บนโลกนี้ อาจไม่มีอะไรฟังดูน่าสนุก (แต่ในขณะเดียวกันก็น่าสะพรึงกลัวจนขนหัวลุก) มากไปกว่าการเอาหนังคลาสสิกที่เป็นที่รักของคนทั่วโลก มาดัดแปลงใหม่ให้เป็นเวอร์ชันของตัวเองอีกแล้ว
แต่นั่นแหละคือการตัดสินใจของ ทินา เฟย์ (Tina Fey) ดาราตลกคนดังและโปรดิวเซอร์มือทองเบื้องหลังภาพยนตร์เวอร์ชันเดิมที่โด่งดังจนขึ้นหิ้งอย่าง Mean Girls (2004) และรายการทีวีชื่อดัง Saturday Night Live ในช่วงพีก อย่างปี 1997-2006 ผู้ตัดสินใจสร้าง Mean Girls เวอร์ชันใหม่ขึ้นมาในปี 2024 โดยใส่ความเป็น Musical Movie เข้าไป
โดยสารตั้งต้นของหนังที่เพิ่งออกฉายนี้ แน่นอนว่าหนีไม่พ้น Mean Girls เวอร์ชันละครเวทีที่เปิดแสดงในบรอดเวย์มาตั้งแต่ปี 2017 ภายใต้ฝีมือการเขียนบทละครของตัวเฟย์เอง ร่วมกับ เจฟฟ์ ริชมอนด์ (Jeff Richmond) สามีนักแต่งเพลงของเธอ ซึ่งประสบความสำเร็จถล่มทลาย พิสูจน์โดยเสียงตอบรับเชิงบวกนักวิจารณ์รอบสารทิศ และการถูกเสนอชื่อเข้าชิง Tony Awards มากถึง 12 สาขา
แต่การนำบทละครที่ประสบความสำเร็จในบรอดเวย์มาดัดแปลง ไม่ได้การันตีความสำเร็จในฐานะภาพยนตร์ โดยเฉพาะในสภาวการณ์ปัจจุบันของฮอลลีวูดที่เราขอตั้งชื่อแบบขำๆ ให้ว่า ‘ยุคมิวสิคัลอักเสบ’ จากอคติของทั้งผู้สร้างและผู้ชมที่มีต่อมิวสิคัล ทำให้หนังเพลงทุกเรื่องที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Wonka (2023) หรือ The Color Purple (2023) รวมถึง Mean Girls (2024) ถูกโปรโมตราวกับต้องการปิดบังไม่ให้ผู้ชมรู้ล่วงหน้าว่า นี่คือมิวสิคัล
กระนั้นก็ตาม เมื่อได้ลองเปิดใจชมภาพยนตร์โดยปลดเปลื้องความคาดหวังในฐานะแฟนตัวยงของ Mean Girls เวอร์ชันแรกทิ้งเอาไว้นอกโรงหนัง เราพบว่าเวอร์ชันนี้ทำออกมาได้ไม่เลวเลย แม้จะสูญเสียตัวตนเดิมไปบ้างอย่างน่าเสียดาย
แคสติงดี ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
ความดีงามประการแรกที่เห็นได้ชัดที่สุดและตัดสินได้ตั้งแต่ภายใน 20 นาทีแรกของหนัง คือการแคสต์นักแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ แก๊งพลาสติกที่ภาพลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเวอร์ชันเดิม (เช่น เรจินาที่ไม่ใช่สาวผอมไซซ์ 0 และแคเรนที่ไม่ใช่สาวผิวขาวผมบลอนด์อีกต่อไป) แต่ก็ยังสามารถรักษาหัวใจของคาแรกเตอร์นั้นๆ เอาไว้ได้
โดยเฉพาะ เรเน แรปป์ (Reneé Rapp) ในบท ‘เรจินา จอร์จ’ ที่ถูกผู้ชมอวยยศให้เป็นเดอะแบกของโปรดักชันนี้ตั้งแต่ช่วงไม่กี่วันแรกที่ออกฉาย ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ของเรจินาที่สวยร้ายเหมือนเดิม แต่ดู ‘ลุยๆ’ ขึ้นมาหน่อย หากเทียบกับเวอร์ชันของ เรเชล แม็กอดัมส์ (Rachel McAdams) ที่มีลุคติดไปทางลูกคนหนูหยิ่งๆ มากกว่า
นอกจากเรจินาแล้ว อีกตัวละครในแก๊งพลาสติกเวอร์ชันล่าสุดที่สมควรได้รับคำชมอย่างยิ่งคือ ‘แคเรน’ ฉบับในเวอร์ชันของนักแสดงเชื้อสายอินเดีย อวันติกา วันดานาปู (Avantika Vandanapu) ที่เล่นออกมาได้ตลกหน้าตายและสวยโง่สะใจ จนเกือบลืมแคเรนเวอร์ชัน อะแมนดา ไซเฟรด (Amanda Seyfried) ไปเลย
ภาพ: Paramount Pictures
สำหรับบทสมทบอื่นๆ อย่างเดเมียนหรือแอรอนนั้นไม่มีปัญหาเท่าไร คนหนึ่งทำหน้าที่ปล่อยมุกตลกประเภท Comic Relief บาลานซ์บทสนทนากับเจนิสไม่ขาดตกบกพร่อง ส่วนอีกคนมีหน้าที่หว่านเสน่ห์ใส่นางเอกก็หว่านไป
ทว่าบทสำคัญอย่าง เคดี้ แสดงโดย แองเการี ไรซ์ (Angourie Rice) และเจนิส แสดงโดย อัลลิอิ คราวาลโย (Auli’i Cravalho) กลับเป็น 2 บทที่เหลือที่ผู้เขียนยังรู้สึกไม่แน่ใจ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เหมาะกับบทในแง่รูปลักษณ์ แค่ดูเหมือนไม่ได้ถูกกำกับให้แสดงในไดเรกชันที่เหมาะกับคาแรกเตอร์เท่าไร
เคดี้ที่ควรจะดูกระอักกระอ่วนและทำตัวไม่ถูกแทบจะตลอดเวลาในครึ่งแรกของหนัง กลับขาดความ Awkward ที่ผู้ชมอย่างเราๆ รู้สึกคุ้นชินไป เธอแค่ดูใสซื่อไปบ้างเท่านั้น แต่ดูไม่มีปัญหากับการเข้าสังคมขนาดนั้น ในขณะที่เจนิสเองก็ดูจะไม่ใช่ภาพแทนของเหยื่อบูลลี่ที่แค้นฝังใจเหมือนอย่างเวอร์ชันเก่าอีกแล้ว
ภาพ: Paramount Pictures
นอกจากนี้ ส่วนสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เด็ดขาดคือบทของแม่ๆ และอาจารย์ในโรงเรียน นอกจากครูนอร์เบอรีที่ได้เฟย์กลับมาเล่นบทเดิม และอีกบทที่แคสต์มาเหมาะสมและทำได้ดีมากคือบท ‘Cool Mom’ หรือแม่ของเรจินา ที่ทำให้คนดูเห็นภาพภายในเวลาไม่กี่นาทีว่า เธอเป็นตัวแทนของพ่อแม่ผู้ปกครองที่พยายามอย่างหนักเพื่อเอาใจและทำความเข้าใจลูกสาววัยไฮสคูล
ภาพ: Paramount Pictures
คอสตูมที่ไม่แย่ แต่ก็ยังไม่ปัง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Mean Girls กลายเป็นตำนานความเริ่ดสุดอมตะ คือแฟชั่นของแก๊งพลาสติกที่ดู สวยเริ่ด เซ็กซี่ ตอแหล (คำชม) และดูใส่ในโรงเรียนไฮสคูลไม่ได้จริง อย่างรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนม เบลเซอร์ทำงานที่ให้ลุคแบบ ‘เวิร์กกิงวูแมนวัยทีน’ เสื้อผ้ารัดรูปที่น่าจะรอดสายตาอาจารย์ฝ่ายปกครองได้ยากในชีวิตจริง ฯลฯ
ภาพ: Paramount Pictures
แต่ในเวอร์ชัน 2024 คอสตูมของแก๊งพลาสติกถูกออกแบบให้ดูสมวัยมัธยมและสวมใส่ได้จริง แน่นอนว่าข้อดีคือจะทำให้ตัวละครดูมีความเป็นเด็กมัธยมจริงๆ มากขึ้น แต่ข้อเสียคือเราก็จะสูญเสียภาพลักษณ์ตอแหล (คำชม) จากแฟชั่นที่เริ่ดหรูเกินตัวของเด็กๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
กลายเป็นว่าหลังเดินออกจากโรงมา เราแทบนึกไม่ออกว่ามีลุคไหนของสาวๆ ที่ติดตรึงอยู่ในใจ นอกจากลุค ‘เหยื่อบูลลี่’ ของเรจินา อันประกอบด้วยเสื้อปาดไหล่ สายบราสีฟ้าเทาที่โผล่พ้นเสื้อ และสร้อยคอตัวอาร์ (R) ซึ่งดันไม่ใช่ลุคที่ทีมคอสตูมของโปรดักชันนี้สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นลุคที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรจินาเวอร์ชันแม็กอดัมส์
ภาพ: Paramount Pictures
ความท้าทายในการ ‘คุมธีมเรื่อง’ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นมิวสิคัล
พอสาวร้าย (Mean Girls) ดันร้าย (Mean) ไม่ลึกพอจนไม่สมกับชื่อเรื่อง ใจความและแง่คิดที่ภาพยนตร์ต้องการจะสื่อจึงเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร นอกจากฉากและบทพูดที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นจอมบงการของเรจินาจะหดหายไปหลายฉาก เจนิสที่ควรจะค่อยๆ เผยตนว่าร้ายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรจินาเลย กลับถูกตีความเสียใหม่ให้ฉลาดขึ้นและขี้อิจฉาน้อยลง
ภาพ: Paramount Pictures
ในโลกของ Mean Girls เวอร์ชัน 2004 เด็กผู้หญิง 5 คนนินทา ใส่ร้าย ห้ำหั่น วางแผนตลบหลัง และปฏิบัติตัวร้ายกาจต่อกัน เพราะภายใต้แรงกดดันของโลกชายเป็นใหญ่ พวกเธอต้องแข่งขันกันเป็นหญิงสาวที่แต่งตัวเริ่ดที่สุด เป็นที่ชื่นชอบชอบผู้ชายมากที่สุด เนียนนีสมหญิงที่สุด สวยที่สุด ผอมที่สุด เด็กผู้หญิงเหล่านี้จึงไม่สวมผ้าใบ แจ็กเก็ตหนัง และกางเกงยีนส์
ในเวอร์ชันก่อน ผู้เขียนชมเพลง Jingle Bell Rock โดยไม่ได้รู้สึกว่าสาวๆ เซ็กซี่ แต่รู้สึกถึงความอิหลักอิเหลื่อของแสดง เพราะผู้แสดงทั้งหมดเป็นเด็กผู้หญิงอายุน้อย
ในเวอร์ชันก่อน หากจะมีใครในนั้นที่เป็นเควียร์ ความเควียร์ของเธอก็จะต้องถูกกดทับเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
ในเวอร์ชันก่อน เด็กผู้หญิงเหล่านี้ร้าย เพราะการทำตัวร้ายๆ ได้ความรู้สึกทรงอำนาจบางอย่างที่เธอมีเหมือนเพื่อนๆ
แต่ในเวอร์ชันนี้ Christmas Dance ของสาวๆ กลับดูเซ็กซี่เย้ายวนขึ้นมาจริงๆ เจนิสที่เป็นเลสเบียนสามารถเปิดตัวได้อย่างภาคภูมิใจ ส่วนตอนจบที่ดูอบอุ่นใจก็เปลี่ยนธีมของเรื่องไปจากเดิมทำให้การทะเลาะที่ผ่านมาของพวกเธอ ดูเหมือนจะเกิดจากพฤติกรรมส่วนตัวและความเข้าใจผิด มากกว่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยค่านิยมและสภาพสังคมในโรงเรียนอย่างในเวอร์ชันก่อนหน้า
ภาพ: Paramount Pictures
แน่นอนว่าการตีความใหม่ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ไม่ได้ผิดอะไร เราชื่นชมที่ได้เห็นตัวแม่ของโรงเรียนอย่างเรจินาในเวอร์ชันที่ไม่ใช่สาวร่างผอมบาง และดีใจที่ได้เห็นเจนิสในเวอร์ชันที่ไม่ได้แค่ดูเหมือนเลสเบียน แต่เป็นเลสเบียนจริงๆ ถึงจะอดรู้สึกเสียดายเมจเซจบางอย่างบอกเล่าไม่ได้ด้วยเวอร์ชันนี้ก็ตาม
อย่างน้อย เรื่องน่ายินดีที่สุดก็คือตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงในโรงภาพยนตร์ ไม่มีช่วงไหนที่ Mean Girls เวอร์ชันใหม่ทำให้เรารู้สึกเบื่อเลย ข้อดีของการที่มิวสิคัลเรื่องนี้เคยประสบความสำเร็จในบรอดเวย์มาแล้ว คือการที่เราแทบไม่ต้องลุ้นเลยว่าเพลงจะเพราะหรือเปล่า จะเข้ากับตัวละครหรือไม่ เพราะทุกเพลงล้วนถูกคิดมาอย่างดี
เพลงที่โดดเด่นที่สุดในความทรงจำของเรา อันดับแรกคือ Someone Get Hurt ที่เรจินาร้องในปาร์ตี้ฮัลโลวีน รองมาคือ Sexy ของแคเรนที่ตลกเข้ากับคาแรกเตอร์มากเสียจนน่าตกใจ และ Stupid with Love เพลงรักน่ารักๆ ที่ขับเน้นความบ้าผู้ชายนิดๆ น่าเอ็นดูหน่อยๆ ของเคดี้ในซีนตกหลุมรักแอรอน
รวมๆ แล้ว แม้ตัวหนังจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็สนุกและตลกเกินความคาดหมาย เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าจะรู้สึกเสียดายเงินค่าตั๋ว
Tags: Frienemy, Musical, Mean Girls, Screen and Sound, Movie Musical, Chick Flick, ก๊วนสาวซ่าส์ แรงซะไม่มี, ไฮสกูล, เรจินา จอร์จ