เมื่อคืนนี้ (24 สิงหาคม 2023) สื่อต่างชาติรายงานการเสียชีวิตของ เยฟเกนี ปริโกซิน (Yevgeny Prigozhin) ผู้นำวากเนอร์กรุ๊ป โดยหน่วยงานการบินแห่งรัสเซียยืนยันว่า ปริโกซินเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทางตอนเหนือของกรุงมอสโกไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ข่าวการเสียชีวิตของปริโกซินถูกเผยแพร่ในแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) ของกลุ่มเกรย์โซน (Grey Zone) ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารของวากเนอร์กรุ๊ป
“ผู้นำแห่งวากเนอร์กรุ๊ป ฮีโร่ของรัสเซีย ผู้รักชาติอย่างยิ่งในมาตุภูมิของเขา เยฟเกนี ปริโกซิน เสียชีวิตเพราะการเป็นกบฏต่อรัสเซีย
“แม้จะต้องตกนรก แต่เขาคือที่สุด รัสเซียจงเจริญ!” ส่วนหนึ่งของข้อความจากเกรย์โซนถึงการเสียชีวิตของปริโกซิน
ต่อมา การเสียชีวิตของผู้นำวากเนอร์กรุ๊ปได้รับการยืนยันจากโรซาเวียตเซีย (Rosaviatsia) หน่วยงานขนส่งทางอากาศของรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งระบุว่า ผู้โดยสารไม่ได้มีเพียงปริโกซิน แต่ยังรวมถึงกลุ่มวากเนอร์อีก 4 คน ได้แก่ ดมิทรี อุตคิน (Dmitry Utkin) ผู้บัญชาการแห่งวากเนอร์กรุ๊ป และสมาชิก 3 คน
อย่างไรก็ตาม มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อุบัติเหตุครั้งนี้มีเงื่อนงำ เพราะเอ็มบราเออร์ (Embrarer) เครื่องบินเจ็ตสัญชาติบราซิลที่พริโกซินนั่ง มีประวัติเชิงบวกในด้านความปลอดภัยมาตลอด
ตามรายงานของอัลจาซีรา (Al Jazeera) ระบุว่า เอ็มบราเออร์เคยมีอุบัติเหตุ 1 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางบริษัทให้ข้อมูลว่า ปัญหาเกิดจากความผิดพลาดส่วนบุคคล ไม่ใช่กลไกของเครื่องบิน
ขณะเดียวกัน เอ็มบราเออร์ไม่ขอออกความเห็นถึงอุบัติเหตุในครั้งนี้ ซึ่งให้เหตุผลว่า ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินลำนี้ เพราะบริษัทไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับรัสเซียตั้งแต่ปี 2019 สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร
“เอ็มบราเออร์ปฏิบัติมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศที่มีผลต่อรัสเซีย” ผู้ผลิตเครื่องบินอธิบายกับสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) เพราะมาตรการคว่ำบาตรนี้ไม่อนุญาตให้บริษัทเครื่องบินในกลุ่มตะวันตก จัดหาชิ้นส่วนหรือสนับสนุนเครื่องบินที่ปฏิบัติการในรัสเซีย
นอกจากนี้ เงื่อนงำการตายของปริโกซินยังเปิดเผยจากปากผู้นำโลกหลายคน เริ่มจาก โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่แสดงความรู้สึกว่า เขาไม่แปลกใจแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้ระบุสาเหตุตรงไปตรงมา
“ผมไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับปริโกซิน แต่ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด น้อยครั้งที่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในรัสเซีย โดยปราศจากการควบคุมของปูติน แต่ผมไม่ทราบว่า คำตอบของเหตุการณ์นี้คืออะไร” ผู้นำสหรัฐฯ ระบุ
ขณะที่ทางการยูเครนก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน มิไคโล โพโดลยัก (Mykhailo Podolyak) ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน เผยว่า เหตุการณ์เครื่องบินตกของปริโกซินคือการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ เพื่อส่งสัญญาณถึงใครก็ตามที่คิดไม่ซื่อกับปูติน
“การกำจัดปริโกซินและวากเนอร์กรุ๊ปภายใน 2 เดือน หลังความพยายามรัฐประหาร คือการส่งสัญญาณจากปูตินถึงกลุ่มชนชั้นนำในรัสเซียก่อนเลือกตั้งปี 2024
“โปรดจงระวัง! ความไม่จงรักภักดีเท่ากับความตาย” โพโดลยักโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ (Twitter)
บทวิเคราะห์: อนาคตของวากเนอร์กรุ๊ปและรัสเซียในวันที่ไม่มีปริโกซิน
แน่นอนว่า การตายของปริโกซินย่อมทำให้เกิดคำถามตามมา อนาคตของวากเนอร์กรุ๊ปและรัสเซียภายใต้เงื้อมมือปูตินนับต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร? ใครจะเป็นผู้เดินหมากเกมนี้ต่อ? และสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะเดินไปในทิศทางไหน?
หลายคนอาจคิดว่า ปูตินจะครองอำนาจวากเนอร์กรุ๊ปอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อเสี้ยนหนามของปูตินที่ขัดขวางการผนึกกำลังระหว่างกองทัพรัสเซียกับกลุ่มทหารรับจ้างหายไปจากโลกนี้แล้ว หลังมีรายงานในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียเตรียมผนวกกองกำลังวากเนอร์ เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพรัสเซียในฐานะกองกำลังพิเศษ
ทว่านักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญต่างให้ความเห็นว่า การตายของปริโกซินก็ไม่ได้ทำให้หนทางของปูตินสะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้วากเนอร์กรุ๊ปเป็นเครื่องมือก่อร่างสร้างอิทธิพลของรัสเซียในทวีปแอฟริกา เพราะกลุ่มทหารรับจ้างนี้เป็นองค์กรที่กระจัดกระจายและมีความสามารถพิเศษที่เก่งกาจ
เอริก กรีน (Eric Green) อดีตที่ปรึกษาอาวุโสประจำสภาความมั่นคงของสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัสเซีย แสดงความคิดเห็นส่วนตัวกับโพลิติโค (Politico) สื่อการเมืองในสหรัฐฯ ว่า ถ้าปูตินจะใช้วากเนอร์กรุ๊ปสถาปนาอิทธิพลในแอฟริกาคงเป็นเรื่องยากลำบากมาก เพราะเรื่องความสามารถส่วนตัวที่ผู้นำรัสเซียไม่อาจแทนที่ได้
“ปริโกซินเป็นมนุษย์ที่น่ารังเกียจก็จริง แต่เขามีทักษะการบริหารจัดการและมีพรสวรรค์ดึงดูดผู้คน ไม่ใช่เรื่องง่าย หากใครจะลอกเลียนแบบ” ผู้เชี่ยวชาญรายนี้แสดงความคิดเห็น
ขณะที่ แม็กซ์ เบิร์กแมนน์ (Max Bergmann) แห่งศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศ (Center for Strategic and International Studies) แสดงความคิดเห็นว่า ปูตินจะต้องเจอกับผลลัพธ์ร้ายแรง หากความจริงปรากฏว่า เขาคือคนกำจัดผู้นำที่ได้รับการเคารพรักในกลุ่มวากเนอร์ ซึ่งสะท้อนจากภาพ ‘ไม้กางเขน’ เพื่อไว้อาลัยปริโกซิน ณ ที่ทำการของวากเนอร์ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St.Petersberg)
“เครมลินคงคิดว่า การเด็ดหัววากเนอร์ครั้งนี้เป็นเครื่องมือที่แสดงต่อชาวโลกและยูเครน แต่มันกลับทำให้มีคนห่วยๆ ที่อ้างถึงความจงรักภักดีในสงครามมากขึ้น ขณะที่การกำจัดนายพลผู้มีความสามารถออกไป จะทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจในทุกฝ่าย โดยเฉพาะหากมีการตายของผู้คนในสนามรบมากขึ้น” เบิร์กแมนน์ระบุ
มิหนำซ้ำ หากความวุ่นวายในกองทัพรัสเซียก่อตัวยิ่งขึ้นจากการตายของผู้นำวากเนอร์ครั้งนี้ ยูเครนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบยิ่งกว่าที่เคยเป็น ดังที่เห็นได้จากช่วงเวลาที่ปริโกซินพยายามก่อรัฐประหารในรัสเซีย เมื่อชาติตะวันตกและคีฟฉวยโอกาสตอบโต้และเร่งให้การสนับสนุนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ชาติตะวันตกและยูเครนประมาทไม่ได้ เพราะพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มวากเนอร์รูปแบบใหม่ ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
“แน่นอนว่า นี่จะเป็นวากเนอร์กลุ่มที่แตกต่างที่พวกเราเคยเจอมาเลย” ซามูเอล ชารัป (Samuel Charap) นักวิชาการแห่งสถาบันวิจัย RAND Corporation เตือนถึงสถานการณ์ที่ยังไว้วางใจไม่ได้
โดยเฉพาะกลุ่มวากเนอร์ 3,000 ราย ที่หนีไปพร้อมปริโกซินในช่วงที่ผ่านมา พวกเขากำลังเข้ารับการฝึกพิเศษกับเบลารุส และก่อให้เกิดความกลัวในหมู่ชาติยุโรป แต่ไม่มีใครรู้ว่า ปูตินจะจัดการกับกลุ่มวากเนอร์ในเบลารุสอย่างไร เพราะหากปล่อยไปก็เสียดายศักยภาพบางอย่าง ขณะที่เก็บไว้ข้างตัวก็มีแต่จะทำให้เกิดความระแวงตามมา
อีกทั้งมีแหล่งข่าวบางส่วนเผยว่า รัสเซียอาจเตรียมส่งทหารรับจ้างเพื่อเคลื่อนไหวในแอฟริกา และอาจอ้างว่าเป็นการปลดปล่อยผู้คน โดยการนำของผู้นำในเงามืดที่นักวิเคราะห์หลายคนไม่อาจคาดเดาได้
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกเขาดีขนาดนั้น เพราะมันทำให้คุณเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา” อลินา โปลยาโควา (Alina Polyakova) ประธานและผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์นโยบายแห่งยุโรป อธิบาย
อ้างอิง
https://www.politico.com/news/2023/08/23/biden-admin-shrugs-at-prigozhins-death-00112574
https://twitter.com/michaelh992/status/1694448279763738901?s=20