วันนี้ (8 กันยายน 2564) ‘สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ออกมาเปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นจากฝั่งผู้ประกอบการ ในเดือนสิงหาคม 2564 โดยตัวเลขที่ปรากฏออกมาอยู่ที่ 76.8% ปรับตัวลดลงจากในเดือนกรกฎาคมที่ร้อยละ 78.9% ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2563

โดยผลสำรวจดังกล่าวที่ ส.อ.ท. ออกมาเปิดเผยนั้นมาจากการสำรวจผู้ประกอบการราว 1,395 ราย ครอบคลุม 45 อุตสาหกรรมทั่วประเทศ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ฝากฝั่งผู้ประกอบการเกิดความกังวลแบ่งออกเป็น

  1. สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 75.8%
  2. ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ 74.0%
  3. สถานการณ์การเมือง 54.0%
  4. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการธุรกิจ 42.2%

สำหรับตัวเลขผลสำรวจในอันดับหนึ่งอย่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ในประเทศไทย ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ระลอก 3ในช่วงเดือนเมษายน และนับตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ได้มีคำสั่งยกระดับมาตราการจากฝากฝั่งของรัฐบาลและ ศบค. ให้มีการล็อกดาวน์ในพื้นที่เสี่ยงสีแดงเข้มทั้งหมด 29 จังหวัด ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตรวมถึงส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศของผู้ประกอบการหลายๆ เจ้าทำได้ล่าช้าลงอย่างกระทันหัน ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาด ก็ทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ในหลายโรงงาน ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าวัคซีนที่ล่าช้าและไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้แต่เดิมในช่วงเฟส 4 ปลายปี

อีกทั้งอุปสงค์ในด้านการส่งออกสินค้าออกยังต่างประเทศโดยเฉพาะในแถบทวีปเอเชียยังมีท่าทีชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะสาเหตุหลักมาจากการผลิตที่ทำได้ล่าช้า นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเรื่องของอัตราค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงสวนทางกับต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น จนขณะนี้เกิดปัญหาในฐานธุรกิจการผลิตรถยนตร์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไฟฟ้าที่ขาดแคลนอะไหล่สำคัญอย่าง ชิปเซมิคอนดักเตอร์

ทั้งนี้ สุพันธุ์ ได้ประเมินดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าว่าจะปรับตัวเพิ่มกลับมาอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ราว 90.9 % สาเหตุมาจากการการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด -19 ในหลายๆข้อ ควบคู่ไปกับการเร่งฉีดวัคซีนที่เริ่มครอบคลุมประชาชนหลายกลุ่มมากขึ้น และจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจมีท่าทีค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ก่อนจะเริ่มการเร่งฐานการผลิตส่งออกสินค้าอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ทิ้งท้าย เสนอข้อแนะนำต่อภาครัฐในการช่วยเหลือภาคธุรกิจให้สามารถฟื้นตัวกลับมาได้โดยเร็ว ทั้งหมด 4 ข้อ คือ

  1. ให้ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้ง Factory Quarantine และ Factory Accommodation Isolation ภายในโรงงาน พร้อมจัดหาและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เพื่อสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการ ทุกๆ 14 วัน ตามมาตรการ Bubble and Seal
  2. ให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานในข่าย ม.33 โดยจัดให้มี Mobile Units เพื่อฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานในสถานประกอบการโดยตรง เพื่อรักษาศักยภาพในการผลิตและภาคส่งออก
  3. ขยายมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยออกไปอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี ให้กับสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก (SME)
  1. ขอให้ภาครัฐเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยในการส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการไทย

 

 

ภาพ: AFP, ส.อ.ท.

Tags: ,