ก่อนจะพูดถึงหัวใจของคอนเซปต์ บทสัมภาษณ์ที่เราได้พูดคุยกันเล็กน้อย ไปจนถึงความสำเร็จด้าน Performance ที่ไม่เป็นรองใคร อาจจะต้องย้อนความกันสักเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มเดบิวต์ไปจนถึงเวิลด์ทัวร์ครั้งแรก
เพราะถึงเราเชื่อว่าอย่างหมดใจว่าหลายคนจะต้องรู้จัก ITZY (อิทจี) เกิร์ลกรุ๊ปภายใต้สังกัด JYP Entertainment ที่เดบิวต์เมื่อปี 2019 โดยมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ได้แก่ เยจี (Yeji) ลีอา (Lia) รยูจิน (Ryujin) แชรยอง (Chaeryeong) และยูนา (Yuna) แต่แน่นอนว่าต้องมีบางคนที่อาจเพิ่งรู้จักพวกเธอ เริ่มสะดุดตาจากการพบเจอที่จ๊อดแฟร์ ลานพาร์คพารากอน หรือเคยเห็นเอ็มวีบางเพลงผ่านตาสักสองสามครั้ง
จากจุดเริ่มต้นที่เดินทางมาถึงเวิลด์ทัวร์ของ ITZY
อิทจีเดบิวต์ด้วยซิงเกิลแรกอย่าง DALLA DALLA จากอัลบั้ม IT’z Different ที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มผู้หญิงหัวขบถกับคอนเซปต์เกิร์ลครัช และทำให้เป็นที่จับตามองของเหล่าแฟนเพลงเกิร์ลกรุ๊ปและแฟนเพลง K-pop
เมื่อเริ่มเป็นที่พูดถึงในแวดวง ก็พร้อมต่อกระแสด้วยซิงเกิล ICY จากมินิอัลบั้มแรก IT’z ICY ในปีเดียวกัน ที่เผยให้เห็นถึงความสดใสมั่นใจในมิวสิกวิดีโอ กับการย้ำว่า ‘ฉันจะไม่ยอมอยู่ในกรอบที่คนอื่นตีไว้’
WANNABE จากมินิอัลบั้มชุดที่ 2 IT’z me ในปี 2020 ที่ได้รับเสียงตอบรับดีเยี่ยมทั้งในเกาหลีและแฟนเพลงต่างชาติ ตอกย้ำคอนเซปต์แข็งแกร่งและเป็นตัวของตัวเอง ที่ตอนนี้หากถามแฟนคลับอย่าง MIDZY (มิดจี) ว่าชอบเพลงไหนที่สุด WANNABE จะเป็นหนึ่งในเพลงอันดับต้นๆ ที่ถูกพูดถึง ก่อนที่ Not Shy เพลงไตเติลถัดมาจากมินิอัลบั้มชุดที่ 3 ในปีเดียวกันจะถูกปล่อยออกมา
ในปี 2021 เราได้เห็น Mafia in the morning เพลงไตเติลจากมินิอัลบั้มชุดที่ 4 GUESS Who กับภาพลักษณ์ที่ดูแปลกตาไปจากเดิม เพราะจุดเด่นของเพลงนี้คือชุดหนัง เนื้อเพลงที่ไม่เหมือนเดิม และ Performance ที่ไม่เป็นรองใคร
เมื่อมาถึงตรงนี้ เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบแทบทุกอย่างใน Mafia in the morning เพราะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ท่ามกลางความรู้สึกว่าการกลับมาคราวนี้พวกเธอโตขึ้น ดุดันขึ้น มิหนำซ้ำยังเผยศักยภาพด้านการโชว์ศักยภาพทั้งการร้องและการเต็มออกมาแบบจัดเต็ม
ทว่าช่วงแรกแฟนคลับบางส่วนรู้สึกไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของพวกเธอเท่าไหร่นัก หลายคนบ่นเรื่องเนื้อเพลงว่า ‘เบียว’ เกินไป ซึ่งเบียวแค่ไหนเราได้ลองยกตัวอย่างบางท่อนมาให้ร่วมตัดสินใจ
늑대 가지고 노는 여우
(หมาจิ้งจอกสาวที่กำลังล้อเล่นกับหมาป่าหนุ่ม)
너를 뺏어 뺏어 뺏어
(ฉันจะรวบเธอแล้วนะ)
Like a caper movie
(เหมือนฉากในหนังอาชญากรรมเบาสมอง)
알 수 없는 Poker face
(ใบหน้าไร้ความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้)
점령해 네 맘속 Place
(เข้าครอบครองพื้นที่หัวใจเธอ)
Hurry up! Baby, catch me if you can haha!
(เร็วเข้าที่รัก จับฉันให้ได้ถ้าเธอแน่จริง ฮาฮา)
แต่เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง คลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายไว้ตอนพวกเธอแสดงตามงานมหาวิทยาลัยหรืองานเทศกาลต่างๆ Mafia in the morning ที่หลายคนไม่ชอบใจ กลับกลายเป็นเพลงที่ถูกร้องตามเสียงดัง อาจเป็นเพราะบีทหนักๆ ท่าเต้น และคาริสม่าที่ทำให้ละสายตาไม่ได้ ทั้งหมดนี้ลงตัวมากเมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเอง
หลังเพลงที่กลายเป็นข้อถกเถียงถูกปล่อยออกมาพักหนึ่ง อิทจีได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง CRAZY IN LOVE ที่มี LOCO เป็นเพลงไตเติล ซาวด์ติดหูที่ผสมผสานองค์ประกอบของละติน ร็อก เข้ากับความเป็นเคป็อป ส่งให้เพลงนี้เต็มไปด้วยสีสัน ซ้ำยังซ่อนความดุร้ายได้ตามคอนเซปต์
ปี 2022 อิทจีได้ปล่อยซิงเกิลอัลเวอร์ชันญี่ปุ่น Voltage กับไตเติลชื่อเดียวกัน ต่อด้วยการปล่อยมินิอัลบั้มชุดที่ 5 CHECKMATE โดยใช้ SNEAKERS เป็นเพลงไตเติล
การกลับมาครั้งนี้ห่างจากช่วงที่ปล่อย LOCO นานกว่า 10 เดือน จนแฟนๆ ต่างเกิดความคิดถึง ซึ่งความคิดถึงนั้นแสดงให้เห็นจากยอดจองอัลบั้มล่วงหน้ามากกว่า 7.2 แสนอัลบั้ม ทำลายสถิติยอดพรีที่เยอะที่สุดของวง
นอกจากนี้ มีรายงานว่ามินิอัลบั้ม CHECKMATE มียอดขายทะลุ 1 ล้านอัลบั้ม ใน Circle Chart กลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำสถิติได้ และเป็นศิลปินกลุ่มที่ 2 ของค่าย JYP ที่มียอดขายเกิน 1 ล้านอัลบั้ม ก่อนพวกเธอประกาศจัดเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกในชื่อ 1st world tour ‘Checkmate’ โดยจะเริ่มที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และปิดฉากทัวร์ครั้งนี้ที่ธันเดอร์โดม ประเทศไทย
นอกจากอัลบั้ม CHECKMATE เรายังได้เห็นซิงเกิล Boys like you ปล่อยออกมาในช่วงเดือนตุลาคม และถัดมาในเดือนพฤศจิกายนกับมินิอัลบั้มชุดที่ 6 Cheshire และเพลงไตเติลชื่อเดียวกัน ซึ่งอัลบั้มนี้ก็กลายเป็นอัลบั้มที่ 2 ของอิทจีที่มียอดขายทะลุ 1 ล้านบน Circle Chart แสดงให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของพวกเธอ
‘มงลง มั่นใจ น้อทชาย’ ว่าด้วยคอนเซปต์และมายด์เซ็ตของ ITZY
ถ้าฟัง DALLA DALLA เราจะได้ยินท่อน “I love myself”
ถ้าฟัง ICY เราจะได้ยินท่อน “They keep talkin’ I keep walkin’”
หรือท่อน “I don’t wanna be somebody, just wanna be me, be me” จากเพลง WANNABE
ไปจนถึงท่อน “Don’t need no guidance, I’m makin’ my way. I’m on my way up. Run to the top” จากเพลง SNEAKERS
แทบทุกเพลงทั้งไตเติลและเพลงในอัลบั้ม มักเต็มไปด้วยเนื้อเพลงความหมายดีๆ ที่พยายามเชิญชวนให้เหล่ามิดจีและแฟนเพลงที่ได้ฟังหันมารักตัวเอง มั่นใจในตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง และจะไม่ยอมแพ้ต่อเสียงวิจารณ์ค่อนแคะของคนอื่น
เมื่ออิทจีมีคอนเซปต์แบบตัวแม่ เพื่อนหญิงพลังหญิง เราจึงเห็นว่าท่าเต้นในเพลงไตเติลมักมีท่าที่แฟนๆ เรียกว่า ‘มงลง’ ทุกการจบเพลง เมมเบอร์จะทำมือเป็นมงกุฎแล้ววางไว้บนหัวของเพื่อนร่วมวง รวมถึงการวางมงลงบนศีรษะของตัวเอง คล้ายกับกำลังบอกกับผู้คนว่าพวกเธอคือผู้ชนะ เป็นควีน และภูมิในใจการเป็นตัวเองมากแค่ไหน
ในการสัมภาษณ์กับ Buzzfeed ถึงคอนเซปต์วง ลีอาหวังว่าเหล่านักฟังเพลงจะพบกับสิ่งที่ซ่อนไว้ สิ่งที่ว่าคือข้อความเชียร์อัปให้ทุกคนมั่นใจในความฝันและเป้าหมาย แล้วใช้ชีวิตตามที่ตัวเองหวังได้อย่างดี โดยไม่ต้องยึดตามกรอบหรือกฎเกณฑ์ที่คนอื่นมาครอบเราไว้
ยูนาก็เคยเอ่ยถึงความคาดหวังที่มีต่อตัวเอง เธอกล่าวว่าอยากจะใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ ไม่ปิดบังตัวตนที่เป็นอยู่ และกล้าพูดในสิ่งที่คิด เช่นเดียวกับแชรยองที่เคยบอกว่าเนื้อหาในเพลงของอิทจีอาจเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการจะได้ยิน แม้มันจะเป็นแค่เพลง แต่ก็อาจสร้างความรู้สึกมั่นใจหรือความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้ผู้ฟังอยากลุกออกไปทำบางสิ่ง
เยจีเคยกล่าวถึง SNEAKERS ว่าเป็นเพลงที่อยากให้ทุกคนวิ่งไปด้วยกัน วิ่งไปให้ไกลขึ้นกว่าเดิมเพื่อสัมผัสถึงช่วงเวลาที่รู้สึกเป็นอิสระ เลยเลือกเปรียบเทียบความเป็นอิสระกับรองเท้าผ้าใบ และหวังว่าแฟนๆ ที่ฟังเพลงนี้จะได้พบรองเท้าผ้าใบของตัวเอง (ความรู้สึกเป็นอิสระ)
นอกเหนือจากคอนเซปต์เพลงกับการแสดงบนเวที เรื่องราวของสมาชิกในวงก็เต็มไปด้วยความน่าสนใจ พวกเธอเคยถูกพูดถึงการรับมือกับแอนตี้แฟนที่เรียกว่าคุมได้อยู่หมัด เห็นได้จากไลฟ์หนึ่งที่เยจีกับรยูจินนั่งพูดคุยกับแฟนคลับ แล้วมีคอมเมนต์หนึ่งพิมพ์ว่า ‘พาโบ’ หรือ ‘โง่’ รยูจินอ่านคอมเมนต์นั้นก่อนทำตาโต แกล้งพูดคำเดิมซ้ำๆ ด้วยสีหน้าหลากหลาย ส่วนเยจีถามว่าใครเป็นคนพิมพ์ ก่อนจะพูดคุยกันเองต่ออีกพักหนึ่งด้วยบทสนทนาตลกๆ ว่า
รยูจิน: ออกมาสู้กันแฟร์ๆ ตัวต่อตัวได้นะ
เยจี: ไม่น่าได้ เพราะเธอจะแพ้
รยูจิน: จริงดิ (คนนั้น) อาจจะเป็นนักเรียนประถมก็ได้นะ
เยจี: เธอก็จะแพ้เหมือนเดิมนั่นแหละ
คลิปที่โต้ตอบแอนตี้แฟนด้วยท่าทางเล่นๆ ไม่แสดงท่าทางโกรธแค้นและเปลี่ยนให้เป็นเรื่องตลกมีผู้เข้าชมมากกว่าแสนครั้ง ท่ามกลางคอมเมนต์ชมเชยว่ารับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ดี และมีวิธีตอบกลับแบบที่ตัวแม่เขาทำกัน
ประเด็นนี้สำคัญอย่างไร? การรับมือกับคลื่นความเกลียดชังด้วยความมั่นใจสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้กับค่านิยมในวงการไอดอลได้เช่นกัน จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะถูกห้ามไม่ให้โต้ตอบ ทำเป็นไม่เห็นคอมเมนต์แย่ๆ (ที่สุดท้ายไอดอลก็อ่านข้อความแสดงความเกลียดชังเหล่านั้นไปแล้วอยู่ดี) แต่คนดังในยุคหลังมานี้ก็เริ่มมีวิธีโต้ตอบที่หลากหลายมากขึ้น
สำหรับเราที่ติดตามดูความเคลื่อนไหวของอิทจีมาบ้าง จะเห็นได้ว่าพวกเธอไม่ใช่แค่ทำตามคอนเซปต์แค่ในบทเพลงแล้วจบ ทว่ายังส่งต่อการคิดที่น่าสนใจให้กับมิดจีเสมอ ดังเหตุการณ์หนึ่งที่แฟนคลับบอกกับรยูจินว่า เมื่อก่อนเธอกังวลกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองอย่างรุนแรงจนเข้าขั้นวิตกกังวลอย่างหนัก เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองสวย ไม่มั่นใจ และไม่ชอบใบหน้าของตัวเอง
แต่พอได้เห็นภาพเซลฟีของรยูจินที่มักจะถ่ายหน้าแบบใกล้ๆ ทำให้เห็นว่าไอดอลที่คนมักมองว่าต้องสมบูรณ์แบบก็มีรูขุมขน มีขนตามใบหน้า มีร่องรอยหรือข้อบกพร่องบางอย่างเหมือนกับมนุษย์คนอื่นๆ เธอจึงเริ่มปรับทัศนคติของตัวเอง ยอมรับและมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง พอรยูจินฟังจนจบก็ส่งยิ้มให้แฟนคลับรายนั้น และชมไม่หยุดปากว่าเธอคนนั้นเป็นคนที่สวยมากๆ
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เป็นเพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ ที่หยิบยกขึ้นมาให้เห็นถึงความพยายามผลักดันผู้คนให้รักในตัวเอง ควบคู่กับการสร้างสรรค์คอนเซปต์ใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่ความต้องการที่จะมองคนอื่นเท่านั้น แต่พวกเธอก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ อย่างมั่นใจด้วยเหมือนกัน
เมื่อเราได้พบกับ ITZY
เราเชื่อเสมอว่าความสำเร็จที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งของอิทจีคือ ‘Performance’ หรือที่แฟนคลับส่วนใหญ่เรียกกันว่า ‘เพิร์ฟ’ จากท่าเต้นเพลงไตเติลต่างๆ เช่น WANNABE, ICY, LOCO, Mafia In the Morning ไปจนถึงสเปเชียลสเตจในงานประกาศรางวัล ที่เราจะได้เห็นเซอร์ไพรส์อะไรใหม่ๆ ช่วงสิ้นปี ซึ่งหากจะยกตัวอย่างสเตจที่สร้างความประทับใจและดึงความสนใจให้เรามองอิทจีมากขึ้น หนึ่งในเวทีที่ได้ดูคือการแสดงเพลง LOCO กับ Mafia In the Morning ในงานประกาศรางวัล MAMA Awards 2021
เมื่อได้เห็นการแสดงบนเวทีบ่อยขึ้น ก็ยิ่งสร้างความสงสัยว่าเหล่าเมมเบอร์มอง Performance วงตัวเองไว้แบบไหน ทั้งการร้อง การเต้น การโชว์อินเนอร์ ทั้งหมดถึงจุดที่จะเรียกว่าเพอร์เฟกต์แล้วหรือยัง และหลังจากนี้วางแผนอยากจะทำเพิร์ฟในแบบใดบ้าง
เมื่อฟังคำถามจบ เยจีตอบคำถามคาใจนี้ว่าเธอรู้สึกดีใจมากที่แฟนๆ ชื่นชอบ ให้ความรัก และให้การตอบรับที่ดีกับ performance ที่ผ่านมาโดยตลอด
“แต่สำหรับฉัน พอซ้อมต่อไปอีกสักพักจะเห็นว่า แม้เราซ้อมกันมาเยอะมากๆ ก็ยังไม่รู้สึกว่านี่คือ Performance ที่สมบูรณ์แบบที่สุด พวกเรายังทำได้มากกว่านี้ ดีได้มากกว่านี้ และหวังว่าจะเป็น ITZY อย่างที่แฟนคลับทุกคนคาดหวังไว้ให้ได้
“หลังจากนี้พวกเราจะทำ Performance ดีๆ หลากหลายแนวให้ทุกคนได้เห็น ฝากติดตามและให้ความสนใจพวกเราด้วยนะคะ”
อีกหนึ่งคำถามเกิดขึ้นจากความสงสัยข้องใจในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เพราะช่วงที่ผ่านมาเราได้เห็นรายการเซอร์ไววัลจำนวนมาก ที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่การนำเด็กฝึกก่อนเดบิวต์มาแข่งขันกันแล้ว แต่อุตสาหกรรมเกาหลียังดึงเอากลุ่มไอดอลมาแข่งขันกันอีก (ผู้เขียนเคยอธิบายเกี่ยวกับการแข่งขันสูงลิบของวงการไอดอลเกาหลีไว้ในบทความ หยาดเหงื่อ หยดน้ำตา การจัดอันดับ: ทำไมอุตสาหกรรม K-POP ถึงเสพติดเซอร์ไววัล)
ช่วงหนึ่งเมื่อเช็กฟีดแบ็กในทวิตเตอร์หรือบล็อกที่พูดคุยเรื่องเคป็อปในแพลตฟอร์มต่างๆ ระหว่างรายการ Queendom 2 (2022) ใกล้จะประกาศรายชื่อเกิร์ลกรุ๊ปที่เข้าร่วมแข่งขัน จะเห็นได้ว่าอิทจีถูกหยิบยกมาพูดถึงเป็นจำนวนมาก เพราะพวกเธอโด่งดังเรื่องเพิร์ฟ เป็นศิลปินมีความสามารถโดดเด่นหาตัวจับยาก ขึ้นชื่อเรื่องการร้องสด จึงทำให้เกิดความคาดหวังว่าอาจจะเห็นวงเข้าแข่งขันกับเกิร์ลกรุ๊ปวงอื่นๆ
ด้วยความค้างคาใจจากครั้งนั้น จึงเกิดคำถามที่ว่าสมมติต้องไปแข่งในเซอร์ไววัลรายการหนึ่ง อิทจีจะเป็นอย่างไร
ยูนาขอไมค์เพื่อตอบคำถามนี้ เธอเล่าไปยิ้มไปถึงความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อรายการเซอร์ไววัล รวมถึงแบ่งปันถึงจินตนาการด้วยการนำตัวเองไปอยู่ในจุดนั้นบ้าง
“เวลาที่ดูรายการเซอร์ไววัลก็ลองคิดตามตลอดเลยค่ะ ว่าถ้าเป็นเราที่ไปยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ เราจะทำอย่างไร ซึ่งตอนนั้นก็คิดแค่ว่ากลัว มันต้องน่ากลัวมากแน่ๆ
“นอกจากนี้ยังคิดด้วยว่าถ้าต้องไปออกรายการเซอร์ไววัลคนเดียวแบบเดี่ยวๆ เราจะทำอะไรบ้าง… ถึงแม้จะน่ากลัว แต่เวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าจะทำให้ตัวเองได้พัฒนาและเติบโตขึ้นได้เยอะมากแน่ๆ”
ระหว่างที่ยูนากำลังตอบคำถาม เยจียกมือค้างไว้และรอจนน้องพูดจบ ดูเหมือนว่าเธออยากแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำถามนี้ด้วยเหมือนกัน
“คิดคล้ายกับยูนาเลยค่ะ และรู้สึกว่าไอดอลที่ไปแข่งขันในรายการเซอร์ไววัลตามรายการโทรทัศน์ ทุกคนน่าชื่นชมมากๆ และเก่งกันมากๆ
“นอกจากนี้ยังมีความคิดว่า ต่อให้ไม่ได้เข้าร่วมรายการเซอร์ไววัล พวกเราก็จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอ เพื่อทำการแสดงดีๆ และอวดความสามารถให้ทุกคนได้เห็นกันอย่างแน่นอน”
หลังการพบเจอกันประมาณ 3-4 ครั้งในเวลาไม่นาน แทบทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ พวกเธอจะยืนยันกับแฟนๆ อย่างหนักแน่นว่าจะพัฒนาตัวเอง จะเก่งขึ้นไปอีก เพื่อทำให้แฟนๆ ได้เห็นถึงการเติบโต ซึ่งอิทจีก็พิสูจน์สิ่งที่ถูกเลื่องลือมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับ performance รวมถึงความเป็นทีมเวิร์คที่ดีได้แบบหมดข้อกังขาในคอนเสิร์ต ITZY THE 1ST WORLD TOUR <CHECKMATE> BANGKOK
ITZY THE 1ST WORLD TOUR <CHECKMATE> BANGKOK
“พวกเราลิปซิงก์ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
เยจีเคยตอบคำถามที่ว่าอิทจีชื่นชอบการร้องสดแม้จะต้องเต้นอย่างหนักก็ตาม เธอบอกว่าการลิปซิงก์จำเป็นต้องทำให้จังหวะการอ้าปากงับท่อนร้องตรงกับเสียงเพลง ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากๆ และทำให้การแสดงยากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้ว่าตอนที่แสดงจะป่วยอยู่ก็ยังอยากจะร้องเพลงต่อไป เพราะภูมิใจในการได้ทำหน้าที่ของนักร้อง
บทสัมภาษณ์ของเธอสร้างความคาดหวังให้กับเราโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งได้เห็นการแสดงที่ถูกพูดถึงในหมู่เนติเซนเกาหลีอย่างวันที่ 28 กันยายน 2022 ที่มีผู้ตั้งกระทู้ถึงการแสดงและการร้องสด จนมีผู้เข้าชมกระทู้ดังกล่าวมากกว่า 1 แสนบัญชี มีคอมเมนต์มากกว่า 500 คอมเมนต์ กว่า 90% คือความรู้สึกตกใจ ชื่นชม และประทับใจ
‘ขณะที่ไอดอลหลายวงลิปซิงก์ในงานมหาวิทยาลัย แต่พวกเธอร้องสด’
‘หลังดูวิดีโอจบก็รู้สึกว่า ITZY เหมาะกับงานเทศกาลในมหาวิทยาลัยมากๆ’
‘ท่าที่เยจีต้องหมุนเอวในเพลง DALLA DALLA ทำให้อึ้งมาก โคตรเก่ง แถมยังร้องสดไปด้วยอีก เธอมีวีธีหายใจยังไงกันแน่’
จึงไม่แปลกเลยที่ก่อนดูคอนเสิร์ตผู้เขียนจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้ประมาณหนึ่ง ว่าจะต้องได้ดูอิทจีโชว์ performance ที่ยอดเยี่ยม
พอถึงวันจริง แม้จะคาดหวังไว้ แต่กลายเป็นว่าพวกเธอไปไกลกว่าที่คาดไว้มาก เพราะทุกคนจัดเต็มทั้งการร้อง การเต้น เพิร์ฟ และคาริสม่า ใส่สุดสมกับการปิดฉากคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ครั้งแรก
เราที่ไม่ได้ดูเซตลิสต์ไปก่อนว่าจะเริ่มแสดงด้วยเพลงอะไร ลำดับเพลงเป็นแบบไหน แล้วปิดฉากด้วยเพลงอะไร ได้พบว่าการไม่รู้อะไรมาก่อนก็นับเป็นข้อดีไปอีกแบบ เพราะจะเซอร์ไพรส์กับทุกอย่างรอบตัว ตื่นเต้นกับทุกโชว์ที่จะได้เห็นด้วยตาตัวเอง เริ่มต้นตั้งแต่การเปิดฉากคอนเสิร์ตแบบตรงเวลาเป๊ะด้วย Mafia In the Morning ในเวอร์ชันที่ดุดันกว่าเดิมด้วยการมิกซ์เพลงใหม่ ใส่ดนตรีสดให้จังหวะกระหึ่มยิ่งขึ้น โหมให้บรรยากาศร้อนแรงขึ้นตั้งแต่เริ่ม
Sorry Not Sorry, SHOOT!, WHAT I WANT และ 365 ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเพลงเปิดฉาก การเริ่มต้นด้วยเพลงบีทหนักๆ สร้างความสนุกและตื่นเต้นที่จะรอดูการแสดงต่อๆ ไป
สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับเราได้มากที่สุดอย่างคือช่วงโซโล่ของเมมเบอร์ที่แตกต่างหลากสไตล์ไปตามตัวตน เราอ้าปากค้างแถมแอบสบถคำว่า “โคตรเท่” หลังได้ดู Boss Bitch เพลงของ Doja Cat ที่รยูจินโคฟเวอร์ด้วยคอนเซปต์เท่ๆ ขณะที่สเตจกลางถูกยกสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมทั้งฮอล์ได้เห็นเธอจัดเต็มทั้งการร้อง แรป และเต้นแบบไม่กลัวเหนื่อย
โซโล่ของยูนาถือว่าแตกต่างจากโซโล่ของรยูจินอย่างสิ้นเชิง เธอปรากฏตัวอย่างสดใสน่ารักพร้อมดอกไม้และจักรยานหนึ่งคัน กับเพลง Maniac ของ Conan Gray ที่ถึงจะแอบเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยเพราะชิ้นส่วนของจักรยานเกิดหลุดกลางคัน หลังจบการแสดง ยูนาแอบบ่นน้อยใจกับเหล่ามิดจีว่าแทนที่การแสดงนี้จะเพอร์เฟกต์ แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดเสียอย่างนั้น ก่อนจะฟ้องว่าเธอแอบเห็นมิดจีหลายคนหลุดหัวเราะตอนตัวเองขี่จักรยานไม่ได้ และปิดท้ายด้วยว่าถึงอย่างนั้นก็ดีใจที่เห็นแฟนๆ ยิ้มได้ ซ้ำยังส่งเสียงเชียร์ตลอดเวลา
สเตจของลีอาจัดเต็มด้วยโวคอลเท่ๆ กับเพลง Red ของ Taylor Swift เธอเผยเสน่ห์การร้องและคาริสม่าอยู่หลังขาตั้งไมโครโฟน จากนั้นเริ่มเดินทักทายแฟนคลับทั่วทุกมุมของฮอล์ เพลงที่เธอเลือกมา เสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ และการเซอร์วิสแฟนคลับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ก็เรียกรอยยิ้มจากผู้ชมได้ง่ายๆ
แชรยองที่มาพร้อมกับเพลงเพราะๆ อย่าง Bloodline ของ Ariana Grande ไม่ว่าจังหวะไหนก็ทำให้มิดจีกรีดร้องได้ตลอด รู้ตัวอีกทีแชรยองที่เรามองว่าเป็นน้องสาวมักเน่ไลน์ วันนี้เธอเติบโตขึ้นมากกว่าที่คิด ซ้ำยังถ่ายทอดการแสดงที่มีทั้งความซุกซนเซ็กซี่ แต่ก็ซ่อนความขี้อายตามแบบฉบับของเธอเอาไว้เหมือนเคย
เมมเบอร์ที่โซโล่ปิดท้ายคือพี่ใหญ่อย่างเยจี กับเพลงฮอตๆ อย่าง Hotter Than Hell ของ Dua Lipa เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสเตจที่บ้าคลั่งที่สุด เยจีจัดเต็มทั้งการร้อง ไฮโน้ต และการเต้น ซึ่งช่วงเวลาที่เรียกเสียงฮือฮาคือตอนที่เธอลงไปเลื้อยกับพื้น พับตัว และร้องเพลงไปด้วย แถมเธอไม่ได้เต้นแบบเดียวกันทุกครั้งในการทัวร์แต่ละเมือง ดังนั้นสิ่งที่เห็นจึงสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนคลับได้ไม่น้อย
ไม่ว่าจะเซ็ตเพลงช่วงไหน ทั้งช่วงที่ 2 อย่าง Cherry, ICY, Free Fall, #Twenty หรือเซ็ตเพลงไตเติลยอดฮิตอย่าง WANNABE, DALLA DALLA, SNEAKERS และเซ็ตก่อนจากกันอย่าง Cheshire, LOCO, Not Shy, DOMINO และ Trust Me (MIDZY) ก็สานต่อได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุด ไม่รู้สึกขาดตอน จัดเต็มทั้งแสงสีเสียง โดยเฉพาะกับเพลงสุดท้ายที่สาวๆ ตั้งใจมอบให้มิดจี ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ลีอาประทับใจมากที่สุดเวลาแสดงคอนเสิร์ต
ในช่วงอังกอร์ อิทจีได้นั่งดู VTR Project ที่ไทยมิดจีเตรียมไว้ให้ ก่อนแฟนคลับทุกคนจะชูป้ายโปรเจกต์ที่ยืนยันว่าพวกเขาจะเฝ้ารอวันที่จะได้พบกันอีกครั้ง จนทำให้เมมเบอร์ทุกคนระบายความในใจกันอยู่พักใหญ่ ทั้งคำพูดขอบคุณ คำบอกรัก คำสัญญาที่ว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และจะกลับมาพร้อม Performance ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
สองเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตครั้งนี้คือ Boys Like You และ NOBODY LIKE YOU ปิดฉากคอนเสิร์ตสุดท้ายของเวิลด์ทัวร์ครั้งนี้ได้อย่างสวยงาม เราที่กลับบ้านมาด้วยความรู้สึกอิ่มล้น ก็เอาแต่นับวันรอคอยโอกาสที่จะได้พบกับพวกเธออีกครั้ง
อ้างอิง
– https://theqoo.net/index.php?mid=hot&filter_mode=normal&document_srl=2596404021
– https://www.buzzfeed.com/sarahhan/itzy-itz-me-wannabe-kpop-interview
– https://www.billboard.com/music/music-news/itzy-interview-8550258/