ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตรจากใจกลางมหานครแห่งแฟชั่น หลังจับรถไฟ RER สาย B มาจากศูนย์กลางเมืองเก่าริมแม่น้ำแซนลงมาทางใต้ได้สักพัก เราก็ถึงสถานี La Croix de Berny
ระหว่างนั่งบนรถไฟ สังเกตเห็นทิวทัศน์ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากตึกสีทึมเทาหน้าตาเหมือนๆ กันในเมือง ตอนนี้ภาพตรงหน้าเป็นบ้านหลังย่อมๆ คุมโทนสี เรียงตัวเป็นทิวอย่างเป็นระเบียบ แซมด้วยยอดไม้จรดกับท้องฟ้าโดยไร้ตึกสูง บรรยากาศรอบข้างสงบเงียบอย่างแตกต่าง
ชานกรุงปารีสแถบนี้รู้จักกันในชื่อ ‘อองโตนี’ (Antony)
ฝรั่งเศสในเดือนเมษายน อากาศกำลังสบาย ไม่หนาวจนเกินกำลังคนเมืองร้อนจะทนไหว ดอกไม้ในสวนสาธารณะจนถึงตลอดริมท้องถนนแย่งกันบานสะพรั่งรับแสง
ในระยะเดินถึงแบบไม่ทันเหนื่อย เรื่อยไปตามฟุตบาทริมถนนเรย์มงด์อารง (Raymond Aron) ซึ่งแต่เดิมเคยเรียกกันในชื่อ อาริสติดบริอ็องด์ (Aristide Briand) ที่ตั้งตามชื่อของรัฐบุรุษและนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสหลายสมัย ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 1926 ครู่เดียวเราก็มาถึงจุดหมาย
บ้านหลังสีขาวขนาด 2 ชั้นสไตล์สแปนิช มีทางลาดลงสู่โรงจอดรถชั้นใต้ดิน รอบบ้านแวดล้อมด้วยแมกไม้นานาพรรณ และเช่นกันกับตลอดทางที่ผ่านมา ดอกไม้หลากสีในรั้วบ้านยังคงชูช่อ แม้ไม่มีคนอยู่แล้วนับปี
ฤดูใบไม้ผลิ ในปี 1970 ปรีดี พนมยงค์ หรือหลวงประดิษฐ์มนูธรรม รัฐบุรุษอาวุโส หนึ่งในผู้ก่อการอภิวัฒน์สยาม ผู้ประสาทการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้นำขบวนการเสรีไทย อดีตนายกฯ และอดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เดินทางจากประเทศจีนสู่ประเทศฝรั่งเศส หลังไปอยู่แดนมังกรกว่า 21 ปี
ด้วยความเป็นประเทศประชาธิปไตย การอยู่ฝรั่งเศสย่อมสามารถทําอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายกว่าประเทศจีนที่ยังเป็นประเทศปิด ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและลูกศิษย์ลูกหาไปมาหาสู่ได้ง่าย และที่นี่ยังเปรียบเหมือนเป็น ‘บ้านหลังที่สอง’ ของอดีตนักเรียนด้านกฎหมายอย่างอาจารย์ปรีดีที่มาอยู่หลายปี
ดังที่ ดุษฎี พนมยงค์ ลูกสาวของอาจารย์ปรีดีเคยเขียนไว้ “สองรักของคุณพ่อคือ แผ่นดินเกิดของท่านและปารีส”
ระยะแรกที่ย้ายมา ครอบครัวพนมยงค์พักอยู่ที่ห้องเช่าในเขต 14 ของปารีส ด้วยเหตุผลด้านเงินทองที่แน่นอนว่า การจะซื้อบ้านเดี่ยวสักหลังในยุโรปนั้นแสนแพง แต่กระนั้นค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี และสมาชิกของบ้านที่มีหลายคน ก็ทำให้ต้องตัดสินใจโยกย้าย
ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ คู่ชีวิตของอาจารย์ปรีดี นำมรดกรวมกับเงินที่ได้จากการขายที่ดินที่เมืองไทย ทั้งสมบัติส่วนตัวและสามี มาซื้อบ้านมือสองหลังหนึ่งในแถบชานเมืองปารีส
“ถึงกระนั้นท่าน (ท่านผู้หญิงพูนศุข) ก็บอกว่า แทบจะไม่พอในการจ่ายซื้อนิวาสสถานแห่งใหม่นี้” จินดา ศิริมานนท์ เขียนไว้ในหนังสือ ความทรงจำจากบ้านชานกรุงปารีส ปัจฉิมชีวิตของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์
ว่ากันว่า ปาล พนมยงค์ ลูกชายของอาจารย์ปรีดี เป็นผู้บังเอิญเจอประกาศขายบ้านระหว่างมาวิ่งจ็อกกิงที่สวนสาธารณะใกล้ๆ
บ้านหลังใหม่ของครอบครัวพนมยงค์มีเนื้อที่ราว 100 ตารางวา แบ่งเป็นพื้นที่ของตัวบ้านกับสนามหญ้าอย่างละครึ่ง ข้างซ้ายของบ้านเป็นพื้นที่โล่ง ส่วนด้านขวาเป็นอะพาร์ตเมนต์ และแม้ขึ้นชื่อว่าอยู่ในชานเมือง ทว่าการเดินทางในย่านนี้นับว่าสะดวกสบาย เพราะไม่เพียงแต่ติดถนนใหญ่มีรถประจำทางผ่าน ยังใกล้กับสถานีรถไฟและอยู่ไม่ไกลกับสนามบินออร์ลี สนามบินอีกแห่งของประเทศ ทำให้ผู้ที่ตั้งใจมาเยือนบ้านหลังนี้สามารถทำได้โดยไม่ลำบากนัก ไม่ว่าจะมาจากในหรือนอกประเทศ
สถานที่สำคัญหรือบ้านของบุคคลในประวัติศาสตร์ มักมีป้ายบ่งบอกความสำคัญและเรื่องราวของสถานที่นั้นๆ เป็นอนุสรณ์
แต่ด้านหน้าของบ้านหลังนี้มีเพียงเลขที่ 25 ติดไว้ที่ผนัง ไร้สัญลักษณ์ใดบ่งบอกว่าที่นี่คือเสี้ยวหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ ในอีกประเทศที่ไกลออกไปซีกโลก
ผู้เขียนเดินขึ้นไปตามบันได ย่ำตามรอยเท้าของแขกมากหน้าหลายตาและสถานะ เป็นต้นว่า ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, สุลักษณ์ ศิวลักษณ์ นักคิด-นักเขียน, ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฯลฯ
เจ้านายเชื้อพระวงศ์ เช่น หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล พระธิดาในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพร, พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ุยุคล ฯลฯ
ไปจนถึงพระสงฆ์รูปต่างๆ จากเมืองไทยอย่าง ท่านปัญญา นันทภิกขุ, สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ฯลฯ
หลายท่านแวะมานอนค้างระยะสั้น และยังมีญาติพี่น้องลูกหลานของเจ้าของบ้านแวะมาระยะยาว ทำให้บางครั้งบ้านหลังนี้มีสมาชิกอาศัยกว่า 25 คน
บ้านพักของอดีตนายกฯ ของไทยหลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่ เมื่อผลักประตูเข้าไปในบ้านจะพบกับโถงทางเดินที่มีประตูเชื่อมต่อไปสู่ห้องน้ำและห้องครัว ตรงข้ามกับบันไดขึ้นไปชั้นสองและลงไปชั้นใต้ดิน
ห้องสำคัญของบ้านคือ ห้องทางซ้ายมือ เคยใช้เป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับทั้งรับแขกและรับประทานอาหาร วันนี้มีเพียงโต๊ะกลางและเก้าอี้ พร้อมภาพถ่ายเก่าที่ปรินต์ติดไว้รอบห้องเพื่อเตรียมโปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ในอดีตห้องนี้เป็นหนึ่งในห้องที่คึกคักในบ้าน ด้วยเป็นทั้งที่พักผ่อนอิริยาบถแต่ละวันของสมาชิกในบ้าน และยังใช้ต้อนรับแขกเหรื่อที่แวะมาพบปะคารวะเจ้าของบ้านอยู่เนืองๆ ถือเป็นห้องหลักในบ้านหลังกะทัดรัดที่มีผู้แวะเวียนมาไม่ขาด
ขณะเดียวกันยังเปลี่ยนหน้าที่เป็นห้องนอนได้ หากห้องพักในบ้านไม่พอรองรับผู้มาเยือน อย่างเช่น อาจารย์ป๋วยก็เคยมาพักอยู่ที่บ้านอองโตนีหลายคืนและนอนในห้องรับแขกนี้
“เพียงแค่กางเตียงผ้าใบเล็กๆ เตียงเดียว ห้องนี้ก็แปรสภาพเป็นห้องนอนของอาจารย์ป๋วยแล้ว” บางส่วนของคำบอกเล่าของดุษฎี
อาจารย์ปรีดีใช้ชีวิตในต่างแดนอย่างเรียบง่าย อาศัยเงินบำนาญที่ได้ในแต่ละเดือนประมาณ 5,000-6,000 บาท (ซึ่งแทบจะไม่พอ) หากไม่พอจะเป็นหน้าที่ของท่านผู้หญิงที่เทียวไปมาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ขายทรัพย์สินที่ยังพอเหลือมาจุนเจือครอบครัวอีกทาง
ห้องโล่งอีกฝั่งของบ้านในวันนี้ เคยใช้เป็นห้องทำงานของเจ้าของบ้าน
นับแต่ที่พลัดถิ่นเกิดมา แม้อยู่ในวัยขึ้นเลข 7 แล้ว แต่อาจารย์ปรีดียังอ่านเขียนหนังสือเหมือนที่ทำมากว่าค่อนชีวิต ในบันทึกของลูกหลานและแขกที่มาหา พูดตรงกันว่า รัฐบุรุษอาวุโสของไทยจะมานั่งทำงานทุกเช้า บนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยหนังสือตั้งใหญ่ พร้อมเครื่องพิมพ์ดีด โดยมีฉากหลังเป็นชั้นหนังสือสูงถึงผนัง
ไม่เพียงแต่ทำงานในบ้านเท่านั้น ระหว่างอาศัยในฝรั่งเศสอาจารย์ปรีดียังออกไปทำงานข้างนอกบ้านด้วยเป็นครั้งคราว ตามแต่หน่วยงานหรือองค์กรในฝรั่งเศสจะเชิญไปเสวนาหรือปาฐกถา
หากว่างก็ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว ที่สวนหลังบ้านซึ่งพอจะตั้งโต๊ะปิกนิกวงเล็กๆ จิบไวน์ พูดคุยสารพันเรื่องราวกับผู้มาเยือน
อาจารย์ปรีดีย้ายมาอยู่ประเทศฝรั่งเศสประมาณ 10 กว่าปี กระทั่งเมื่อเวลา 11.50 น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม 1983 ก่อนฉลองวันเกิดครบรอบ 83 ปีเพียงไม่กี่วัน ชายผู้ริเริ่มผลักดันการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยสิ้นลมหายใจที่โต๊ะทำงานในห้องนี้
หลังจากการถึงอาสัญกรรมของอาจารย์ปรีดี บ้านหลังนี้เปลี่ยนมือไปอยู่ในการครอบครองของครอบครัวชาวเวียดนาม
ประมาณกลางปี 2022 เจ้าของเดิมพร้อมขายบ้านหลังนี้ แต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฝรั่งเศสไม่ใช่เรื่องง่าย มีขั้นตอนต่างๆ อีกมากที่ต้องจัดการ ซ้ำร้ายเมื่อถึงวันที่ต้องทำสัญญา เจ้าของบ้านชาวเวียดนามที่อยู่ในวัยชรากลับมีปัญหาสุขภาพ ทำให้ทางการไม่อนุญาตให้ทำสัญญา
ขณะเดียวกันก็ต้องแข่งกับเวลา เพราะเจ้าของที่ว่างข้างบ้านก็พร้อมซื้อบ้านหลังนี้ เพื่อขยายพื้นที่ของตัวเองให้ใหญ่ขึ้น
เจ้าของเดิมเสียชีวิตในเวลาต่อมา กรรมสิทธิ์จึงตกไปอยู่ในการครอบครองของน้องชาย ก่อนที่ธุรกรรมต่างๆ ในการเปลี่ยนเจ้าของจะแล้วเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ 2024
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และภรรยา ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 1.6 ล้านยูโร (ประมาณ 63 ล้านบาท) ตั้งใจให้บ้านทำหน้าที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ชาติไทยในต่างแดน เหมือนกับบ้านของคนสำคัญหลายหลัง ที่เปิดให้ผู้คนที่รักและศรัทธาได้เข้าชม เรียนรู้ และซึมซับบรรยากาศ
น่าเสียดายว่า แผนการปรับปรุงซ่อมบ้านหลังนี้ช้าไปกว่าที่เจ้าของใหม่ตั้งใจไว้ อันที่จริงในเวลาที่เรามาถึง บ้านหลังนี้ควรพร้อมเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนแล้ว
ธนาธรกล่าวในตอนที่เปิดบ้านหลังนี้อย่างเป็นทางการเมื่อปีก่อน ถึงความตั้งใจเปลี่ยนพื้นที่ต่างๆ ในบ้านหลังนี้ในหลายบทบาท
ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม เพื่อบอกเล่าเรื่องการอภิวัฒน์สยาม คุณูปการของเจ้าของบ้าน รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวพนมยงค์ในบ้านหลังนี้
ที่พักให้กับแขกและนักท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าพักในบ้านประวัติศาสตร์แห่งนี้
และเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการแสดงศิลปะ เปิดตัวหนังสือ ตลาดนัดในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไปจนถึงแลกเปลี่ยนความคิดเรื่องต่างๆ ของชาวไทยในยุโรป
แผนที่วางไว้คงได้เห็นเป็นรูปธรรมทั้งหมดในอีกไม่นานนี้
ในอนาคต บ้านอองโตนี อาจเป็นจุดหมายปลายทางของคนไทยและรวมถึงชาวต่างชาติ เหมือนกับในอดีตที่อาจารย์ปรีดียังมีลมหายใจ ดังที่จอมพล ประภาส จารุเสถียร ถึงกับเอ่ยปากในขณะนั้นว่า
“เวลานี้ใครๆ ไปปารีสแล้ว ก็ดูเหมือนจะถือเป็นแฟชั่นที่จะต้องไปพบนายปรีดี”
ผ่านไป 93 ปีนับจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมบัติจากคณะราษฎรในประเทศไทย ค่อยๆ ถูกบังคับให้สูญหาย สถานที่เกี่ยวพันกับการอภิวัฒน์สยามถูกช่วงชิงไปจากการรับรู้ของคนรุ่นหลัง
อย่างน้อยยังมีบ้านอองโตนีอยู่เป็นประจักษ์พยานสำคัญ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของชายผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสังคมไทย
และในฐานะที่พำนักสุดท้ายของปีศาจแห่งกาลเวลา ผู้แนะนำให้ชาวไทยรู้จัก ‘ประชาธิปไตย’ ที่แท้จริง ซึ่งคอยหลอกหลอนชนชั้นนำสยามมาหลายยุคสมัย กระทั่งปัจจุบัน
ที่มาภาพเก่าและข้อมูล:
– หนังสือ ความทรงจำจากบ้านชานกรุงปารีส ปัจฉิมชีวิตของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ เขียนโดย จินดา ศิริมานนท์
– หนังสือ 82 ปี 11 เดือน 21 วัน บทความคัดสรรของดุษฎี พนมยงค์ เรื่องดนตรี ชีวิต และประวัติศาสตร์ เขียนโดย ดุษฎี พนมยงค์
Tags: Feature, ปารีส, ฝรั่งเศส, คณะราษฎร, เปลี่ยนแปลงการปกครอง, ปรีดี พนมยงค์, อภิวัฒน์สยาม, บ้านอองโตนี