เช้ามืดของวันที่ 7 ตุลาคม 2023 กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล ด้วยจรวด และนำกองกำลังใช้เครื่องร่อนข้ามแดนจากกาซาข้ามแดนมายังอิสราเอล
หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบคือ คอนเสิร์ตเพื่อสันติภาพ ซึ่งจัดที่ฟาร์มใกล้กับชายแดน เมื่อนักรบปาเลสไตน์นำเครื่องร่อนบินข้ามมา และกราดยิงเข้าไปในคอนเสิร์ต เสียงเพลงเต้นรำถูกเปลี่ยนเป็นเสียงจรวดและเสียงไซเรน
ด้วยความที่คอนเสิร์ตจัดขึ้นในพื้นที่เปิด ทำให้ทุกคนวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนกไปคนละทิศละทาง หลายคนถูกจับเป็นตัวประกัน ขณะที่อีกหลายคนถูกสังหาร
และนับจากนั้น กองกำลังฮามาสก็บุกโจมตีเข้าไปในดินแดนอิสราเอล ไล่ยิงรถยนต์ บ้านเรือนผู้คน สังหารชาวอิสราเอล และจับทั้งชาวอิสราเอล รวมถึงชาวต่างชาติเป็นตัวประกัน โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการบุกโจมตี ‘พลเรือน’ ของอิสราเอล ด้วยวิธีต่างๆ โดยตรง
คิบบุชต์ (ชุมชน-นิคมการเกษตร) ในเมืองเบเอรี ถูกเผา ถูกยิงถล่ม พบศพจำนวนมากภายในคิบบุตช์ และอีกจำนวนไม่น้อยถูกจับเป็นตัวประกันข้ามไปกาซา โดยหนึ่งในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบคือ ‘คนไทย’ ในอิสราเอล ซึ่งในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2023 มีคนไทยที่ทำงานในอิสราเอลเสียชีวิตทั้งสิ้น 46 ราย และถูกจับเป็นตัวประกันมากกว่า 31 ราย ขณะที่ชาวอิสราเอลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ตัวเลขจากทางการระบุว่า อยู่ที่ราว 1,139 ราย
ทว่า ‘ฝันร้าย’ เพิ่งเริ่มต้น เพราะต่อมาอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีกาซาทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน ที่อยู่อาศัย ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่เกษตรกรรม ได้รับความเสียหายย่อยยับ มีความพยายามเจรจาสันติภาพแต่ก็ไม่เป็นผล ผู้นำฮามาสถูกสังหารไม่เว้นแต่ละวัน ขณะที่พื้นที่กาซาแทบสิ้นสภาพ ประมาณการณ์ว่า 2 ปีผ่านไปมีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตทั้งสิ้น 6.6 หมื่นราย ท่ามกลางเสียงประณามจากองค์กรระหว่างประเทศและหลายประเทศทั่วโลกว่า เป็นการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ และเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่มีที่ท่าจะยุติลงในเร็ววัน
Tags: อิสราเอล, ฮามาส