เชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องเคยเห็นแท่นลักษณะเอียงชัน วางอยู่ตามพื้นที่สาธารณะทั้งในวัด โรงพยาบาล หรือสถานที่ออกกำลังกายต่างๆ ที่เมื่อพบเห็นมีอันต้องขอไปวัดระดับความตึงของกล้ามเนื้อน่อง ขึ้นไปยืนยืดเหยียด ร้อง ‘ซี้ดโอย’ อยู่บนแท่น เป็นธรรมเนียมที่ต้องทำทุกครั้ง
แม้จะพบเห็นมาตลอด แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า แท่นแบบนี้คืออะไร ใครเป็นเจ้าของ และจะหาซื้อได้ที่ไหน 
ความเป็นจริงแล้วแท่นดังกล่าวคือเก้าอี้ และที่สำคัญมีชื่อเต็มว่า เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง กิจการที่สืบทอดมายาวนานกว่า 30 ปี และวันนี้ ณัฐวัฒน์ พุ่มบุญทริก ที่รับช่วงต่อจากตาแสวง เตรียมขยายธุรกิจ ทำให้เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงเติบโตในแพลตฟอร์มออนไลน์ และเข้าถึงคนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
The Momentum มีโอกาสได้ไปเยือนโรงงานผลิตของเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง พร้อมพูดคุยกับณัฐวัฒน์ว่า แท้จริงแล้วเก้าอี้คุณมหัศจรรย์คุณตาแสวงคืออะไร เหตุใดจึงเป็นที่นิยม และธุรกิจประเภทนี้มีแนวทางการเติบโตอย่างไรบ้าง 
อธิบายโดยคร่าว เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงคืออะไร
พูดกันตามลักษณะที่เห็น เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง คือแท่นยืนยืดเหยียดไว้สำหรับคลายเส้น ทำกายภาพบำบัด ของคนที่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อตึง
ส่วนชื่อ เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง (แสวง บุญชัยเดช) เกิดจากตอนที่เราไปโปรโมตสินค้าที่รายการทีวีช่องหนึ่ง แล้วพิธีกรพูดในรายการว่า ใช้แล้วเหมือนเก้าอี้เลย แม้จะเป็นการยืนเพื่อยืดเหยียดก็ตาม จากนั้นก็พูดต่อว่า มันมหัศจรรย์ ยืนแล้วรู้สึกหายปวดเมื่อย ทั้งหมดนี้เลยกลายเป็นภาพจำ จนคนเริ่มพูดติดปากว่า แท่นยืดเหยียดนี้คือเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง เวลามาสั่งสินค้าก็จะถามว่า มีเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงไหม จากนั้นก็เลยใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด จนตอนนี้ก็เป็นปีที่ 31 แล้ว
แต่จริงๆ ลักษณะเก้าอี้แบบนี้มีมาเป็น 100 ปีแล้ว ส่วนใหญ่มักทำกันเองในครัวเรือน ไม่ได้มีทำจำหน่าย
คือเท่าที่ผมฟังตาแสวงเล่า ท่านเป็นคนจีน ต้นตระกูลเป็นหมอยา หมอตำบล ครอบครัวเลยมีองค์ความรู้ในการทำเก้าอี้ยืดเหยียดมาตลอด แต่ตอนนั้นท่านทำงานอยู่ในกระทรวงคมนาคม เป็นข้าราชการนะ
จนพอเกษียณราชการไม่มีอะไรทำนอกจากเลี้ยงหลาน ช่วงนั้นก็เริ่มเห็นว่าภรรยาเริ่มมีอาการปวดเมื่อย สุขภาพไม่ดี เลยคิดว่าการทำเก้าอี้ที่เคยเห็นในวัยเด็กของเขา น่าจะช่วยแก้อาการได้ จึงเก็บเศษไม้มาทำเก้าอี้ตัวแรก ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่ 2 เดือนเลย พอภรรยามาใช้สุขภาพก็ดีขึ้น ตาแสวงเองพอเริ่มทำก็นำเก้าอี้ไปเผยแพร่ในชุมชน ในโรงพยาบาล ก็เป็นที่พูดถึงในวงกว้างมากขึ้น เลยถูกเล่าแบบปากต่อปาก จนกลายเป็นที่นิยม 
ในช่วงแรกกลุ่มลูกค้าของเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงคือใคร
ด้วยความที่ท่านเป็นปราชญ์ชาวบ้าน มีความรู้เรื่องสมุนไพร เรื่องระบบต่างๆ ในร่างกาย ก็จะมีลูกศิษย์ค่อนข้างเยอะ ก็เลยเปิดสอนทำเก้าอี้ให้คนในชุมชน คุณตาก็รับซื้อเก้าอี้พวกนี้มาขาย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในพื้นที่ที่ได้ยินข่าวแบบปากต่อปากมาเรื่อยๆ
รวมถึงกลุ่มลูกค้าในวงการสุขภาพ ที่โรงพยาบาล ที่อนามัย ที่เขาจะนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ต้องใช้สำหรับการทำกายภาพบำบัด
แม้จะเป็นชื่อว่าเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง แต่ลักษณะการใช้งานกลับดูไม่เหมือนเก้าอี้ทั่วไปเลย การออกแบบตรงนี้มีที่มาอย่างไร
สำคัญที่สุดของ เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง คือองศาในการยืน ซึ่งมีหลายแบรนด์พยายามเลียนแบบ แต่ก็ทำได้ไม่เหมือน ซึ่งองศาที่พวกเราทำคือต้องมีความชันพอดี หัวเข่าไม่เลยปลายเท้า และต้องมีมุมที่ 45 และ 50 องศาเท่านั้น มากไปกว่านี้เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อก็อาจได้รับบาดเจ็บ หรือถ้าชันน้อยกว่านี้ไม่ได้เห็นผลอะไร
เรื่องความชันของเก้าอี้ เคยมีลูกค้าหลายคนบอกว่า ขอชันน้อยกว่านี้ได้ไหม เพราะใช้แล้วเจ็บ แต่ผมจะบอกว่าที่เจ็บนั้น เพราะคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพอยู่ ดังนั้นช่วงแรกอาจจะใช้เวลายืนไม่ต้องนานมาก ค่อยๆ ฝึกจนมันทำได้นานขึ้น ซึ่งพอทำไปได้สักพัก ปัญหาในร่างกายมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนรูปลักษณ์ของเก้าอี้ เป็นภาพจำของคุณตาสมัยเด็กที่สมัยอากงของท่านทำ ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ไม่เกะกะ มีความยาวประมาณนี้ ความสูงเท่านี้ คือตาแสวงเขาจะมีพิมพ์เขียวเลยว่า เก้าอี้ต้องมีลักษณะอย่างไร ขนาดเท่าไร
ทุกวันนี้เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงก็ยังทำตามพิมพ์เขียวนั้นอยู่ อาจจะมีบางอย่างที่ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย เช่น สีของเก้าอี้ที่หลากหลายมากขึ้น คุณภาพไม้ที่นำมาใช้ ที่ไม่ใช่เศษไม้แล้ว เป็นไม้ที่แข็งแรง พรมจากเดิมเป็นพรมมือสองตามออฟฟิศก็เปลี่ยนเป็นพรมใหม่
คุณเชื่อไหม แม้จะมีพิมพ์เขียว แต่พวกผมใช้เวลา 1 ปีเลย เพื่อให้ได้เก้าอี้ตามมาตรฐานและคุณภาพของตาแสวง และต้องปรับให้มันเหมาะสมกับการทำธุรกิจ ที่จะมีเรื่องการบรรจุสินค้าลงกล่อง การขนส่ง ดังนั้นเก้าจึงต้องแข็งแรงกว่าเดิม รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างต้องปรับเช่น ขนาดตะปู ที่มันใหญ่ไปไม้ก็อาจจะแตกได้ ก็ต้องปรับให้เล็กลง 
เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงมีสรรพคุณอะไรกับผู้ใช้งานบ้าง
อย่างแรกเลยคือ เยียวยาชีวิต ผมเชื่อว่า เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงไม่ใช่แค่สินค้า แต่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตคนได้ เพราะลูกค้าหลายคนเป็นพ่อค้าแม่ค้า ถ้าวันนี้ร่างกายเขาไม่ดี สุขภาพเขาเจ็บป่วย ก็ออกไปค้าขายไม่ได้ ไม่มีรายได้เลย บางคนใช้เก้าอี้ของเราแล้ว สุขภาพดีขึ้น ออกไปทำงานได้ ชีวิตก็เปลี่ยน
ต่อมาคือสุขภาพจิต ถ้าเราใช้แล้วเรารู้สึกดีขึ้น มันกำลังใจในการใช้ชีวิตมันมีต่อ จากคนที่เคยปวดเมื่อย พอเลือดไหลเวียนดีขึ้น นอนหลับสบายขึ้น ตื่นมาก็กระปรี้กระเปร่า ระบบเลือดไหลดี กล้ามเนื้อที่เคยตึง เส้นเอ็นที่เคยตึง มันถูกคลาย มันถูกยืดเหยียดตั้งแต่ฝ่าเท้าไปจนถึงศีรษะ
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ การยืนบนเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงมีท่าสำหรับยืนด้วย ความรู้ตรงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
ตาแสวงเล่าว่า เป็นการคิดค้นร่วมกันกับคุณหมอท่านหนึ่ง ช่วยกันออกแบบท่าต่างๆ ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วก็คือท่ากายภาพ และท่าออกกำลังกายต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เพียงแต่จะเป็นการทำบนเก้าอี้ให้ร่างกายมันยืดเหยียดไปด้วย ให้เลือดมันสูบฉีดอยู่ตลอด
แล้วหลังจากนั้น คุณตาก็เขียนเป็นคู่มือเลย แล้วก็สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น มาถึงรุ่นผมก็ทำเป็น QR Code มีวิดีโอสาธิตประกอบ รวมถึงได้ป้าปุ้ม (อาภา ปรีชากูลย์) มาช่วยออกแบบท่านั่งเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงด้วย แกเล่าว่า เป็นลูกศิษย์คนที่ 119 ระบุไว้แบบนี้เลย เป็นคนอ่างทองที่ปัญหาสุขภาพดีขึ้นหลังจากตาแสวงมาดูแลให้ แล้วหลังจากนั้น ป้าปุ้มก็ไปเรียนเสริมเรื่องแพทย์แผนไทย จนกลายเป็นหมอนวดคิวทอง เพราะแกนับถือคุณตาที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน นับถือเรื่องสมุนไพร นับถือว่าเป็นคนมีวิชาอาคม สามารถลงคาถาไปในเก้าอี้มหัศจรรย์ได้ 
หมายความว่าในเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงมีเรื่องความเชื่อแฝงอยู่ด้วยเหรอ
ถ้าใครสังเกตเก้าอี้ของเราจะมีกากทอง เป็นสัญลักษณ์ที่ระบุว่าเป็นของแท้
ที่ต้องมีกากทอง เพราะสมัยก่อนตาแสวงจะลงคาถาเอาไว้ในเก้าอี้ทุกตัว คุณตาอธิบายว่าคาถาพวกนี้เอาไว้ใช้แก้อาการปวด ท่านเชื่อว่าคนที่มีอาการปวดเป็นโรคเวร โรคกรรม ที่มันกัดกินร่างกาย คาถาของท่านเลยเป็นเหมือนกุศโลบายทางใจ ซึ่งทุกวันนี้มีคนเดียวที่ได้รับการสืบทอดคาถาต่อ คือหลานของคุณตา
ดังนั้นถ้ามีใครเอาเก้าอี้แบบคุณตาไปทำ สุดท้ายแม้จะได้เห็นพิมพ์เขียว แม้จะรู้รายละเอียด แต่ก็จะขาดองค์ประกอบทางใจตรงนี้ไป
ดังนั้นนอกจากรักษาสุขภาพกายแล้ว เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงยังรักษาสุขภาพใจด้วย
ผมเชื่อว่าพอเขาอาการดีขึ้น เขาใช้แล้วเขาหาย เขาชอบกับสินค้า ก็จะไปบอกญาติพี่น้อง ไปบอกเพื่อน ยอดขายเราก็จะเพิ่มขึ้น คนใช้ก็สุขภาพกายและใจดี มีกำลังใจไปทำงานต่อ ไม่ต้องผ่าตัด
จากสินค้าโดยปราชญ์ชาวบ้าน จนถึงเมื่อไรที่กลายเป็นธุรกิจจนถึงปัจจุบัน
ช่วงที่ตาแสวงทำ ท่านเผยแพร่ความรู้ให้คนในชุมชน จนชาวบ้านเขาทำเก้าอี้มาส่ง ซึ่งคนไหนที่ทำแล้วได้มาตรฐาน คุณตาก็รับไว้ ใครไม่ได้มาตรฐานก็ให้กลับไปแก้ไข ทำมาส่งใหม่ จนหลายๆ เริ่มมีสินค้าเข้ามาเยอะมากขึ้น
แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้จดทะเบียนบริษัท ตั้งเป็นนิติบุคคล ผมเพียงแค่รับช่วงต่อจากตาแสวง และยังคงใช้วิธีใครทำมาส่ง เราก็รับมาขายปลีก เพียงแต่เริ่มทำช่องทางออนไลน์ควบคู่ด้วย 
ทำไมจึงตัดสินใจรับช่วงต่อกิจการเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง
ผมได้เข้ามาเป็นเขยของคุณตา ช่วงบั้นปลายชีวิตก็ได้เห็นธุรกิจ ได้อยู่กับท่านมาตลอด ซึ่งธุรกิจตรงนี้อย่างที่บอกว่า นอกจากเรื่องการเติบโตที่มันไปได้ไกล ที่สำคัญคือมันช่วยรักษาผู้คน ทำให้คนชีวิตดีขึ้นได้จริง ผมไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้มันหายไป ถ้าวันหนึ่งเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงไม่ได้ทำเก้าอี้อีกแล้ว
อีกทั้งผมเองก็ทำธุรกิจมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ก็ทำงานให้กับบริษัทจีน ไปขายอาหารเสริมให้เขา เลยพอจะรู้วิธีการ รู้ระบบของการทำธุรกิจอยู่บ้าง ก็เลยตกปากรับคำสืบทอดกิจการมาต่อ 
เก้าอี้ตาแสวงภายใต้การดูแลของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
วันแรกทำงานกันตั้งแต่ตี 5 จนฟ้ามืด พวกเราไม่ได้พักเลย เพราะพอเริ่มทำการตลาดออนไลน์ คนเริ่มเห็นมากขึ้น เขาก็จำได้ว่าเคยใช้เก้าอี้เวลาไปวัด ไปโรงพยาบาล ใช้แล้วรู้สึกสบาย จึงเข้ามาสั่งกันเยอะมาก ลูกค้าเต็มไปหมด ส่งเป็นร้อยตัวต่อวัน ตอนนั้นจากพนักงานในมือที่แพ็กอาหารเสริม ผมให้พวกเขามาแพ็กเก้าอี้กันแทน
แล้วพอทำแบบนี้มาได้พักหนึ่ง เราเริ่มควบคุมคุณภาพไม่ได้ เก้าอี้เริ่มไม่ตรงคุณภาพที่เราต้องการ ผมจึงตัดสินใจเริ่มผลิตเก้าอี้ด้วยตัวเอง ก็ใช้เวลาอยู่ 1 ปีกว่า ในการแกะพิมพ์เขียวของเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง รวมถึงปรับรายละเอียดเล็กน้อยให้เข้ากับยุคสมัยและวิธีการขนส่ง ให้เป็นสินค้ารุ่นมาตรฐานของร้าน ส่วนเก้าอี้ที่รับมาจากชาวบ้าน ผมใช้วิธีบอกเขาว่า ต่อไปนี้ไม่ได้ต้องทำจำนวนที่เยอะแล้ว ทำให้น้อยลง แต่ให้งานมันละเอียด มันสวยงาม แล้วเราจะขายในราคางานฝีมือ ให้กลายเป็นเก้าอี้อีกคือรุ่นหนาพิเศษและรุ่นลายไม้ ลงแลกเกอร์ 
ในวันนี้เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง แตกต่างไปจากเดิมอย่างไรบ้าง
คือเราไม่ได้ขายเก้าอี้ เราขายสุขภาพ เราขายความสุข ปัจจุบันบริษัทเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงจึงมีแนวทางดูแลหลังการขายเยอะมาก เรามีวิธีการใช้งานให้ มอบความรู้ให้
ทั้งหมดนี้เพราะผมอยากจะรักษาเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงให้อยู่กับผู้คนนานๆ และส่วนตัวผมเชื่อว่า ตั้งแต่วันแรกที่ผมคุยกับตาแสวง ผมพูดเลยว่า เก้าอี้มหัศจรรย์สามารถทำรายได้ถึงพันล้านต่อปี ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะสิ่งนี้คือสินค้านวัตกรรม ไปอยู่ประเทศไหนก็เป็นสินค้านวัตกรรมทันทีและเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ด้วย
ทุกวันนี้ผมทำเก้าอี้มหัศจรรย์มียอดขายร้อยล้านบาท ทั้งที่ผมไม่ได้ลงทุนสักบาท ธุรกิจโตของมันเอง คือการทำธุรกิจของผม ไม่ว่าจะทำอะไรต่างๆ ผมไม่คิดจะลงทุนด้วยเงิน ผมลงทุนด้วยแรงงานลงทุนด้วยการศึกษา เอาเวลาไปเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด แม้แต่งานใช้แรงงานก็ตาม มันจะมีวิธีทำให้ตัวเองพัฒนาได้ ทุกเดือนผมจะประชุมกับพนักงานตลอดเพื่อที่จะพัฒนาเรื่องนี้ เช่น คนทาสีเก้าอี้ เราก็มานั่งคุยกันตลอดว่าจะทำอย่างไรให้มันเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น
เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง เป็นสินค้าที่อายุการใช้งานค่อนข้างนาน คุณทำอย่างไรให้สินค้านี้มียอดขายอยู่ตลอด
เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงปกติแล้วใช้งานได้ขั้นต่ำคือ 5-10 ปี ดังนั้นที่ยอดขายยังมีอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ใช้แล้วชอบ จนไปบอกต่อ หรือซื้อเอาไปให้คนอื่นได้ลองใช้บ้าง หรือบางกรณีก็มีโอนเงินให้เฉยๆ ด้วยนะ เขาแจ้งว่าถ้ามีคนอยากได้แต่ไม่มีเงิน จะได้ใช้เงินตรงนี้ที่โอนไปให้ มีแบบนี้เยอะ
เพราะพอเขารู้ว่าใช้ดี ใช้แล้วสุขภาพดี ชีวิตเปลี่ยน กลับไปทำงานหาเงินได้ ก็อยากกลับมาช่วยเหลือคนอื่นที่เขาประสบปัญหาเหมือนกัน หรือบางคนก็กลับมาซื้อ 100 ตัว เอาไปบริจาคตามวัด ให้วางตรงศาลา ให้ประชาชนได้มาใช้งาน แบบนี้ก็มี
ซึ่งตัวผมเองก็จะให้ทิศทางของแบรนด์เป็นแบบนี้เหมือนกัน ทุกวันนี้บริษัทเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง ก็บริจาคเก้าอี้ให้วัดต่างๆ หรือถ้ามีพระสงฆ์เข้ามาสั่งซื้อ เราก็ขอบริจาคให้เลย อยากให้พระที่ต้องเดิน ต้องนั่งนานๆ ได้ใช้
รวมถึงช่วงที่ผ่านมา ก็เริ่มบริจาคให้อนามัย เพราะผมเห็นว่าคนที่เขาไม่มีเวลา หรือเงินทุนมากมาย ส่วนใหญ่เขาจะเข้ามารักษาอาการป่วยที่อนามัย ดังนั้นถ้าเขาไม่สามารถซื้อเก้าอี้เราไปตั้งไว้ที่บ้านได้ อย่างน้อยก็มีโอกาสได้ใช้งานที่อนามัยได้ 
ในวันนี้เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงมียอดขายเป็นอย่างไรบ้าง
ประมาณ 3 หมื่นชิ้น เดือนต่อเดือน โดย 99% เป็นยอดสั่งซื้อจากช่องทางออนไลน์แทบทั้งหมด ช่วงโปรประจำเดือนต่างๆ นี้พนักงานแทบไม่ได้นอนเลย โรงงานเปิด 24 ชั่วโมง พนักงานผลัดกันทำงาน
คล้ายกับซีรีส์สงครามส่งด่วน (2568)
ใช่ แบบนั้นเลย ก่อนที่ซีรีส์จะออกพวกเราเป็นแบบนั้น แทบจะไม่พัก เครื่องไม้เครื่องมือทำงานตลอด พนักงานตะโกนให้กำลังใจกัน สู้โว้ยๆ พนักงานบางคนเลิกงานแล้วทำงานล่วงเวลาต่อ ผมก็ต้องหารถขนส่งวิ่งส่งเอง เวลา 5 ทุ่มก็ต้องขออนุญาตโหลดพัสดุลงสายพานขนส่ง เพราะบางแพลตฟอร์ม ช่วงโปรโมชันให้จัดส่งวันพรุ่งนี้ทันที แบบในซีรีส์เลย
พนักงานทุกคนก็ไฟแรง ไม่หลับไม่นอนกัน จนต้องสั่งให้หยุดบ้าง เพราะผมกลัวร่างกายไม่ไหว แล้วจะส่งผลต่องาน ส่งผลต่อการทำงานร่วมกัน
แต่พอเห็นตัวเลขที่เข้ามา ได้รับการซัพพอร์ตที่ดีจากลูกค้าก็ชื่นใจ หายเหนื่อยกันทั้งบริษัท พนักงานได้เงิน มีค่าคอมมิสชันเยอะขึ้น เขาก็มีรายได้ ได้สร้างชีวิต ดีกับพนักงานเรา บางคนทำงานตำแหน่งแอดมินเงินเดือน 1 หมื่นกว่าบาท แต่ได้ค่าคอมมิสชันเป็นแสนบาท มากกว่าผมอีก ทุกวันนี้ผมเข้ามาออฟฟิศต้องมาถามแล้ว วันนี้มีใครอยากเลี้ยงข้าวพี่บ้างไหม (หัวเราะ) 
หลังจากนี้มองเป้าหมายของเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงไว้อย่างไรบ้าง
ปัจจุบัน ผมเตรียมความพร้อมหมดแล้วในออนไลน์ พร้อมไปต่างประเทศ ช่องของเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง มีปุ่มตะกร้าสินค้าเป็นภาษาพม่า ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาเกาหลี ดังนั้นถ้าแพลตฟอร์มออนไลน์ เปิดให้ขายสินค้าในประเทศไหน เราก็มีความพร้อม เรามีแอดมินที่พูดได้หลากหลายภาษารองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ
ส่วนการขายแบบออฟไลน์ ผมก็วางโครงสร้าง ตั้งใจไว้ว่าทุกปั๊มน้ำมันต้องมีสินค้าของเรา เป็นช็อปเล็กๆ กระจายไปทั่วประเทศ ในนั้นก็จะมีเก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวงที่ผมผลิตเอง และมีสินค้าอีกหลายสิบรายการ ที่เป็นสินค้าวิสาหกิจชุมชนทั้งหมด เช่น ที่นวดเท้า นวดมือ นวดหลัง
ก็เป็นเป้าหมายที่จะก้าวไปทีละขั้น ให้ทุกคนโตไปด้วยกัน ผมคิดว่าถ้าสินค้าดี ลูกค้าจะรักเรา แล้วลูกค้าซื้อซ้ำ งานเราก็จะเยอะ รายได้เราก็จะเยอะ พนักงานก็จะอยู่กันสบาย
Tags: The Chair, ณัฐวัฒน์ พุ่มบุญทริก, fantasticchair, เก้าอี้มหัศจรรย์ตาแสวง, เก้าอี้ตาแสวง, แท่นยืดเส้น, แท่นคลายเส้น, แท่นยืดเหยียด, ตาแสวง, แท่นคลาย, คลายเส้น, ธุรกิจ, เก้าอี้




