วันนี้ (11 กันยายน 2025) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งยืนยันว่า ชาลี เคิร์ก (Charlie Kirk) อินฟลูเอนเซอร์ชาวอเมริกันขวาจัดและผู้สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถูกยิงเสียชีวิตกลางอีเวนต์ในรัฐยูทาห์ โดยทางการระบุว่า นี่คือการลอบสังหารทางการเมือง
เคิร์กคืออินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาจัดและผู้สนับสนุนทรัมป์ เป็นที่รู้จักในฐานะพิธีกรรายการ The Charlie Kirk Show, พิธีกรรับเชิญ Fox & Friends และผู้ก่อตั้ง Turning Point USA กลุ่มเยาวชนฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด โดยเขามียอดผู้ติดตามบน X ถึง 5.3 ล้านคน มักชอบใช้โซเชียลมีเดียโจมตีสื่อหลักหรือท้าทายประเด็น ‘สงครามทางวัฒนธรรม’ เช่น โต้แย้งเรื่องเชื้อชาติ เพศสภาพ หรือต่อต้านผู้อพยพในเชิงยั่วยุ
เหตุการณ์ลอบสังหารเคิร์กเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เคิร์กกำลังปราศรัยในอีเวนต์ The American Comeback Tour ณ Utah Valley University เวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยคลิปวิดีโอที่แพร่หลายในโซเชียลฯ เผยให้เห็นเขาสวมเสื้อสีขาวและกำลังถกประเด็น ‘เหตุการณ์กราดยิง’ บรรยากาศปราศรัยดูปกติเหมือนไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่จู่ๆ เคิร์กก็จับบริเวณคอที่เลือดไหลออกมา และล้มลงไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้เข้าชม 3,000 คน
“คุณรู้ไหมว่า มีเหตุการณ์กราดยิงกี่ครั้งที่สหรัฐฯ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
“นับหรือไม่นับกับกรณีพวกแก๊งหัวรุนแรง” เคิร์กพูดก่อนจะถูกยิงในไม่กี่วินาที
เบื้องต้นสำนักข่าว Reuters รายงานว่า ทางการสหรัฐฯ ยังไม่ระบุตัวผู้ต้องสงสัย โดย คาช พาเทล (Kash Patel) ผู้อำนวยการ FBI โพสต์ผ่านโซเชียลฯ ว่า ขณะนี้มีบุคคลนิรนาม 1 ราย เข้ารับการสอบสวนและได้รับปล่อยตัวเป็นที่เรียบร้อย ทว่า โบ เมสัน (Beau Mason) กรรมาธิการกรมรักษาความปลอดภัยยูทาห์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ผู้ต้องสงสัยมีอายุ 31 ปี และกำลังหลบหนีอยู่
สำหรับรายละเอียดการก่อเหตุ ผู้ต้องสงสัยยิงปืนเพียงนัดเดียว โดยคาดว่า มือปืนเล็งเป้าจากบนดาดฟ้าที่ไหนสักแห่งและคุ้นเคยกับการใช้อาวุธเป็นอย่างดี เพราะถึงแม้เคิร์กจะมีหน่วยคุ้มกันถึง 6 คน แต่ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ป้องกันได้สำเร็จ
จอห์น มิลเลอร์ (John Miller) นักวิเคราะห์และหัวหน้าฝ่ายการบังคับใช้กฎหมายและข่าวกรองของ CNN วิเคราะห์เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ว่า ผู้ก่อเหตุมีทักษะ ไม่ใช่มือใหม่ คุ้นเคยกับปืนเป็นอย่างดี และมีการวางแผนที่ดี ซึ่งนั่นอาจทำให้การสอบสวนยากขึ้น
มิลเลอร์ขยายความว่า ปกติแล้ว มือปืนซุ่มยิงมืออาชีพ มักมีความอดทน มีระเบียบวินัย และพึ่งพาตนเองได้ดี ซึ่งหากจะก่อเหตุ คนกลุ่มนี้จะวางแผนแบบเงียบๆ พยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่ต้องสงสัย เมื่อก่อเหตุสำเร็จจะเอาปืนกลับไปด้วยและทิ้งหลักฐานน้อยที่สุด
“คนก่อเหตุไม่ใช่มือใหม่ นี่คือคนที่รู้ว่า เขากำลังทำอะไรอยู่ และคนอื่นก็น่าจะรู้จักเขาดี ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ คนแบบนี้มีประวัติการใช้ปืนมานาน ไม่ใช่มือสมัครเล่นแน่ๆ” มิลเลอร์ทิ้งท้าย
“นี่คือช่วงเวลาที่มืดมนของสหรัฐฯ” ทรัมป์ คณะ และผู้นำคนสำคัญส่งเสียงไว้อาลัย
ทรัมป์ออกวิดีโอแถลงการณ์ไว้อาลัยต่อการจากไปของเคิร์ก โดยระบุว่า เขารู้สึกเสียใจและโกรธแค้น ที่ผ่านมาเคิร์กสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนนับล้าน เขาเป็นดังผู้พลีชีพเพื่อความจริงและอิสรภาพ การลอบสังหารครั้งนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาอันแสนมืดมนสำหรับสหรัฐฯ
“คนอเมริกันและสื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ความรุนแรงและการฆาตกรรมคือผลพวงอันน่าเศร้า ที่แค่คุณไม่เห็นด้วยก็กลายเป็นปีศาจไปแล้ว” ทรัมป์ทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะสอบสวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะองค์กรที่สนับสนุนความรุนแรงทางการเมือง พร้อมสั่งให้ทุกหน่วยงานลดธงครึ่งเสาเพื่อแสดงความไว้อาลัย
ขณะที่ โจ ไบเดน (Joe Biden) อดีตผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความว่า ความรุนแรงไม่ควรมีที่ยืนในประเทศนี้ ทุกอย่างจะต้องจบลง โดยเขา และจิลล์ ไบเดน (Jill Biden) สวดภาวนาให้กับครอบครัวและคนที่รักเคิร์ก
เช่นเดียวกับ บารัก โอบามา (Barack Obama) อดีตผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า ถึงแม้ขณะนี้เราจะไม่รู้แรงจูงใจว่า ทำไมมือปืนจึงสังหารเคิร์ก แต่การกระทำรุนแรงเช่นนี้ไม่ควรมีที่ยืนในระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) ผู้นำอิสราเอลที่สนิทกับเคิร์ก ก็ยังโพสต์ข้อความไว้อาลัยว่า อินฟลูเอนเซอร์คนนี้เสียชีวิตจากการพูดความจริงและปกป้องเสรีภาพ เขาเป็นเหมือนเพื่อนแท้ของประเทศอิสราเอล ที่ต่อสู้กับคำโกหกหลอกลวงได้อย่างสง่างาม โดย 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเพิ่งส่งคำเชิญให้เคิร์กมาที่ประเทศ แต่ไม่มีโอกาสเพราะเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว
สภาคองเกรสเสียงแตกเป็น 2 ฝ่าย
ปัจจุบัน ไมค์ จอห์นสัน (Mike Johnson) ประธานสภาคองเกรส ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า ทางการเตรียมยกระดับมาตรการคุ้มกันความปลอดภัย สส. เพราะทุกคนกำลังตกใจกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งการเป็นบุคคลสาธารณะและต้องออกงานกลางแจ้งตลอดเวลา แม้มาตรการเดิมจะดีอยู่แล้ว แต่หลายคนก็อยากให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ขณะที่บรรยากาศในสภาคองเกรสเต็มไปด้วยวุ่นวาย หลัง ลอเรน โบเบิร์ต (Lauren Boebert) สส.พรรครีพับลิกัน (Republican Party) จากโคโลราโด ขอให้ทุกคนสวดไว้อาลัยให้เคิร์ก แต่ สส.พรรคเดโมแครต (Democratic Party) ตะโกนออกมาว่า “แล้วเด็ก (ที่ถูกกราดยิง) ในโคโลราโดล่ะ” เพราะมองว่า ทำไมกรณีการเสียชีวิตของคนอื่น จึงไม่ได้รับความสนใจอย่างเท่าเทียมกัน จนเกิดมีปากเสียง ทำให้ อันนา พอลินา ลูนา (Anna Paulina Luna) สส.รีพับลิกันจากฟลอริดา กล่าวโทษว่า ความรุนแรงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต
อย่างไรก็ตามมีการมองว่า การสวดภาวนาให้กับผู้ที่จากไป เป็นสิ่งที่ขัดต่อมาตรฐานกระบวนการในรัฐสภา พรรคเดโมแครตจึงพยายามขัดขวาง ขณะที่ฟากรีพับลิกันมองว่า เป็นเรื่องน่ารังเกียจมากที่พรรคเดโมแครตทำเช่นนี้
แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ สส.ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเรียกร้องกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอย่างเต็มรูปแบบ เพราะแม้ 2 ปีที่ผ่านมา สภาคองเกรสจะแก้ไขกฎหมายดังกล่าวในรอบ 30 ปี เช่น เพิ่มการตรวจสอบประวัติ แต่ก็เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย จนไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ที่แท้จริงได้
การเสียชีวิตของเคิร์ก: ภาพสะท้อนการลอบสังหารทางการเมืองสหรัฐฯ
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการลอบสังหารทางการเมืองครั้งสำคัญของประเทศ โดยสหรัฐฯ ต้องเผชิญเหตุความไม่สงบในลักษณะดังกล่าวตั้งแต่ยุค 1970s เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2 รายอย่าง จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) ในปี 1963 และโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) ในปี 1981
ปัจจุบันสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดย Reuters เก็บข้อมูลไว้ว่า ตั้งแต่เหตุการณ์โจมตีอาคารแคปิตอลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เกิดการลอบสังหารทางการเมืองทั้งสิ้น 300 กรณี ซึ่งสถิติส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับ สส.พรรคเดโมแครต แม้ว่าทุกคนจะจดจำภาพการลอบสังหารทรัมป์ถึง 2 ครั้งในปี 2024 ก็ตาม
ตัวอย่างเช่น กรณี จอร์จ ชาพิโร (Josh Shapiro) สส.พรรคเดโมแครตจากรัฐเพนซิเวเนีย เผชิญเหตุลอบวางเพลิงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ เมลิสซา ฮอร์ตแมน (Melissa Hortman) สส.พรรคเดโมแครตจากมินิโซตา ถูกมือปืนปลอมตัวเป็นตำรวจ และยิงเธอกับสามีจนเสียชีวิต เช่นเดียวกับ จอห์น ฮอฟฟ์แมน (John Hoffman) วุฒิสภาเดโมแครตจากมินิโซตา และภรรยา ซึ่งโชคดีที่พวกเขารอดชีวิตทั้งคู่
หรือรวมถึงกรณีโด่งดังของ แนนซี เพนโลซี (Nancy Pelosi) อดีตประธานสภาคองเกรส และ สส.พรรคเดโมแครต ถูกชายนิรนามบุกเข้าบ้าน และใช้ค้อนทุบศีรษะสามีของเธอจนกระโหลกแตก
สำหรับเหตุการณ์การลอบสังหารของเคิร์กครั้งนี้ อาจทำให้รอยร้าวทางการเมืองในสหรัฐฯ ลึกยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยฝ่ายรีพับลิกันกล่าวโทษว่า ฝ่ายซ้ายสุดโต่งเป็นสารตั้งต้นความรุนแรง ขณะที่พรรคเดโมแครตพยายามสงวนท่าทีคือ ประณามความรุนแรงทางการเมือง และเรียกร้องกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวด จน Reuters เขียนบทวิเคราะห์อย่างน่าตลกร้ายไว้ว่า ครั้งสุดท้ายที่ชาวอเมริกันรวมใจเป็นหนึ่งเดียวคือ เหตุการณ์ก่อการร้าย 911 ซึ่งเป็นเวลา 1 วันก่อนวันเสียชีวิตของเคิร์กตามเวลาท้องถิ่น
ปัจจุบัน Centers for Disease Control and Prevention เผยสถิติในปี 2023 ว่า มีผู้เสียชีวิตจากการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนถึง 46,728 ราย ถือเป็นสถิติสูงสุดอันดับ 3 ของประเทศในช่วงที่ผ่านมา
อ้างอิง:
– https://edition.cnn.com/us/live-news/charlie-kirk-shot-utah-09-10-25
– https://www.axios.com/2025/09/11/charlie-kirk-shooting-house-boebert-luna
Tags: ชาร์ลี เคิร์ก, Donald Trump, สหรัฐอเมริกา, โดนัลด์ ทรัมป์, MAGA, สหรัฐฯ, ลอบสังหาร