เมื่อพูดถึง ‘ผัดไทย’ น้อยคนนักที่จะไม่นึกถึงชื่อ ‘ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี’ ตำนานความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่นที่หยั่งรากลึกในย่านสำราญราษฎร์ยาวนานถึง 86 ปี รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของผัดไทยเส้นจันท์สูตรลับ ผสานมันกุ้ง กุ้งสด ห่อไข่ ที่เริ่มต้นจากการพายเรือขายเลียบคลองภาษีเจริญ สู่ร้านอาหารยอดนิยมที่คนไทยคุ้นเคยและเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ปรารถนาจะลิ้มลองรสชาติต้นตำรับ

เบื้องหลังความสำเร็จที่สั่งสมมาเกือบศตวรรษนี้ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การรักษามาตรฐานความอร่อย แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะต่อยอดและขยายแบรนด์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน สู่การก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารพร้อมกิน เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างยิ่งขึ้น 

นี่คือเรื่องราวการเดินทางครั้งสำคัญของทายาทรุ่นที่ 3 หนุ่ย-ดร.ศีขรเชษฐ์ ใบสมุทร ประธานกรรมการบริหาร และ รศ.พญ.ธัญนันท์ ใบสมุทร รองประธานกรรมการ บริษัทในเครือทิพย์สมัย กรุ๊ป และบริษัท สยาม รอยัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่จะมาเล่าวิสัยทัศน์และแนวทางการบริหารธุรกิจที่น่าสนใจ

“เดือนกันยายนปีนี้ ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผีจะครบรอบ 86 ปีเต็ม ถือเป็นร้านผัดไทยเพียงไม่กี่เจ้าที่ดำเนินกิจการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จุดเริ่มต้นมาจากคุณยายของคุณหนุ่ย ซึ่งในสมัยนั้นมีนโยบายชาตินิยมจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่สนับสนุนให้คนไทยหันมาบริโภคของที่ผลิตเองภายในประเทศ ผัดไทยจึงกลายเป็นเมนูทางเลือกในช่วงที่ข้าวแพง เพราะใช้เส้นจากข้าวหักซึ่งราคาถูกกว่า เป็นช่วงที่คนเริ่มรู้จักเมนูนี้มากขึ้น

“ภายหลังคุณแม่ของคุณหนุ่ย ซึ่งก็คือคุณสมัย ได้รับการถ่ายทอดสูตรจากคุณยาย และเริ่มต้นเปิดร้านที่ถนนสำราญราษฎร์ ชาวบ้านในย่านนั้นเรียกกันติดปากว่า ผัดไทยประตูผี เพราะร้านอยู่ใกล้กับประตูเมืองเก่า ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางที่ใช้สำหรับนำศพออกนอกเมือง 

“ส่วนชื่อทิพย์สมัยมาทีหลัง โดยคุณพ่อของคุณหนุ่ยเป็นคนตั้งขึ้น เพื่อสะท้อนความพิเศษของสูตรอาหารประจำบ้านที่คุณแม่ทำ และรวมชื่อกับชื่อเดิมกลายเป็น ‘ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี’ อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน” รศ.พญ.ธัญนันท์กล่าว

การส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น มาจนถึงรุ่นที่ 3 สิ่งที่รักษาไว้ และพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัย

 

รศ.พญ.ธัญนันท์เล่าว่า “ถ้าย้อนกลับไปตอนเริ่มต้น สมัยคุณยายกับคุณแม่ทำธุรกิจขึ้นมาเพื่อเลี้ยงปากท้อง ไม่ใช่แค่ของตัวเอง แต่รวมถึงคนในบ้านด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทิพย์สมัยในฐานะร้านอาหารเล็กๆ ที่ทำด้วยความตั้งใจ

“แต่เมื่อส่งต่อมาถึงรุ่นเรา ภารกิจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราไม่ได้ทำเพื่อเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลพนักงาน และที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกว่า เรามีหน้าที่บางอย่างในฐานะคนไทย เราทำอาหารไทย โดยเฉพาะผัดไทยซึ่งเป็นอาหารประจำชาติ เราเลยรู้สึกว่าต้องรักษารสชาติแท้ๆ ของผัดไทยเอาไว้ให้ได้ ไม่ให้สูญหายหรือกลายพันธุ์จนไม่เหลือเค้าเดิม”

ด้าน ดร.ศีขรเชษฐ์เสริมว่า “คุณแม่มักสอนว่าถ้าอยากเป็นเจ้าของร้าน ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง ตั้งแต่หน้าร้านยันหลังร้าน เพราะเมื่อเราลงไปคลุกคลีเอง เราจะเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง ทั้งในมุมของลูกค้าและพนักงาน แล้วเราจะรู้ว่าสิ่งไหนที่ต้องเก็บไว้ สิ่งไหนที่ควรปรับปรุง ผมเองเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ตลอด ตอนที่ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันทีก็จดไว้ พอถึงวันที่ธุรกิจมาถึงมือเรา เราก็นำสิ่งเหล่านั้นมาปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจต้องเดินไปข้างหน้าเสมอ ถึงแม้จะขายดีแค่ไหน แต่ถ้าเราอยู่นิ่งเมื่อไร วันนั้นแหละที่เราจะเริ่มถอยหลัง

“ยิ่งขายดี เรายิ่งต้องเดินให้เร็วขึ้น ต้องพัฒนามากขึ้น ต้องมีระบบ มีแผนงาน มีคุณภาพ ทุกอย่างต้องยิ่งเข้มข้นขึ้น เพราะโลกไม่เคยหยุดนิ่งและเราก็ไม่ควรหยุดเหมือนกัน”

คิวแน่น แต่ไม่วุ่นวาย เพราะใส่ใจในระบบและการบริการ

รศ.พญ.ธัญนันท์เล่าว่า “เมื่อคุณหนุ่ยเข้ามารับช่วงต่อ สิ่งแรกที่เขาทำคือ ปรับใหม่ทั้งหมด ทั้งในเรื่องคุณภาพอาหาร รสชาติ และการบริการ หนึ่งในหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงคือ การปลูกฝังวัฒนธรรมไทยเข้าไปในองค์กร เช่น ความอ่อนน้อมถ่อมตน การไหว้ การกล่าวสวัสดีอย่างจริงใจ ซึ่งจะเห็นได้จากพนักงานของเรา พวกเขาไม่ได้ไหว้แบบทำตามหน้าที่ แต่ทำด้วยสายตาและท่าทีที่จริงใจ รวมถึงการจัดระเบียบคิวที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่า ได้รับความเป็นธรรมและไม่ถูกกดดันระหว่างรอ”

อีกเรื่องที่ถูกจัดการอย่างจริงจังคือ ระบบคิว ดร.ศีขรเชษฐ์เล่าว่า “เมื่อก่อนเวลาที่ลูกค้าโมโหหิวกันมากๆ ก็จะเกิดความใจร้อน อยากได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทันทีสูงมาก เราแก้ปัญหานี้ด้วยการสร้างวัฒนธรรมและกฎระเบียบที่ชัดเจนในสังคมของร้าน อย่างการจัดระเบียบให้ลูกค้าเข้าแถวอย่างเรียบร้อย แม้ช่วงแรกจะต้องใช้เวลาอธิบายกับลูกค้ารุ่นเก่าที่ไม่เคยชินกับการเข้าแถว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าก็เริ่มเข้าใจ และหลายร้านก็เริ่มนำแนวคิดนี้ไปใช้”

วิวัฒนาการผัดไทย ‘ทิพย์สมัย’

ตลอดระยะเวลา 86 ปีที่ผ่านมา ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี มีการพัฒนาสูตรและเมนูผัดไทยให้เข้ากับยุคสมัยและความชอบที่หลากหลายของผู้บริโภค แต่สิ่งหนึ่งที่ทางร้านยึดมั่นมาโดยตลอดคือ การไม่ลืมตัวตน และความเป็น ‘ผัดไทยแท้’ ซึ่งตามตำรับดั้งเดิมนั้น ผัดไทยจะต้องมีรสหวานนำ

“ผัดไทยรุ่นแรก ในสมัยคุณยายจะเน้นความเรียบง่าย เป็นก๋วยเตี๋ยวผัดที่ใส่กุ้งแห้งตามแบบฉบับพื้นบ้าน ต่อมาในยุคคุณแม่ (รุ่นที่ 2) มีการพัฒนาสูตรที่เป็นซิกเนเจอร์ของทิพย์สมัยในปัจจุบันคือ ผัดไทยเส้นจันท์มันกุ้งกุ้งสด ซึ่งมีทั้งแบบห่อไข่และไม่ห่อไข่”

รศ.พญ.ธัญนันท์เล่าเรื่องราววิวัฒนาการของผัดไทยทิพย์สมัย พร้อมบอกว่า ร้านเป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มใช้เส้นจันท์ ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวนุ่ม รวมถึงการนำมันกุ้งมาเป็นส่วนผสมหลัก ความโดดเด่นของผัดไทยทิพย์สมัยคือการมีรสชาติหวานนำ ซึ่งเป็นจากความหอมของเครื่องเทศและน้ำตาลโตนด 

การปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความหลากหลาย

รศ.พญ.ธัญนันท์อธิบายว่า แม้ว่าผัดไทยมันกุ้งจะเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก แต่ทางร้านก็ตระหนักดีว่า ความชอบของผู้คนแตกต่างกันไปตามยุคสมัยและวัฒนธรรม ดังนั้นแทนที่จะเปลี่ยนเมนูซิกเนเจอร์ ทางร้านจึงเลือกที่จะเพิ่มความหลากหลายของเมนูผัดไทย เพื่อตอบโจทย์ทุกเพศ ทุกวัย

ทางร้านนำผัดไทยสูตรสยามรอยัลกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นผัดไทยที่พัฒนามาจากสูตรมะขามเปียกในสมัยคุณยาย โดยมี ดร.ศีขรเชษฐ์ ผู้ที่จดจำรสชาติฝีมือคุณยายได้เป็นอย่างดี มาช่วยรังสรรค์ให้ได้รสชาติที่เหมาะสม มีรสเปรี้ยว ตามด้วยเค็มและหวาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติที่แตกต่างออกไป

นอกจากนี้ รศ.พญ.ธัญนันท์ยังระบุว่า ร้านมีผัดไทยทรงเครื่อง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหลากหลายของเนื้อสัมผัสและรสชาติคล้ายยำ โดยมีการเพิ่มส่วนผสมอย่างมะม่วง ปู และปลาหมึกแห้งเข้ามา เพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานที่แตกต่าง

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทิ้งรากเหง้าของความเป็นผัดไทยแท้ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี ยังคงยืนหยัดและเป็นที่รักของผู้คนมาอย่างยาวนาน

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ทิพย์สมัยเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารเต็มตัว

เมื่อแบรนด์อยู่มานาน หากจะทำให้เติบโตขึ้น การใช้จำนวนปีของธุรกิจอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ทิพย์สมัยจึงใช้วิธีการพัฒนาสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ เพื่อเปิดตลาดใหม่และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่

 รศ.พญ.ธัญนันท์เล่าว่า “เราเริ่มต้นจากการตั้งใจตอบโจทย์ลูกค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศที่คิดถึงผัดไทยทิพย์สมัย แต่ไม่สามารถเดินทางมาได้ อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องความสม่ำเสมอของรสชาติ บางคนอาจรู้สึกว่าแต่ละจานไม่เหมือนกัน จึงเกิดเป็นแนวคิดที่จะควบคุมคุณภาพให้ทุกจานอร่อยเท่ากัน ไม่ว่าจะใครเป็นคนผัด

“ซอสและเส้นคือหัวใจของทิพย์สมัย เส้นจันท์ที่ใช้เป็นสูตรเฉพาะที่สืบทอดมาตั้งแต่ต้น ส่วนซอสผัดไทยนั้น คุณหนุ่ยใช้เวลาถึง 12 ปีในการพัฒนาจนได้รสชาติที่เหมือนกับที่ร้านเป๊ะๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้สูตรที่ลงตัวจริงๆ เมื่อพร้อมแล้วทีมงานก็ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานของตัวเอง เพื่อควบคุมมาตรฐานให้ได้ตามที่ตั้งใจ แม้ว่าตอนนั้นร้านจะมีแค่ 2-3 สาขาก็ตาม

“แต่ซอสดีอย่างเดียวยังไม่พอ เทคนิคการผัดก็สำคัญไม่แพ้กัน ตั้งแต่แรงไฟ การสาวเส้น ไปจนถึงการคน ทุกอย่างส่งผลต่อรสสัมผัสโดยรวม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทิพย์สมัยไม่เร่งขยายสาขามากนัก เพราะยังอยากรักษาคุณภาพให้ออกมาดีที่สุดในทุกจาน” รศ.พญ.ธัญนันท์กล่าว

ด้านทายาทรุ่นที่ 3 เอ่ยถึงการพัฒนาสูตรซอสผัดไทย ที่ต้องทำให้มีรสชาติเดียวกันเสมอ ไม่ว่าจะวัตถุดิบจะมาจากแหล่งใดก็ตาม

“การคงรสชาติให้เหมือนกันทุกจาน ต้องไม่พึ่งแค่สูตร แต่ต้องมีระบบ” เขากล่าว ก่อนจะอธิบายถึงการใช้เวลากว่า 12 ปีในการพัฒนาซอสผัดไทยสูตรมาตรฐาน ที่รสชาติเหมือนในร้านเป๊ะ และยังคงพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

“การพัฒนาซอสไม่ใช่เพียงแค่การชิมแล้วปรุงตามใจ แต่ทิพย์สมัยลงทุนสร้างโรงงานผลิตซอส และห้องแล็บเพื่อควบคุมคุณภาพวัตถุดิบทุกขั้นตอน ทั้งการวัดค่าความหวาน ความเปรี้ยว การปนเปื้อน ไปจนถึงการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน Food Science และ Bio Lab มาร่วมงาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ซอสทุกหยดจะได้มาตรฐานเดียวกัน และปลอดภัยตามเกณฑ์สากล”

เจาะลึกทุกวัตถุดิบ จากต้นน้ำถึงจานคุณ

สำหรับทิพย์สมัยแล้ว การเข้าสู่ธุรกิจอาหารอุตสาหกรรมไม่ได้หมายถึงการลดทอนคุณภาพเพื่อเร่งกำลังการผลิต แต่กลับเป็นการวางระบบเพื่อยกระดับมาตรฐานให้สูงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใส่ใจในคุณภาพวัตถุดิบ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้บริหารทั้งสองยึดมั่นมาโดยตลอด

 ดร.ศีขรเชษฐ์เล่าถึงความละเอียดในการทำความเข้าใจวัตถุดิบแบบเจาะลึก ตั้งแต่การย้อนกลับไปถึงต้นน้ำของถั่วงอก เส้น เต้าหู้ หรือแม้กระทั่งฟืนที่ใช้ผัดอาหาร “เราใช้ถั่วงอก ก็ต้องรู้ว่าทำจากถั่วเขียวกี่สายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ให้สัมผัสอย่างไร เต้าหู้ก็ต้องรู้ว่าทำจากถั่วเหลืองแบบไหน แม้กระทั่งถ่านที่ใช้ผัดในยุคแรกเริ่ม เราก็ศึกษาอย่างจริงจัง เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน”

ด้วยแนวคิดเช่นนี้ ทิพย์สมัยจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตอาหารแช่แข็งหรือผัดไทยพร้อมกิน แต่เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจใน คุณค่าของทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงมือผู้บริโภค

“ประเทศไทยในฐานะครัวของโลก จะยืนอยู่ตรงนั้นได้ ต้องเริ่มจากการรู้ลึก เข้าใจจริง และไม่ลดทอนความพิถีพิถันลง” ดร.ศีขรเชษฐ์กล่าว

Authentic Thai Taste จากครัวไทย สู่ครัวโลก

หลังจากควบคุมรสชาติได้อย่างมั่นใจ ก้าวต่อไปของทิพย์สมัยคือ การหาวิธีนำผัดไทยแท้ๆ ไปสู่ลูกค้าทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนมาที่ร้านโดยตรง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอาหารอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

– ซอสผัดไทยพร้อมปรุง สูตรที่ใช้งานง่ายสำหรับคนที่อยากทำเองที่บ้าน

– Ready-to-Cook Set ชุดผัดไทยพร้อมปรุง ใช้เวลาแค่ 6 นาที มีให้เลือกถึง 7 รสชาติ เช่น ผัดหมี่โคราช หรือผัดหมี่ปากพนัง

– Ready-to-Eat Noodle ในรูปแบบบะหมี่ถ้วย ที่เพียงเติมน้ำแล้วเข้าไมโครเวฟ 5 นาที สะดวกสุดๆ และกำลังเป็นไวรัลใน TikTok

– ผัดไทยแช่แข็ง (Frozen) เปิดตัวในปีนี้ที่ Thaifex ใช้เทคโนโลยีแช่แข็งขั้นสูงที่คงเทกซ์เจอร์และสารอาหารไว้ได้ดี ตอนนี้มี 6 รสชาติ และนำเสิร์ฟบนการบินไทย

การเติบโตของทิพย์สมัยไม่ได้หยุดอยู่แค่ผัดไทยเท่านั้น ปัจจุบันขยายวิสัยทัศน์สู่ Authentic Thai Taste นำรสชาติไทยแท้ไปสู่ครัวโลก ด้วยอาหารไทยแช่แข็งรวม 27 เมนู ไม่ว่าจะเป็นผัดขี้เมาทะเล ข้าวผัดกะเพรา ยำวุ้นเส้น สุกี้ทะเล รวมถึงอาหารว่างอย่างเปาะเปี๊ยะไส้ต่างๆ และขนมหวานแบบใหม่ เช่น เปาะเปี๊ยะข้าวเหนียวมะม่วง เปาะเปี๊ยะข้าวเหนียวทุเรียน และเปาะเปี๊ยะสังขยา

ทั้งหมดนี้คือฟูลคอร์สของอาหารไทยในรูปแบบแช่แข็ง ตั้งแต่เมนูหลักจนถึงของหวาน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของทีมงาน โดยเฉพาะผัดไทยแช่แข็งที่พัฒนาได้ยากที่สุด แต่ด้วยความตั้งใจและทีม R&D ก็สามารถทำเส้นที่เหนียวนุ่มและรสชาติกลมกล่อมตามที่ตั้งใจไว้ได้จริงๆ

Street to Sky

หนึ่งในความภาคภูมิใจคือ ผัดไทยแช่แข็งที่ถูกคัดเลือกโดยการบินไทย นำไปเสิร์ฟบนเครื่องบินและได้รับเสียงตอบรับดีมาก ทั้งจากลูกเรือและผู้โดยสาร จนมีแผนขยับไปสู่ Business และ First Class ซึ่งมีความต้องการสูงในเรื่องความเหมือนของสด ทั้งรสชาติ หน้าตา และการจัดจาน

ดร.ศีขรเชษฐ์เล่าว่า ตอนนี้ทีม R&D กำลังพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ชื่อว่า Street to Sky ซึ่งเป็นการนำผัดไทยสดจากร้านต้นทาง ส่งตรงขึ้นสู่ห้องโดยสารของสายการบินแบบไม่ผ่านกระบวนการแช่แข็งหรือปรุงซ้ำอีกครั้ง เป้าหมายคือ ‘ทำเสร็จที่โรงงาน เสิร์ฟขึ้นฟ้าได้ทันที’ และตั้งเป้าเปิดตัวภายในเดือนกันยายนนี้

ผัดไทยไม่ใช่แค่อาหารจานเดียว แต่คือรากวัฒนธรรมของชาติ

ในยุคที่เทรนด์อาหารเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คนรุ่นใหม่หันไปกินอาหารสุขภาพ หรืออาหารสไตล์ตะวันตกที่หวานน้อย เค็มน้อย ผัดไทยในฐานะอาหารไทยรสจัดจึงอาจถูกมองว่าไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

ดร.ศีขรเชษฐ์มองว่า สิ่งที่เปลี่ยนไม่ใช่แค่คน แต่คือโลกทั้งใบ “แม้แต่จะสั่งชาดำเย็นสักแก้ว ยังต้องบอกอาแปะว่า หวาน 30% ซึ่งบางทีเขาไม่เข้าใจ” ความหวาน ความเค็ม หรือรสชาติต่างๆ ล้วนแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ผัดไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

“เรารู้ว่าผัดไทยของเราหวาน แต่เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนสูตรดั้งเดิมไปทั้งหมดได้ เพราะเรายังมีคนเก่าที่คุ้นเคยกับรสนั้นอยู่ ถ้าเราจะทำเมนูใหม่ที่หวานน้อยหรือคลีน เราก็ทำเป็นเมนูใหม่ ไม่ใช่เปลี่ยนตัวตนของเมนูเดิม เพราะการเปลี่ยนเพื่อให้ทันกระแส อาจกลายเป็นการลบอดีตของเราเองโดยไม่รู้ตัว”

รศ.พญ.ธัญนันท์เสริมว่า “จริงๆ แล้ว ผัดไทยคืออาหารที่ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นอาหารไทยที่ราคาจับต้องได้ และไม่ควรถูกลดค่าจนกลายเป็นแค่อาหารริมทางที่คนไทยมองข้าม อยากให้คนไทยนึกถึงผัดไทยในฐานะอาหารประจำชาติ ไม่ใช่แค่เมนูหนึ่งในฟู้ดคอร์ต ถ้าเราไม่กิน แล้วใครจะกิน ถ้าเราไม่พูดถึง แล้วใครจะรักษาไว้”

สำหรับทิพย์สมัยแล้ว ผัดไทยไม่ได้เป็นแค่เมนูขายดี แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่า ตั้งแต่รากเหง้าทางประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผัดไทยถือกำเนิดขึ้นเพื่อช่วยชาติยามขาดแคลนอาหาร เป็นการรวมวัตถุดิบจากทั่วทุกภาคของไทย สะท้อนภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์อาหารให้มีทั้งคุณค่าและความอิ่มอร่อย

ในวันที่โลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ผัดไทยอาจไม่ได้ปรับตัวเพื่อตามเทรนด์ แต่เลือกที่จะยืนหยัดในรากของตัวเอง พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้คนรุ่นใหม่ได้ลองลิ้ม และค่อยๆ เรียนรู้ว่าอาหารไทยไม่ใช่แค่ของอร่อย แต่อุดมด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และหัวใจของความเป็นไทย

ทิพย์สมัยและก้าวต่อไปในอนาคต

แม้จะเป็นร้านอาหารที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 86 ปี แต่สายตาของทีมบริหารรุ่นใหม่ของทิพย์สมัยกลับมองไกลไปกว่านั้น ดร.ศีขรเชษฐ์เผยว่า ในอนาคตทิพย์สมัยมีแผนจะขยายผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยมีการพูดคุยกับหลายประเทศแล้วในขณะนี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘คนไทยเข้าใจคุณค่าของผัดไทยมากแค่ไหน’ เขาให้ความสำคัญกับการปลูกฝังรากวัฒนธรรมของอาหารไทยในบ้านเกิดก่อน หากคนไทยรู้จัก เห็นคุณค่า และเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลังจานอาหารแต่ละจานอย่างถ่องแท้แล้ว การนำสินค้าไทยไปสู่ระดับโลกก็จะมีความหมายยิ่งขึ้น

ในอนาคตทีม R&D ยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายรายการ และแยกไลน์แบรนด์ออกอย่างชัดเจน โดยทิพย์สมัยจะยังคงโฟกัสที่เมนูผัดไทยในระดับพรีเมียม ขณะที่จะเปิดตัวแบรนด์ลูกภายใต้แนวคิด ‘แบรนด์ไทย’ ซึ่งจะเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารไทยอื่นๆ ที่ครอบคลุมเมนูหลากหลายมากขึ้น พร้อมราคาที่เข้าถึงง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของแบรนด์เก่าแก่ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความสำเร็จในอดีต แต่ยังมุ่งมั่นพัฒนา ปรับตัว และสร้างสรรค์ เพื่อให้ผัดไทยและอาหารไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากลอย่างแท้จริง

Tags: , , , , , , , ,