เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ดูใกล้ปิดฉากในอนาคตอันใกล้ หลังจากชาวมุสลิมบนดินแดนโมโร (ดินแดนภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ต่างๆ รวมทั้งเกาะมินดาเนา) ออกเสียงประชามติในสัปดาห์ที่ผ่านมา สนับสนุนแผนจัดตั้งเขตปกครองตนเอง

ในขั้นต่อไป กลุ่มที่เคยสู้รบกับรัฐบาลฟิลิปปินส์จะครองอำนาจชั่วคราวจนถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นในปี 2022 เพื่อจัดตั้งรัฐบาลของชาวมุสลิมในแคว้นมินดาเนา

เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มกราคม คณะกรรมการการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ประกาศผลการลงประชามติต่อธรรมนูญการปกครองตนเองของชาวมุสลิมในหมู่เกาะมินดาเนา ปรากฏว่า ประชาชนออกเสียงสนับสนุน 1.7 ล้านเสียง คัดค้าน 254,600 เสียงจากผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 2.8 ล้านคน

ประชาชนต่อแถวเพื่อลงคะแนนเสียงในจังหวัดโคตาบาโต เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 ที่มาภาพ: NOEL CELIS / AFP

พื้นที่รองรับอัตลักษณ์

กฎหมายซึ่งกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นฉบับนี้ จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘แคว้นปกครองตนเองบังซาโมโรในหมู่เกาะมินดาเนาของชาวมุสลิม’ (Bangsamoro Autonomous Region in Muslim Mindanao)

เพียงแค่ชื่อก็บ่งบอกถึงการเคารพในอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์และศาสนาของประชาชนในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ประเทศที่ชนส่วนใหญ่เป็นชาวคาทอลิกนี้

คำว่า โมโร หมายถึง ชนพื้นเมืองหรือคนที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมบนเกาะมินดาเนา เกาะซูลู และเกาะใกล้เคียง ซึ่งตั้งรกรากมาตั้งแต่สมัยสเปนตั้งอาณานิคมในแถบนั้น คำว่า บังซา แปลว่า ชาติหรือประเทศ (nation) เมื่อนำสองคำมารวมกันจึงถอดความได้ว่า แคว้นของชาวโมโร (nation of Moros)

ความพยายามของรัฐบาลมะนิลาที่จะถอดชนวนการก่อความไม่สงบด้วยกระบวนการประชามติ ยังนับว่าสะท้อนถึงการยอมรับในสิทธิ์เสียงของคนท้องถิ่นด้วย

พูดกันแบบถอดประสบการณ์ เรียนรู้แบบอย่างจากเพื่อนบ้าน การเคารพในอัตลักษณ์ และการยอมรับในอำนาจอธิปไตยของปวงชน ดูจะเป็นเงื่อนไขที่ขาดไม่ได้สำหรับการดับไฟใต้

รู้จักธรรมนูญแคว้นโมโร

ด้วยการผลักดันของรัฐบาลประธานาธิบดี โรดริโก ดูแตร์เต รัฐสภาผ่านธรรมนูญการปกครองบังซาโมโร (Bangsamoro Organic Law) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 ดูแตร์เตลงนามในกฎหมายฉบับนี้ในอีก 2 เดือนต่อมา

แคว้นบังซาโมโรจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา รัฐบาลของแคว้นมีอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจด้านการเงิน แต่รัฐบาลกลางยังคงถืออำนาจในด้านการป้องกันประเทศ ความมั่นคง การต่างประเทศ และการคลัง

ที่มาภาพ: NOEL CELIS / AFP

รัฐบาลของแคว้นจะมีประมุข เรียกว่า วาลี (Wali) เป็นผู้นำทางพิธีการ เช่น เปิดประชุมสภา รับการกล่าวสาบานตน มีมุขมนตรี (Chief Minister) เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการ บริหารงานด้านการยุติธรรม ออกคำสั่งและนโยบายภายในเขตปกครองตนเอง รวมถึงมีอำนาจจัดทำงบประมาณ จัดเก็บรายได้ บังคับใช้ศาสนบัญญัติ ชารีอะห์ เฉพาะชาวมุสลิม และอื่นๆ รวมทั้งหมด 55 ประการ

นอกจากมีอำนาจอย่างกว้างขวางแล้ว หัวใจของการปกครองตนเองอีกข้อหนึ่ง คือ เงิน

แคว้นของชาวมุสลิมดังกล่าวจะได้รับส่วนแบ่งค่าสัมปทานสำรวจแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ขณะที่เงินภาษีและค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บภายในเขตจะส่งให้รัฐบาลกลาง 25 เปอร์เซ็นต์ อีก 75 เปอร์เซ็นต์จะเป็นรายได้ของท้องถิ่นในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกัน รัฐบาลบังซาโมโรจะได้รับเงินให้เปล่ารายปีจากรัฐบาลกลาง ในปีแรกหลังจากธรรมนูญมีผลบังคับใช้ เงินให้เปล่านี้จะจัดสรรในสัดส่วน 5 เปอร์เซ็นต์จากภาษีรายได้สุทธิของประเทศและภาษีศุลกากรย้อนหลัง 3 ปีงบประมาณ

ตลอดห้วงทศวรรษหน้า เขตโมโรจะได้รับเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาจากรัฐบาลกลางเป็นเงิน 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท

รัฐบาลของ ‘กลุ่มแบ่งแยกดินแดน’

อันที่จริง เขตปกครองตนเองมินดาเนาไม่ใช่เรื่องใหม่ ธรรมนูญฉบับนี้ออกมาใช้แทนกฎหมายฉบับก่อนหน้าซึ่งไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ จึงมีการปรับปรุงเนื้อหาและขยายขอบเขตพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นผลจากการบรรลุข้อเจรจาระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์กับขบวนการปลดปล่อยอิสลามโมโร (Moro Islamic Liberation Front : MILF) เมื่อปี 2014

ต่อจากนี้ รัฐบาลกลางจะจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวบังซาโมโร (Bangsamoro Transition Authority) ซึ่งจะปกครองพื้นที่ไปจนถึงกำหนดเลือกตั้งสมาชิกสภาจำนวน 80 ที่นั่งในปี 2022 จากนั้นสภาจะโหวตเลือกมุขมนตรี ซึ่งคาดกันว่าขบวนการปลดปล่อยอิสลามโมโร (ซึ่งสู้รบกับรัฐบาลฟิลิปปินส์มาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 120,000 คน) จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลท้องถิ่นผ่านกระบวนการประชาธิปไตย

ภาพขณะลงคะแนนเสียงในคูหา ที่มาภาพ: NOEL CELIS / AFP

เขตปกครองมินดาเนาส่อเค้าใกล้เป็นจริงด้วยการผลักดันของดูแตร์เต ประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากมินดาเนา พื้นที่ด้อยพัฒนาล้าหลังของประเทศ เขาเคยเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองดาเวาในมินดาเนาเป็นเวลา 22 ปี นี่จะเป็นผลงานเด่นของนโยบายที่เขาประกาศไว้เมื่อตอนหาเสียง

มินดาเนาเป็นเกาะขนาดใหญ่อันดับ 2 ของฟิลิปปินส์ อุดมด้วยทรัพยากรและสินแร่ เช่น นิกเกิล รัฐบาลกลางประเมินว่า ทรัพยากรธรรมชาติที่นั่นมีมูลค่าราว 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ผ่านมาไม่สามารถพัฒนานำมาใช้ประโยชน์ได้ เพราะนักลงทุนหวาดกลัวการก่อความไม่สงบ

ถ้าเขตปกครองตนเองของชาวมุสลิมโมโรบังเกิดสันติภาพ ประชากรหลายล้านคนย่อมมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

 

ที่มาภาพหน้าแรก: NOEL CELIS / AFP

อ้างอิง:

Tags: , , , , ,