ 60% จากที่ขอไปเท่านั้น

หลุยส์ เฟอร์นานโด รองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์โกรธมาก และกล่าวหาว่า ทางการบราซิลไม่ให้ความสำคัญ

“เราต่อสู้มาหลายปี หลายรัฐบาล เพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอในการรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งถูกทำลายลงในวันนี้”

นิทรรศการไดโนเสาร์ซึ่งต้องปิดเพราะปลวกกินเมื่อห้าเดือนก่อนเพิ่งเปิดใหม่หลังจากได้เงินจากการระดมทุน

มีผู้ชุมนุมรวมตัวกันที่ด้านหน้าประตูพิพิธภัณฑ์เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 3 กันยายน ต่อต้านการตัดงบประมาณซึ่งพวกเขาบอกว่าเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ แต่ตำรวจฉีดแก๊สน้ำตาสลายฝูงชน

งบประมาณของพิพิธภัณฑ์เริ่มถูกตัดในรัฐบาลที่แล้ว “มันเป็นอาชญากรรมที่ทำให้พิพิธภัณฑ์เป็นแบบนี้” ครูสอนเต้นรำอายุ 29 ปี หนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AAP “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่แสดงความเสียใจ แต่มันคือความเสียหายมหาศาลที่นักการเมืองต้องรับผิดชอบ” ครูสอนประวัติศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมอีกคนหนึ่งบอกว่า “พวกเขากำลังเผาประวัติศาสตร์ของเรา และเผาความฝันของเราด้วย”

ศาสตราจารย์เปาโล บัคอัพ (Paulo Buckup) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมาถึงตอน 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น พยายามหาส่วนของอาคารที่เก็บตัวอย่างของสัตว์ไว้ “แต่โชคไม่ดีที่นักดับเพลิงไม่อยู่ในฐานะที่ทำอะไรได้ หรือสู้ได้” เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี “เขาไม่มีน้ำ บันได และอุปกรณ์” ดังนั้น เขาจึงเริ่มพยายามเก็บสิ่งที่ทำได้ ต้องพังประตู มีทหารช่วยขนของ”

เขาวิ่งเข้าไปในอาคารที่ไฟยังลุกอยู่ เพื่อเก็บนำข้าวของในพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสัตว์จำพวกหอยและปลาหมึกออกมาได้ประมาณพันต้นๆ ซึ่งถือว่า “เล็กน้อยมาก” ของทั้งหมด

“ผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเพื่อนร่วมงานของผม บางคนทำงานที่นี่มา 30-40 ปีแล้ว ตอนนี้หลักฐานในการทำงานทั้งหมดของพวกเขาสูญเสียหมดแล้ว พวกเขาก็สูญเสียความหมายของชีวิตไปด้วย

ทางการบอกว่า พวกเขาจะเน้นไปที่การฟื้นฟูพิพิธภัณฑ์ “เราหวังว่าจะเริ่มโครงการรับบริจาคหรือรับซื้อสิ่งของจากนักสะสม

การขาดแคลนงบประมาณกลายเป็นเรื่องปกติในบราซิล ซึ่งกำลังฟื้นตัวจากการถดถอยทางเศรษฐกิจ การเป็นเจ้าภาพการแข่งกีฬาระดับโลก 2 ครั้งไล่เลี่ยกันสร้างภาระทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน สนามกีฬาที่สร้างขึ้นเมื่อคราวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก และสระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นตอนเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกก็ใช้งานไม่ได้แล้วจากการขาดงบประมาณดูแล

 

 

ที่มาภาพ: MAURO PIMENTEL / AFP

ที่มา:

Tags: , , , ,