สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กำลังถูกตั้งคำถามถึงการใช้ ‘2 มาตรฐาน’ และ ‘เลือกปฏิบัติ’ ในการดำเนินคดีกับข้าราชการตำรวจระดับสูงและพวก ที่ถูกกล่าวหาว่า พัวพันกันเว็บพนันออนไลน์ 2 คดีคือ คดีของ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับคดีของ พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.
นอกจากพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ที่ออกมาร้องเรียนและกล่าวหาตำรวจว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และเลือกปฏิบัติระหว่างคดีของตนเองกับคดีของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์แล้ว พันตำรวจเอก วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาตั้งคำถามในประเด็นนี้
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ซึ่งมี รังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน เป็นประธานเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงกรณีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรง พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กรณีส่วยขบวนการเว็บพนันออนไลน์
พันตำรวจเอกวิรุตม์ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนกล่าวโทษข้าราชการตำรวจระดับสูงว่ากระทำผิดอาญา พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนโดยไม่ชักช้าภายใน 30 วัน ก่อนจะส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วน ก.ร.ตร.ก็จะต้องเร่งพิจารณาโทษทางวินัย
พันตำรวจเอกวิรุตม์ยังตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของพนักงานสอบสวนในคดีพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ อดีต ผบ.ตร. ในที่ประชุม กมธ. เมื่อ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
พันตำรวจเอกวิรุตม์กล่าวว่า ในส่วนของโทษทางวินัย ก.ร.ตร.สามารถมีมติพักราชการ สำรองราชการ หรือให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาออกจากราชการไว้ก่อนได้ ในส่วนของคดีอาญา พนักงานสอบสวนมีอำนาจออกหมายเรียกและหมายจับได้ แต่ก็ไม่มีการดำเนินการในกรณีของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์
ทีมเฉพาะกิจ Cofact x The Momentum ตรวจสอบข้อเท็จจริงในสภา เปิดข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบขั้นตอนและอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนว่า เป็นไปตามที่พันตำรวจเอกวิรุตม์กล่าวหรือไม่ อย่างไร
ลำดับเหตุการณ์ข้อกล่าวหา พลตำรวจเอกต่อศักดิ์และพวก
• 1 เมษายน 2567 ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เข้าแจ้งความพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์และพวก ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ตามด้วยการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ก.ร.ตร. เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567
• 30 กรกฎาคม 2567 พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนส่งสำนวนการสอบสวนไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.
• 16 ธันวาคม 2567 คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นกรณีกล่าวหา พลตำรวจเอกต่อศักดิ์กับพวกเรียกรับเงินหรือทรัพย์สินที่เชื่อว่า ได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ พบว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน
• 22 ตุลาคม 2568 ก.ร.ตร.มีมติว่า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์และพวกที่เป็นตำรวจกว่า 200 นาย มีมูลความผิดจริง และอยู่ระหว่างการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง ซึ่ง ก.ร.ตร.จะนำคำชี้แจงนั้นมาพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อตัดสินและกำหนดโทษทางวินัย
เนื้อหาที่ตรวจสอบ
พันตำรวจเอกวิรุตม์กล่าวในที่ประชุม กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ว่า เมื่อมีผู้ทำหนังสือร้องเรียนกล่าวโทษถึง ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนหรือผู้รับหนังสือจะต้องรายงานดำเนินการสอบสวน โดยไม่ชักช้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะข้อกล่าวหานี้ไม่ใช่เรื่องความผิดทางวินัยอย่างเดียว แต่เป็นคำกล่าวโทษทางอาญาด้วย โดยพนักงานสอบสวนจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานส่ง ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน
“…ใน 30 วัน ท่านออกหมายเรียกได้ (ออก) หมายจับได้ด้วยซ้ำไป แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ” พันตำรวจเอกวิรุตม์กล่าว
พ.ร.บ. ป.ป.ช. เขียนไว้ว่าอย่างไร
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 (พ.ร.บ. ป.ป.ช.) มาตรา 28 (2) ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีหน้าที่และอํานาจในการไต่สวนกรณีเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งรวมถึงข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งการเรียกรับสินบนเป็นหนึ่งในฐานความผิดที่ ป.ป.ช.มีอำนาจตรวจสอบ ดังนั้น ป.ป.ช.จึงมีอำนาจและหน้าที่ในการไต่สวนคดีของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์และพวก
มาตรา 61 ระบุว่า เมื่อผู้เสียหายร้องทุกข์หรือมีผู้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานของรัฐหรือบุคคลอื่นใด ในข้อหาที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ‘ให้พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ’
สำหรับประเด็นการออกหมายเรียกและหมายจับที่พันตำรวจเอกวิรุตม์ระบุว่า พนักงานสอบสวนสามารถทำได้ในช่วงการสอบสวนก่อนส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. นั้น เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อาญา) ที่ระบุว่าพนักงานสอบสวนสามารถออกหมายเรียกให้บุคคลใดมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนได้
ส่วนการออกหมายจับนั้น ป.วิ.อาญา มาตรา 66 ระบุเหตุที่จะออกหมายจับได้คือ (1) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า บุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือ (2) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า บุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น ถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี
ตัวอย่างเช่นในคดีของ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสายไหม ได้ขอศาลออกหมายจับพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ และศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 โดยให้เหตุผลว่า มีหลักฐานเชื่อว่ากระทำผิดเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์และมีพฤติการณ์หลบเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวน
พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ กล่าวหาสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ‘เลือกปฏิบัติ’ ในการทำคดีของเขากับคดีของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์
แต่ในคดีของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ แหล่งข่าวในชุดสอบสวนคดีให้ข้อมูลว่า พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ไม่ได้ออกหมายเรียกและหมายจับเนื่องจากสามารถติดต่อ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ได้และผู้ต้องหายังได้ทำคำให้การเป็นหนังสือ จึงไม่มีเหตุให้ต้องออกหมายเรียกหรือหมายจับ
การที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและขอศาลออกหมายจับ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ แต่ไม่ดำเนินการเช่นเดียวกันกับ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์เช่นกัน เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ร้องเรียนว่า สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ‘เลือกปฏิบัติ’
ข้อสรุป
ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. และกฎหมาย ป.วิ.อาญา เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษข้าราชการตำรวจระดับสูง อย่างพลตำรวจเอกต่อศักดิ์และพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ อดีตว่า กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งรวมถึงการรับสินบน คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิด โดยพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นและส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน ซึ่งระหว่างนั้นพนักงานสอบสวนสามารถออกหมายเรียกหรือขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ป.วิ.อาญา สำหรับการออกหมายจับนั้น ต้องมีหลักฐานว่า ผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดอาญาที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีเหตุอันควร
ในคดีของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ที่ถูกกล่าวหารับสินบนจากเว็บพนันออนไลน์นั้น พนักงานสอบสวนไม่ได้ออกหมายเรียกและหมายจับจริง โดยให้เหตุผลว่าสามารถติดต่อผู้ต้องหาได้และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน จึงไม่มีเหตุให้ต้องออกหมายเรียกหรือหมายจับ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์นั้น พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนได้ส่งสำนวนไปที่ ป.ป.ช.แล้วตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 และ ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 คดีนี้จึงอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาตรา 39 ของ พ.ร.บ. ป.ป.ช.ระบุว่า
“ในระหว่างการไต่สวน หรือเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลว่า ผู้ใดกระทําความผิดและความผิดนั้นมีโทษทางอาญา หากมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนี ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือผู้ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มอบหมายมีอํานาจดําเนินการขอให้ศาลที่มีเขตอํานาจออกหมายจับและควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาไว้”
อ้างอิง
– https://www.youtube.com/watch?v=gWygvjMQNjs&t=963s
– https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/052/1.PDF
– https://www.matichon.co.th/local/news_4505814
Tags: ต่อศักดิ์ สุขวิมล, Cofact, Fact-check, ส่วยเว็บพนันออนไลน์




