ก่อนที่ เอ็ดเวิร์ด สโนวเดน จะได้รับสถานะผู้ลี้ภัยการเมืองในรัสเซีย เขาเคยหลบซ่อนอยู่ในฮ่องกงเป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยมีหญิงชาวฟิลิปปินส์เป็นผู้ให้พี่พักพิง โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา แคนาดาได้ประกาศมอบสถานะผู้ลี้ภัยให้กับเธอและลูกสาววัย 7 ปี และตอนนี้ทั้งสองคนได้เดินทางถึงประเทศแคนาดาอย่างปลอดภัยแล้ว
เมื่อปี 2002 วาเนสซา โรเดล ผู้อพยพหญิงวัย 42 ปีได้หลบหนีจากฟิลิปปินส์มายังฮ่องกงหลังตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และการละเมิดทางเพศ รวมทั้งถูกข่มขู่โดยกลุ่มผู้ถืออาวุธในประเทศบ้านเกิด และอาศัยอยู่ในฮ่องกงในฐานะคนไร้รัฐมาโดยตลอด พร้อมกับดำเนินการยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยให้กับตนเองและลูกสาวมาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งคำร้องดังกล่าวถูกปฏิเสธในปี 2017 เพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากมีการเปิดเผยว่า เธอเป็นผู้ให้ที่พักพิงแก่สโนวเดน อดีตเจ้าหน้าที่รัฐที่เคยออกมาเปิดเผยเอกสารและข้อมูลลับของ NSA (สำนักงานความมั่นคงซึ่งเป็นองค์กรข่าวกรองของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ)
หลังจากที่วาเนสซาและลูกสาวเดินทางถึงแคนาดา โรเบิร์ต ทิบโบ ทนายของสโนวเดนได้ออกมากล่าวว่า เขากำลังดำเนินการยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยให้กับผู้อพยพชาวศรีลังกาในฮ่องกงให้กับอีกสองครอบครัวที่ให้ที่พักพิงแก่สโนวเดนในช่วงเวลาดังกล่าว แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของแคนาดายังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็น นอกจากนั้นทิบโบยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า ในปี 2013 ที่สโนวเดนออกมาเปิดเผยข้อมูลลับทำให้เขาต้องหาที่พักพิงที่รัฐบาลจะ ‘นึกไม่ถึง’ ให้กับสโนวเดน และเขาคิดว่าอพาร์ตเมนต์ของผู้อพยพน่าจะเป็นที่แห่งนั้น
นอกจากทิบโบ รัฐบาลฮ่องกงก็เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเมื่อปี 2017 ว่า เหตุผลที่ฮ่องกงไม่อนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยให้ทั้งสามครอบครัวเป็นเพราะ “ไม่มีเหตุผลอันหนักแน่นให้เชื่อว่าผู้ยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยทั้งสามครอบครัวจะได้รับความเสี่ยงว่าจะประสบอันตรายเมื่อกลับไปยังประเทศบ้านเกิด”
อย่างไรก็ตาม สโนวเดนผู้จุดกระแสต่อต้านการลักลอบเก็บข้อมูลการสื่อสารและข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนอเมริกันได้ออกมากล่าวขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ทำให้วาเนสซาและลูกสาวได้มีอนาคตที่ดีในแคนาดาหลังจากที่ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ และไม่ได้รับการบริการด้านสุขภาพในฮ่องกงมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
“ผมขอขอบคุณทุกคนที่แคนาดาและในที่ต่างๆ ทั่วโลกที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น” สโนวเดนกล่าว “หลังจากความพยายามเป็นเวลาหลายต่อหลายปี ครอบครัวแรกที่เคยช่วยผมไว้ได้มีอิสระและมีอนาคตที่ดีแล้ว แต่งานของเรายังไม่เสร็จ แคนาดายังช่วยพวกเขาทั้งหมดได้ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน”
ที่มา: