วันนี้ (25 กรกฎาคม 2566) เวลาราว 11.00 น. แยม-ฐปณีย์ เอียดศรีไชย สื่อมวลชนและอดีตผู้สื่อข่าวบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้ารายงานตัวที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ตามหมายเรียกพยานที่ ทนายรัชพล ศิริสาคร ยื่นฟ้องการแจ้งความและยื่นเอกสารเท็จเกี่ยวกับประธานผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวีเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ทนายรัชพลนำคลิปที่รายการข่าวสามมิตินำเสนอข่าวคลิปบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีแล้วพบว่า ไม่ตรงกับข้อความที่ระบุในบันทึกการประชุม ทนายจึงนำพยานหลักฐานเหล่านั้นมายื่นฟ้องต่อเจ้าพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ จตุรงค์ สุขเอียด อดีตบรรณาธิการไอทีวีและประธานสหภาพแรงงานหัวหน้างานบริษัทไอทีวี ตามมาสมทบภายหลัง

ผู้สื่อข่าวสอบถามฐปนีย์ว่า มีความกังวลถึงการกลับมาพูดถึงไอทีวีอีกครั้งหรือไม่ เพราะถูกนำไปพัวพันกับการเมือง ด้านฐปนีย์ตอบว่า เป็นสิ่งไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนตัวยังทำหน้าสื่อมวลชนต่อไป ขณะที่จตุรงค์กล่าวว่า ในฐานะประธานสหภาพไอทีวี มีส่วนได้ส่วนเสียและเกี่ยวข้องกับการปิดกิจการสื่อไอทีวีโดยตรง เมื่อทราบข่าวว่าไอทีวีจะกลับมาประกอบกิจการสื่ออีกครั้ง ก็อยากรู้ที่มาที่ไปและข้อเท็จจริง 

ประธานสหภาพไอทีวีเล่าต่อว่า ตนนำข้อสงสัยทุกอย่างเข้าไปสอบถามที่ตึกไอทีวี ว่ายังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่ โดยวันนั้นพบกับหนึ่งในผู้บริหารบริษัท ซึ่งไม่สะดวกให้ข้อมูลใดๆ นอกจากนี้ยังมี ‘คนใน’ ที่มีข้อสงสัยถึงบันทึกการประชุมที่มีข้อเท็จจริงไม่สอดคล้องกัน จึงนำไฟล์เสียงมามอบให้ เพื่อให้ทำข่าวและเสนอข่าวได้ตามปกติ

“หากถามว่าวันหนึ่งไอทีวีจะกลับมาทำงานสื่ออย่างจริงจัง พวกเราก็อยากมีความฝันอยากกลับมาทำงาน แต่ถ้าตอนนี้ไอทีวีกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราก็อยากเก็บให้เป็นตำนานมากกว่า” ฐปนีย์กล่าวเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีการเปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่ ฐปนีย์ตอบว่า คิดว่าข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบไป เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามจากหลักฐาน แต่สิ่งที่ประชาชนยังไม่ได้รับ คือคำตอบและคำชี้แจง แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาลฎีกาซึ่งต้องติดตามกันต่อไป

จตุรงค์กล่าวขยายเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ไอทีวียังอยู่ในการตัดสินของศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลปกครองสูงสุด ถ้าศาลปกครองสูงสุดไม่มีคำวินิจฉัยว่า ไอทีวีสามารถกลับมาเป็นสื่อได้อีก การเกิดขึ้นของไอทีวีก็ดูจะผิดธรรมชาติไปเสียหน่อย ทั้งนี้ ตนก็ได้รับคำเชิญชวนให้กลับมาร่วมงานไอทีวีอีกครั้ง แต่เมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีการร้องเรียนการถือหุ้นสื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ดังนั้น จึงต้องรอฟังคำตัดสินของศาลว่าจะเป็นอย่างไร และในฐานะสื่อมวลชนจะต้องทำงานตรวจสอบกันต่อไป

Tags: , , , , ,