จะดีแค่ไหน หากวันที่ต้องทำงานหัวหมุน ปั่นงานให้ทันเดดไลน์ โดนลูกค้าวีนหรือหัวหน้าด่า คุณสามารถทิ้งระยะห่างจากเพื่อนร่วมงานสักครู่ แล้วหันไปปล่อยวางความเครียดกับขนนุ่มๆ พร้อมกับจกพุงน้องแมวน้องหมา หรือเล่นกับน้องๆ เพื่อคลายเครียด ในช่วงนาทีแสนแย่ในที่ทำงานได้

Pet Product News ระบุว่า พนักงาน 1 ใน 5 มีอาการวิตกกังวล (Anxiety) ทันทีที่ต้องแยกจากสัตว์เลี้ยง และมีถึง 70% ที่ยอมลดเงินเดือนลงมา หากสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาที่ทำงานได้ 

ข้อดีของการมีน้องหมาน้องแมวไม่ได้ส่งผลดีแค่คนทำงานเท่านั้น เพราะ Human Animal Bond Research Initiative ระบุว่า ออฟฟิศที่มีนโยบาย Pet-friendly จะช่วยเพิ่มความผูกพันของพนักงาน สร้างความพึงพอใจในงาน และลดความตั้งใจลาออกเพิ่มขึ้น รวมไปถึงพนักงานที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ก็ได้ผลดีไปด้วย เพราะพนักงานจะมองว่านโยบายนี้ทำให้เห็นว่า องค์กรใส่ใจสุขภาวะของคนที่ทำงานและทำให้อยากร่วมงานต่อ ที่สำคัญน้องๆ สัตว์เลี้ยงจะกลายเป็นตัวกระตุ้นให้คนในที่ทำงานคุยกันมากขึ้น

ผลสำรวจจาก Gallup พบว่า พนักงานที่มีความผูกพันจะมีอัตราการขาดงานลดลงถึง 41% และอัตราการลาออกของพนักงานจะลดลงถึง 59% ดังนั้นการเพิ่มความผูกพันในที่ทำงานนับป็นกลยุทธ์หลักขององค์กร 

นอกจากนี้พนักงานกว่า 91% ในออฟฟิศที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยได้ระบุว่า พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมและผูกพันกับองค์กรและงานของตัวเอง ขณะที่ออฟฟิศที่ไม่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงมีพนักงานเพียง 65% มากไปกว่านั้นข้อมูลจาก HABRI ระบุว่า องค์กรที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงพบว่า พนักงานจะมีความรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกมีคุณค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 80%

งานวิจัยหลายแห่งยังอธิบายต่อว่า การมีสัตว์เลี้ยงในที่ทำงานนั้นช่วยลดความตึงเครียด ช่วยสร้างความผูกพันกับงาน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตระหว่างการทำงาน และเพิ่มความรู้สึกสำเร็จและภาพภูมิใจในหน้าที่อีกด้วย 

แน่นอนว่า ออฟฟิศที่มีนโยบาย Pet-friendly มีข้อดีนับไม่ถ้วน แต่ขณะเดียวก็ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะต้องมีการออกแบบนโยบายให้รอบครอบรัดกุมทั้งการดูแลสัตว์เลี้ยงและผู้ที่อาจแพ้ขนสัตว์ โดยควรเริ่มจากการ

1. ทำแบบสำรวจความต้องการของคนในองค์กร และไม่เพิกเฉยต่อเสียงที่ไม่เห็นด้วย

2. ออกกฎระเบียบอย่างชัดเจน เช่น กำหนดประเภทสัตว์ที่อนุญาต และวางแนวทางอย่างชัดเจน เช่น ขู่ เห่า และกำหนดพื้นที่สัตว์ห้ามเข้า 

หรือบางออฟฟิศอาจจะเริ่มต้นจากมีวันพิเศษ เช่น Bring Your Pet To Work Day และจำกัดพื้นที่เฉพาะ พร้อมกับเก็บแบบสำรวจเพื่อนำไปปรับนโยบาย

บทความใหม่ในวารสาร Journal of Management ที่ร่วมเขียนกับ คาริสา ลัม (Carisa Lam) จาก University College London และไค ชียาม (Kai Chi Yam) จาก National University of Singapore ระบุว่า การมีสัตว์เลี้ยงในออฟฟิศ อาจเป็นแต้มต่อในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์กร

ตัวอย่างบริษัทที่มีนโยบาย Pet-friendly 

1. Major Development ปรับพื้นที่ในสำนักงานใหญ่บริเวณเมเจอร์ ทาวเวอร์ ทองหล่อ และอนุญาตให้พนักงานสามารถนำน้องหมาน้องแมวมาทำงานในออฟฟิศได้ ภายหลังการนำนโยบายดังกล่าวมาใช้ ปรากฏว่า พนักงานมีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น

2. Google บริษัทไอทีระดับโลกมีสุนัขตัวแรกในออฟฟิศตั้งแต่ปี 1999 โดยมีนโยบายชัดเจนว่า หากสุนัขเห่าหรือกัดข้าวของต้องกลับบ้านทันที

3. Amazon ข้อมูลจากปี 2019 ระบุว่า สำนักงานสาขาซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา มีสุนัขในระบบมากกว่า 7,000 ตัว ขณะเดียวกันบริษัทอี-คอมเมิร์ซแห่งนี้ยังมีการจัดเตรียมถุงสำหรับใส่อุจจาระฟรี และมีสวนให้สุนัขได้วิ่งเล่นในออฟฟิศอีกด้วย

4. Purina บริษัทลูกของ Nestle ที่ผลิตอาหาร ขนม และทรายแมว มีนโยบายให้เงินสนับสนุนการรับเลี้ยงสัตว์ใหม่ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,473 บาท) มีสนามให้สัตว์วิ่งในออฟฟิศ และมีวันหยุดหากสัตว์เลี้ยงตาย

5. Tripadvisor บริษัทด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ สำนักงานใหญ่ในแมสซาชูเซตส์ อนุญาตให้นำสุนัขมาที่ทำงานได้ มีเงินสนับสนุนสำหรับสัตว์เลี้ยง และขนมในออฟฟิศ

และ 6.Humane Society of the United States ที่สำนักงานใหญ่ในวอชิงตัน ดี.ซี. มีสวัสดิการสนามเล่นให้สุนัข บริการเลี้ยงสุนัข ฝึกสุนัขในออฟฟิศ ประกันสุขภาพสัตว์ราคาถูก และส่วนลดบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง

ที่มา

https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/230720-pet-policy/

https://www.petmd.com/dog/general-health/bringing-your-dog-to-work-benefits-of-pet-friendly-office

https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/230720-pet-policy/

https://www.momenttopaws.co.uk/ten-reasons-why-you-should-allow-dogs-in-your-office/

https://total.vet/dog-friendly-companies/

Tags: , , , , ,