เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2017 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งลงนามคำสั่งห้าม 6 ประเทศมุสลิมเข้าประเทศเป็นครั้งที่ 2 หลังจากคำสั่งแรกถูกกระแสต่อต้านจากชาวสหรัฐฯ ทั่วประเทศ และถูกระงับโดยศาลชั้นต้นในหลายรัฐ โดยครั้งนี้รัฐบาลของทรัมป์มั่นใจว่า คำสั่งครั้งที่ 2 ที่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้มีความเข้มงวดน้อยลงจะผ่านฉลุยและนำไปบังคับใช้ได้
แต่แล้วเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ ผู้พิพากษาในมลรัฐฮาวายมีคำตัดสินด่วนเพื่อระงับคำสั่งนี้ของทรัมป์ โดยพิจารณาว่าแม้จะมีการลดเงื่อนไขบางอย่างแล้ว แต่เนื้อหาใจความของคำสั่งยังคงเป็นการเจาะจงเหยียดชาวมุสลิมโดยเฉพาะ
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนกรานว่า เขาจะผลักดันคำสั่งนี้ให้ถึงที่สุด และอาจจะกลับไปยึดตามคำสั่งแรกหากจะต้องต่อสู้ในศาลชั้นต่อไป แต่ท่าทีของชาวสหรัฐฯ รวมถึงภาคธุรกิจเองยังคงต่อต้านคำสั่งที่ 2 ของเขา ปฏิกิริยาทั่วสหรัฐฯ จึงสะท้อนชัดเจนว่าแม้เขาจะได้ปรับแก้ไขคำสั่งแล้ว เขาก็จะยังคงเจอกับด่านสุดโหดในการจะผลักดันการแบนประเทศมุสลิมให้สำเร็จเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2017 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งลงนามคำสั่งห้าม 6 ประเทศมุสลิมเข้าประเทศเป็นครั้งที่ 2 หลังจากคำสั่งแรกถูกกระแสต่อต้านจากชาวสหรัฐฯ ทั่วประเทศ และถูกระงับโดยศาลชั้นต้นในหลายรัฐ โดยครั้งนี้รัฐบาลของทรัมป์มั่นใจว่า คำสั่งครั้งที่ 2 ที่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้มีความเข้มงวดน้อยลงจะผ่านฉลุยและนำไปบังคับใช้ได้
แต่แล้วเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ ผู้พิพากษาในมลรัฐฮาวายมีคำตัดสินด่วนเพื่อระงับคำสั่งนี้ของทรัมป์ โดยพิจารณาว่าแม้จะมีการลดเงื่อนไขบางอย่างแล้ว แต่เนื้อหาใจความของคำสั่งยังคงเป็นการเจาะจงเหยียดชาวมุสลิมโดยเฉพาะ
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนกรานว่า เขาจะผลักดันคำสั่งนี้ให้ถึงที่สุด และอาจจะกลับไปยึดตามคำสั่งแรกหากจะต้องต่อสู้ในศาลชั้นต่อไป แต่ท่าทีของชาวสหรัฐฯ รวมถึงภาคธุรกิจเองยังคงต่อต้านคำสั่งที่ 2 ของเขา ปฏิกิริยาทั่วสหรัฐฯ จึงสะท้อนชัดเจนว่าแม้เขาจะได้ปรับแก้ไขคำสั่งแล้ว เขาก็จะยังคงเจอกับด่านสุดโหดในการจะผลักดันการแบนประเทศมุสลิมให้สำเร็จ
ผู้พิพากษาศาลฮาวายสั่งระงับคำสั่งห้าม 6 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนถูกบังคับใช้
วันที่ 15 มีนาคม 2017 ผู้พิพากษามลรัฐฮาวายมีคำตัดสินระงับการบังคับใช้คำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สั่งห้ามประชาชนจาก 6 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2017 โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาตอบโต้ทันทีว่าคำตัดสินศาลเช่นนี้ทำให้รัฐบาลของเขาดู ‘อ่อนแอ’
เดอร์ริก วัตสัน (Derrick Watson) ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น (District Court) ในมลรัฐฮาวายมีคำตัดสินเช่นนี้ เพราะเห็นว่าคำสั่งห้ามประชาชนจาก 6 ประเทศเข้าสหรัฐฯ นั้นยังคงขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ที่ไม่สนับสนุนการเหยียดเชื้อชาติและศาสนา แม้ว่าคำสั่งครั้งที่ 2 ของทรัมป์จะมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหานี้แล้วก็ตาม แต่เขายังมองว่าคำสั่งนี้ยังคงจำกัดที่แค่ประเทศมุสลิม โดยคำสั่งระงับนี้จะมีผลชั่วคราวจนกว่าจะมีคนยื่นคำร้องต่อคำสั่งนี้
อย่างไรก็ตาม เดอร์ริก วัตสัน คือผู้พิพากษาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งเขาปฏิเสธว่าคำตัดสินของเขาไม่ได้มีแรงจูงใจทางการเมือง แต่คำสั่งของประธานาธิบดีนั้นมีแรงจูงใจมาจากทัศนคติเหยียดเชื้อชาติต่างหาก
ทรัมป์ยืนยันจะผลักดันคำสั่งห้ามประเทศมุสลิมให้ถึงที่สุดและอาจหันกลับมาใช้คำสั่งแรก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตอบโต้ว่า การสั่งระงับของศาลครั้งนี้เป็นการทำเกินหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ และยืนยันว่ารัฐบาลจะยังคงผลักดันคำสั่งนี้ไปให้ถึงที่สุด รวมถึงยื่นอุทธรณ์ต่อในศาลชั้นสูงสุดของสหรัฐฯ มากไปกว่านั้นคือ มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจมายึดคำสั่งแรกในการผลักดันในศาลชั้นสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ขอบข่ายของคำสั่งรุนแรงกว่าคำสั่งครั้งที่ 2 เพราะคำสั่งครั้งที่สองลดจาก 7 ประเทศเหลือเพียง 6 ประเทศ รวมถึงยกเว้นให้คนที่ได้วีซ่าแล้วและคนที่ถือกรีนการ์ดยังสามารถเข้าสหรัฐฯ ได้
ทั้งคำสั่งแรกและคำสั่งที่ 2 สั่งห้ามผู้ลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 120 วัน แต่คำสั่งที่ 2 นั้นยกเลิกคำสั่งที่ห้ามชาวซีเรียเข้าสหรัฐฯ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม
ปฏิกิริยาต่อคำสั่งห้ามประเทศมุสลิมครั้งที่ 2 ของทรัมป์
แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลของทรัมป์จะมั่นใจว่าคำสั่งที่ 2 จะถูกต่อต้านน้อยกว่าคำสั่งแรก แต่พวกเขาคิดผิดเพราะกระแสต่อต้านยังคงเกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ อย่างในรัฐแมริแลนด์ กลุ่มสนับสนุนผู้ลี้ภัยอย่าง American Civil Liberties Union และ National Immigration Law Center ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อระงับคำสั่งที่ 2 ของทรัมป์
ในรัฐวอชิงตันกลุ่มที่กำลังสมัครวีซ่าผู้อพยพได้ยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษาของศาลชั้นต้นให้ระงับคำสั่งนี้ หลังจากมีการแขวนคำสั่งแรกของทรัมป์ไปแล้ว
หากคำสั่งล่าสุดของ เดอร์ริก วัตสัน ผู้พิพากษาจากมลรัฐฮาวายได้รับการสนับสนุนจากผู้พิพากษาคนอื่นๆ ทั่วสหรัฐฯ จะทำให้รัฐบาลผลักดันคำสั่งนี้ในศาลชั้นต่อไปลำบากมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยี 58 บริษัท เช่น Airbnb, Lyft Inc และ Dropbox Inc ระบุว่า คำสั่งนี้จะกระทบต่อการรับแรงงานที่มีคุณภาพและทักษะจากทั่วโลก ด้านบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Facebook, และ Google ได้ร่วมต่อต้านคำสั่งนี้เช่นกัน
อ้างอิง:
www.reuters.com/article/us-usa-immigration-court-idUSKBN16M17N
Tags: USA, DonaldTrump, Muslim