บ่ายวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2562 มวลชนและนักกิจกรรมหลายกลุ่มชุมนุมแสดงความไม่พอใจต่อการจัดการการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงความผิดพลาดของ กกต. เช่น ความคลาดเคลื่อนในการนับคะแนน ความพยายามแทรกแซงการเมืองของรัฐบาลทหาร นำมาสู่การตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดถอน กกต. และเรียกร้องให้มีการเปิดเผยผลการเลือกตั้งในระดับหน่วยอย่างละเอียด ทั้งนี้ไม่ได้อยากเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ
โดย อานนท์ นำภา ทนายความและนักกิจกรรม ชวนคนทั่วไป เตรียมป้ายกระดาษพร้อมข้อความแฮชแท็ก #เห็นหัวกูบ้าง นัดมารวมตัวกันเวลา 17.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน
จ่านิว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรม อ่านแถลงการณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ใช้งบประมาณถึง 5,800 ล้านบาท แต่กลับพบปัญหาหลายประการ ทั้งการเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองที่สนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นอกจากนี้ยังมีความไม่โปร่งใสในการเปิดเผยผลคะแนนเลือกตั้ง ทั้งตัวเลขจำนวนผู้มีสิทธิ์ และผู้มาใช้สิทธิ์ที่ไม่ชัดเจน หลายพื้นที่มีคะแนนคลาดเคลื่อน และยังมีการถ่วงเวลาประกาศผลคะแนนจนเกรงว่าจะมีการปรับแต่งคะแนน อีกทั้งยังมีปัญหา เช่น เจ้าหน้าที่ให้บัตรเลือกตั้งผิดเขต และเกิดปัญหาที่บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์มาล่าช้าจนกลายเป็น ‘บัตรที่นำไปนับคะแนนไม่ได้’
ทางกลุ่มนักกิจกรรมจึงเรียกร้องให้มีการเปิดเผยผลคะแนนในระดับหน่วยโดยละเอียด ทั้งจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละเขต จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ จำนวนบัตรเสีย และคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับ รวมถึงติดตามและนำบัตรเลือกตั้งนอกเขต ทั้งที่ถูกส่งไปผิดเขตเลือกตั้ง และบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่มาถึงไม่ทันกำหนด ให้พิจารณานำกลับมานับรวมเพื่อจะได้นับคะแนนเสียงของประชาชนผู้ประสงค์จะใช้สิทธิให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ทางกลุ่มระบุว่า ไม่ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ แต่ไม่ต้องการเห็น กกต.ทำผิดซ้ำซาก จึงคาดหวังให้ กกต.แก้ไขสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก ไม่กระทำผิดซ้ำซาก
ด้านศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (YPD – Young People for Social-Democracy Movement, Thailand) ก็มีกิจกรรม จัดแสดง Performance Arts “พอกันที บัตรเขย่ง” บริเวณปากซอย สยามสแควร์ ซอย 3 พร้อมทั้งออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ตรวจสอบ ‘องค์กร (ไม่) อิสระ’ แสดงความกังวลถึงการจัดการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่เป็นกลาง ไม่มีประสิทธิภาพ
โดย YPD ตั้งข้อสงสัย 3 ข้อ คือ 1) การเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมา ขาดองค์ประกอบของการสังเกตการณ์เลือกตั้ง ที่ควรมาจาก 3 ฝ่าย คือ องค์กรกลาง ประชาชน และตัวแทนพรรคการเมือง 2) กกต.เองไม่สามารถออกระเบียบหลักเกณฑ์ในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3) การเลือกตั้งเกิดปัญหาว่าผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมีจำนวนมากกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งคำตอบที่ชี้แจงว่าเป็นความขัดข้องทางเทคนิคนั้นไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้สังคมคลายความสงสัย
อีกกลุ่มหนึ่งที่ทำกิจกรรมล่าชื่อเพื่อถอดถอน กกต.นั้น เป็นกลุ่มที่นำโดยนักกิจกรรมอิสระ โดยตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน กกต.ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ การล่าชื่อของกลุ่มต่างๆ เป็นการล่าชื่อพร้อมแนบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนเพื่อนำไปยื่นถอดถอนองค์กรอิสระตามกฎหมาย ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการล่าชื่อออนไลน์ที่ปรากฏในเว็บไซต์ change.org (https://www.change.org/p/ร่วมกันลงชื่อถอดถอน-กกต-โกงเลือกตั้ง ) ที่ล่าสุดมีคนร่วมลงชื่อแล้วกว่า 8 แสนราย
