(3 ก.ค.2562) ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมีตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้มารับหนังสือแทน เพื่อเรียกร้องให้มีการสอบสวนการทำร้ายอย่างรุนแรงต่อสามนักกิจกรรม และคุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ

ความรุนแรงต่อเนื่องที่เกิดขึ้นกับนักกิจกรรมทางการเมืองอย่าง ‘เอกชัย หงส์กังวาน’ เฉพาะในปี 2561 เอกชัยต้องประสบกับการคุกคาม ก่อกวนและลอบทำร้ายถึง 4 ครั้ง ต่อมาในปี 2562 เอกชัยถูกลอบทำร้ายอีกอย่างน้อย 5 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีนักกิจกรรมอีกอย่างน้อย 2 คนที่ถูกลอบทำร้ายร่างกายโดยไม่ทราบผู้กระทำความผิดถึง 3 ครั้ง ได้แก่ การทำร้ายร่างกายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ‘ฟอร์ด เส้นทางสีแดง’ หนึ่งในแกนนำจัดกิจกรรม “ถึงโกงก็ชนะ” หน้าแมคโดนัลด์ ราชประสงค์ และ ‘ฟอร์ด’ ถูกทำร้ายอีกครั้งระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านพัก และรายล่าสุดที่ถูกทำร้ายร่างกายคือ ‘สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์’ หรือ จ่านิว นักกิจกรรมทางการเมืองถูกรุมทำร้ายถึงสองครั้งในเดือนมิถุนายน โดยครั้งล่าสุด ได้รับบาดเจ็บสาหัส  กระดูกใบหน้าหักและเบ้าตาแตก

ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่ารัฐบาลต้องให้การคุ้มครองประชาชนให้สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบโดยไม่ต้องหวาดกลัวต่อการคุกคาม การตอบโต้ หรือการแก้แค้น และให้ยุติการดำเนินคดีอาญาอันเป็นการแทรกแซงสิทธิเหล่านี้

นอกจากนั้น ผอ.แอมเนสตี้ ประเทศไทยยังตั้งข้อสังเกตว่า นักกิจกรรมทั้งสามคนถูกดำเนินคดีอาญาหลายข้อหาจากการชุมนุม รวมทั้งการดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่น ละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และฝ่าฝืนคำสั่งการห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินห้าคน ซึ่งข้อหาทั้งหมดเป็นการแทรกแซงโดยไม่ชอบธรรมต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ 

ผอ.แอมเนสตี้ ยังกล่าวอีกว่าทางการการไทยต้องมีแนวทางปฎิบัติที่เหมาะสม สอดคล้องกับพันธกรณีที่มีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในการให้ความคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ต้องเตรียมมาตรการรับมือกรณีที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนร้องขอความคุ้มครองด้านความปลอดภัยอย่างเร่งด่วน และเมื่อเกิดเหตุการคุกคาม ทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนหาผู้กระทำผิดโดยเร็วที่สุด

ภาพ : ฐิตินันท์ เสมพิพัฒน์