คำเตือน: บทความนี้มีคำหยาบและภาษารุนแรง
แม้เรามักถูกสังคมพร่ำสอนว่าไม่ให้ใช้คำหยาบ แต่ในบางสถานการณ์ ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าคำสุภาพสวยหรูก็ไม่สามารถสื่อสารอารมณ์ความรู้สึกได้มีพลังอย่างคำหยาบจริงๆ ดังนั้นคงไม่เวอร์เกินไปนัก หากจะพูดว่าการรู้จักคำหยาบไว้ก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เพราะอย่างน้อยถึงไม่ใช้เอง ก็ยังช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นที่ใช้คำเหล่านี้ได้ดีขึ้น
แต่ด้วยความที่คำหยาบไม่ค่อยมีสอนในโรงเรียน ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าคำหยาบส่วนใหญ่มีความหมายและวิธีการใช้ที่หลากหลายและซับซ้อน หลายคนจึงอาจตีความไม่ถูกหรือนำไปใช้ผิดกาลเทศะจนเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้น หลังจากที่ได้พูดถึงคำว่า ‘shit’ (https://themomentum.co/shit-word-odyssey/), ‘hell’ (https://themomentum.co/the-word-hell-in-sentences/) และคำว่า ‘ass’ (https://themomentum.co/ass-word-odyssey/) ไปก่อนหน้านี้แล้ว
สัปดาห์นี้ คอลัมน์ Word Odyssey จะขอพาไปทำความรู้จักคำว่า f*ck ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคำสบถเอนกประสงค์ในภาษาอังกฤษ พร้อมพาเจาะลึกความหมายและการใช้ต่างๆ นอกเหนือความหมายที่เกี่ยวกับการร่วมเพศ
[1]
อุทาน
ในขั้นพื้นฐานที่สุด เราสามารถใช้คำว่า fuck โดดๆ เป็นคำอุทานได้เลย โดยมากมักจะใช้เพื่อแสดงอารมณ์รุนแรงในทางลบเมื่อเจอเรื่องไม่ดี เช่น หากเราโกรธจัดเพราะโดนเลื่อนวันฉีดวัคซีนอีกแล้ว เราก็อาจจะพูดว่า My vaccination appointment has been postponed again? Fuck! (โดนเลื่อนนัดฉีดวัคซีนอีกแล้วเหรอ? ไอ้สัส!) หรือหากเราตกใจมากเมื่อได้ยินข่าวว่าวัคซีนที่เราฉีดเข้าไปนั้นเป็นวัคซีนล็อตที่มีปัญหาเป็นเจล เราก็อาจจะอุทานว่า Fuck! Am I gonna die? ก็คือ เชี่ย! กูจะตายไหมเนี่ย? หรือหากหัวแม่โป้งกระแทกขาโต๊ะระหว่างเดิน ก็สามารถใช้ตะโกนว่า fuck เพื่อแสดงความเจ็บปวดได้เช่นกัน
แต่คำว่า fuck เป็นคำอุทานที่สารพัดประโยชน์กว่านั้น เพราะสามารถใช้แสดงความรู้สึกในทางบวกได้ด้วย เช่น สมมติว่าเราไปดูหนังเรื่องหนึ่งมาแล้วประทับใจมากจนรู้สึกว่าต้องใช้คำสบถจึงจะบรรยายความรู้สึกได้สาสม เราก็อาจพูดว่า Fuck! That movie blew me away! ก็คือ สัส หนังแม่งโคตรดี! ในกรณีที่เราต้องการแสดงความประทับใจหรือความประหลาดใจในเชิงบวก เราสามารถอัพเกรดคำว่า fuck ของเราให้เป็น holy fuck ได้ด้วย เช่น ไปบ้านเพื่อนแล้วตะลึงที่ในบ้านมีบันไดเลื่อน ก็อาจพูดว่า Holy fuck! You have an escalator in your house? (ไอ้เชี่ย! มึงมีบันไดเลื่อนในบ้านเหรอ) ส่วนถ้าเป็นในเกาะอังกฤษ บางครั้งเราจะได้ยินคนใช้ fuck me เพื่อแสดงความประทับใจหรือประหลาดใจในทำนองนี้ด้วย เช่น Fuck me! This pizza is so good. (เชี่ย! พิซซ่าแม่งดีสัส)
[2]
เพิ่มดีกรีความหมายและความเกรี้ยวกราด
คำว่า fuck และรูปต่างๆ ของ fuck นี้ยังนำมาใช้เสริมความหมายและเพิ่มความเกรี้ยวกราดให้กับข้อความที่เราต้องการพูดได้อีกด้วย
อันที่เจอได้บ่อยมากๆ ก็คือ fucking ซึ่งเติมไปตรงไหน ก็ไปช่วยเสริมความหมายให้เข้มข้นขึ้นตรงนั้น ตัวอย่างเช่น หากเรากินอาหารแล้วบอกว่ารู้สึกว่าอร่อยล้ำ แค่คำว่า delicious ไม่เพียงพอที่จะพรรณนาความอร่อยปะล้ำปะเหลือ ก็อาจจะพูดว่า fucking delicious แทน ออกแนวประมาณว่า “โคตรอร่อย” หรือหากเราไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่รัฐบาลประกาศกึ่งล็อกดาวน์ตอนตีหนึ่งแล้วรู้สึกว่าคำถาม Are you kidding me? ยังสื่อความเหลือเชื่อได้ไม่ถึงใจ ก็อาจจะเติม fucking เข้าไปเป็น Are you fucking kidding me? ก็คือ นี่มึงล้อเล่นปะเนี่ย? หรือแม้แต่ตัวย่อ LMAO (laughing my ass off) ที่ใช้คล้ายๆ 555+ ของคนไทย ก็ยังเสริมความหมายเป็น LMFAO (laughing my fucking ass off) ได้ด้วย
อีกอันที่พบได้บ่อยไม่น้อยก็คือ as fuck ที่เติมหลัง adjective เพื่อเพิ่มดีกรีของคำได้ เช่น หากจะด่าคนว่าโง่ แต่รู้สึกว่า stupid คำเดียวไม่สาสม ก็อาจจะบอกว่า stupid as fuck เป็นต้น ออกแนว “โง่ฉิบหาย” หรือจะใช้กับ adjective ที่มีความหมายเชิงบวกก็ได้ เช่น Your place is cool as fuck! (บ้านมึงแม่งเจ๋งสัส!) ทั้งนี้ หลายครั้งเราอาจจะเจอ as fuck ย่อเหลือ AF ด้วย โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ เช่น I’m grateful AF that my parents don’t support the government. (โคตรดีใจพ่อแม่ไม่ได้สนับสนุนรัฐบาล)
อีกคำที่ใช้เสริมความเกรี้ยวกราดได้ก็คือ the fuck เช่น แทนที่จะพูด Shut up. ให้คนหยุดพูดเฉยๆ เราก็อาจเสริมดีกรีความแรงเป็น Shut the fuck up. ก็คือสั่งให้หุบปาก หรือถ้าจะไล่คนแล้วรู้สึกว่า Get out. ยังไม่รุนแรงพอ ก็อาจจะพูดว่า Get the fuck out. อันนี้ก็คือสั่งให้ไปพ้นๆ หน้า
นอกจากนั้น เรายังอาจเจอ the fuck เติมลงไปในคำถามที่เพื่อเสริมอารมณ์และเน้นความฉงนของผู้พูดได้อีกด้วย เช่น หากเพื่อนของเรากำลังใส่ถั่วฝักยาวลงไปในผัดกะเพรา แต่เราเชื่อสุดใจว่าผัดกะเพราไม่ควรมีถั่วฝักยาว แทนที่เราจะถามเพื่อนแค่ว่า What are you doing? เราก็อาจจะอัพเกรดคำถามให้รุนแรงขึ้นเป็น What the fuck are you doing? ก็คือ ทำเชี่ยไรเนี่ย? หรือหากเรางงและหงุดหงิดมากว่าทำไมรัฐบาลไม่นำวัคซีน mRNA เข้ามาเสียที เราก็อาจจะพูดว่า Why the fuck haven’t they brought in mRNA vaccines already?
แต่หากต้องการแสดงความฉงนอย่างเดียวแบบไม่ใส่รายละเอียด เราก็สามารถพูดว่า What the fuck? ได้ ออกแนวทำนองว่า เชี่ยไรเนี่ย? ประโยคนี้นิยมกันมากจนถึงขนาดมีการย่อเป็น WTF บางครั้งก็จะพูดย่อเหลือแค่ The fuck หรือ da fuck (บางครั้งสะกดว่า dafuq) เช่น หากเราเห็นคนแก้ผ้าวิ่งผ่านไปแล้วกำลังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อาจจะพูดว่า The fuck was that? หรือหากอึ้งจัดหรือไม่อยากพูดคำหยาบ ก็อาจพูดย่อๆ ว่า What the …? ก็ได้เช่นกัน ถือเป็นอันรู้กันว่าส่วนที่ละไปคืออะไร
หรือแม้แต่คำตอบรับและปฏิเสธอย่าง yeah กับ no ก็ยังนำ fuck มาขยายเพื่อเพิ่มอารมณ์ให้ถึงใจได้ เช่น หากร่างกายเส้นยึดแทบทั้งตัว เพราะไม่ได้นวดมาครึ่งปีแล้วได้ยินข่าวว่าร้านนวดจะกลับมาเปิด เราก็อาจแสดงความดีใจขั้นสุดด้วยการพูดว่า Fuck yeah! ในทางกลับกัน หากมีคนถามว่าเลือกตั้งรอบหน้าเราจะเลือกพรรคที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันไหม แล้วเราอยากเน้นว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เลือก ก็อาจจะพูดว่า Fuck no! ก็คือ ให้ตายก็ไม่เอา
[3]
เพิ่มความแซ่บระดับคำ
นอกจากจะใช้เป็นคำเติมลงไปในวลีหรือประโยคได้แล้ว fucking ยังมีความพิเศษตรงที่เติมแทรกลงไปในคำ (เรียกว่า infix) ได้ด้วยเพื่อเสริมอารมณ์ให้คำแซ่บซุยยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนถามเราว่าถ้าตอนนี้ให้ตั๋วเครื่องบินฟรีไปฉีดวัคซีน mRNA ที่ต่างประเทศได้เลยจะไหม แล้วเรารู้สึกว่า Absolutely ยังตอบรับได้ไม่ถึงใจ เราก็อาจตอบไปว่า Abso-fucking-lutely!
ปกติแล้ว fucking นี้จะวางแทรกเข้าไปที่หน้าพยางค์ที่เน้นเสียงหนักในคำนั้นๆ เช่น absolutely ปกติเน้นเสียงหนักที่พยางค์ lute เมื่อเติม fucking ลงไป จึงเป็น abso-fucking-lutely ตัวอย่างคำอื่นที่เราอาจพบแบบเติม fucking ได้บ่อยๆ ก็อย่างเช่น fan-fucking-tastic, in-fucking-credible และ un-fucking-believable เป็นต้น
[4]
ด่าคน
คำที่แปลว่า ‘ร่วมเพศ’ ในภาษาต่างๆ มักถูกนำมาใช้เป็นคำด่า ในภาษาอังกฤษเองนั้น คำว่า fuck ก็ถูกนำมาใช้ด่าคนหรือสิ่งที่เราเกลียดเช่นกัน
วิธีการใช้ที่ง่ายที่สุดก็คือ Fuck you. ออกแนวว่า ไอ้เม็ดแน่ แต่ถ้าเกิดเราต้องการระบุสิ่งที่เราต้องการด่า ก็สามารถเอาคำนั้นมาแทน you ได้เช่นกัน เช่น Fuck patriarchy. ก็คือ ขอให้ปิตาธิปไตยล่มจม หรือหากพูดว่า Fuck the government, and if you support the government, fuck you, too! ก็จะได้ความหมายคล้ายกับแฮชแท็ก #รัฐบาลส้นตีนคนเชียร์ก็ส้นตีน ที่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์บ่อยๆ
[5]
ไล่คน
ความสารพัดประโยชน์ของคำว่า fuck ยังไม่จบเท่านี้ เพราะแม้แต่จะไล่คน ก็ยังใช้คำว่า fuck ได้ด้วยการพูดว่า fuck off เช่น หากมีใครมาตื้อเราให้ไปเป็นดาวน์ไลน์ในห่วงโซ่การขายตรงจนเรารำคาญจัด เราก็อาจพูดไปแรงๆ ว่า Fuck off. ก็คือ ไปไกลๆ ตีน (ทั้งนี้ fuck off ในเชิงหยอกล้อระหว่างคนที่สนิทกันก็ได้ เช่น สมมติเพื่อนหยอกเราว่ารสนิยมการกินอาหารเราแปลก เราก็อาจพูดตอบกลับไปว่า Fuck off. ทำนองว่า ไอ้ห่า)
นอกจากนั้น เรายังพูดว่า Go fuck yourself. เพื่อไล่คนที่เราเกลียดมากๆ ได้ด้วย เช่น ถ้าแฟนเราเคยนอกใจแล้วกลับมาจะขอคืนดี แต่เราไม่เกลียดเขาเข้าไส้ไปแล้วและไม่อยากเห็นหน้าอีก ก็อาจจะพูดว่า Go fuck yourself. หรือจะพูดว่า Go fuck a duck. ก็ได้
[6]
ช่างแม่ง
คำแสนเอนกประสงค์คำนี้ยังใช้แสดงความปลดปลง ความไม่แคร์โลก หรือพูดอย่างหยาบหน่อยก็คือ ‘ความช่างแม่ง’ ได้อีกด้วย เช่น หากเรานั่งหน้าคอมพิวเตอร์พยายามคิดงานมาแล้วหลายชั่วโมง แต่คิดจนเส้นเลือดสมองปูดแล้วก็ยังไม่มีไอเดีย เราก็อาจจะพูดว่า Fuck it. I’ll get back to this tomorrow. ก็คือ ช่างแม่ง เดี๋ยวกลับมาทำพรุ่งนี้แล้วกัน หรือหากเราพยายามลงทะเบียนฉีดวัคซีน แต่ลงเท่าไหร่ก็ไม่ได้เสียทีจนในที่สุดรู้สึกว่ายอมแพ้ดีกว่า แบบนี้เราก็อาจพูดว่า Fuck this. I’ll just get Covid and die. ก็คือ ช่างแม่ง ติดโควิดแล้วก็ตายๆ ไปก็แล้วกัน
นอกจากนั้น เรายังใช้สำนวน not give a fuck หมายถึง ไม่แคร์ ไม่ใส่ใจ ได้อีกด้วย เช่น The government doesn’t seem to give a fuck if nightlife venues are going to go out of business. ก็คือ รัฐบาลดูเหมือนจะไม่สนใจเลยว่ากิจการกลางคืนจะเจ๊งกัน หรือหากมีคนมาออกความคิดเห็นนู่นนี่แต่เราไม่สนใจและแอบจะรำคาญ ก็อาจพูดว่า I don’t give a fuck what you think. หรือถ้าจะพูดว่า ไม่มีใครสนใจหรอก ก็อาจจะพูดว่า Who gives a fuck? ก็จะหมายความว่า แล้วใครแคร์?
[7]
ปู้ยี้ปู้ยำ
เนื่องจากการร่วมเพศก็ไม่ใช่เรื่องอภิรมย์เสมอไป โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ได้ยินยอมหรือไม่ได้รับความสุข จึงไม่แปลกเลยที่คำว่า fuck จะมีความหมายทำนองว่า ทำให้ตกที่นั่งลำบาก ปู้ยี่ปู้ยำ ตัวอย่างเช่น We have to be closed for another month? We’re fucked for real this time. ก็คือ เราต้องปิดร้านอีกเดือนหรือ? รอบนี้พังจริงแน่นอน หรือหากใครเคยไปตามงานชุมนุมต่างๆ ก็อาจจะเคยเห็นป้ายทำนองว่า I don’t need sex because the government fucks me every day. ก็คือ โดนรัฐบาลกระทำชำเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว ไม่ต้องมีเซ็กส์แล้วก็ได้
[8]
ความหมายเบ็ดเตล็ด
คำว่า fuck นี้ยังนำไปประกอบกับคำอื่นเพื่อสร้างเป็น phrasal verb ให้เกิดความหมายใหม่ๆ ได้ด้วย เช่น fuck up หมายถึง ทำพลาด (เช่น I have fucked up big time. ก็คือ เราทำพลาดครั้งใหญ่) fuck someone over หมายถึง หักหลัง ทำให้ตกที่นั่งลำบาก (เช่น COVID-19 has really fucked us over. ก็คือ ) fuck with หมายถึง แหย่ แหยม (เช่น You don’t want to fuck with me. ก็คือ มึงไม่อยากมีเรื่องกับกูหรอก) และ fuck around หมายถึง ทำเป็นเล่นๆ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน (เช่น Stop fucking around and focus. คือ หยุดเล่นแล้วตั้งสมาธิหน่อย)
[9]
เซ็นเซอร์ตัวเอง
เนื่องจากคำว่า fuck ถือเป็นคำหยาบที่แรงพอสมควร จึงมีการประดิษฐ์คำอื่นๆ ขึ้นมาใช้แทนที่เพื่อให้ฟังดูแรงน้อยลง เช่น ใช้คำว่า fudge แทน ตัวอย่างเช่น Oh, fudge! I dropped my laptop. ก็คือ ว้ายแม่ร่วง! ทำแลปท็อปตก หรือแทนที่จะพูด fuck you ก็อาจพูดให้ตลกเป็น fork you หรือ eff you แทน
ส่วนคำว่า fucking ก็อาจจะแทนที่ด้วย freaking, friggin’ flipping, หรือ effing เช่น The show friggin’ hilarious. ก็คือ รายการนี้แม่งตลกชิบ
ส่วนเวลาที่จะพูดถึงคำว่า fuck เราก็อาจจะใช้คำว่า the F word แทนหรือหากใครใช้คำว่า fuck เราก็อาจจะบอกว่าคนคนนั้น drop the F bomb แทนที่จะพูดคำว่า fuck ออกมา หรือถ้าหากพิมพ์ก็อาจพิมพ์ว่า f*ck แทนเพื่อเซ็นเซอร์
[10]
คำที่มี fuck เป็นส่วนประกอบ
เนื่องด้วยความสารพัดประโยชน์ของคำว่า fuck จึงไม่แปลกเลยที่คำนี้จะถูกหยิบไปสร้างคำต่างๆ มากมาย
คำแรกที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ motherfucker ซึ่งเป็นคำหยาบที่ใช้ด่าคน ถ้าจะเทียบกับภาษาไทยก็คงประมาณ ไอ้แม่เน็ด (ทั้งนี้ ในบางบริบท คำนี้ก็ไม่ใช่คำด่า แต่แค่เป็นคำหยาบที่ใช้เรียกเพื่อแสดงความสนิทสนม) อีกคำหนึ่งที่พบได้บ่อยเหมือนกันก็คือ clusterfuck ซึ่งเป็นสแลงอเมริกันที่ใช้เรียกสถานการณ์ที่ทุกอย่างพังหรือล้มเหลวไปหมด (เช่น There’s no word that can describe the COVID-19 situation in Thailand right now than “clusterfuck.”)
นอกจากนั้นก็ยังมีคำใหม่ๆ อีกหลายคำที่มี fuck เป็นส่วนประกอบ เช่น fuckboy (ผู้ชายที่คบไว้เพื่อเซ็กส์ ไม่ใช่เพื่อคบหาเป็นแฟน) fugly (น่าเกลียดมากๆ มาจาก fuck รวมกับ ugly) mindfuck (ปั่นหัว ทำให้สับสน) fuckery (ความไร้สาระ) และ unfuck (แก้ไขข้อผิดพลาด)
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะคำว่า fuck ก็ยังพบได้ในตัวย่ออีกหลายคำ เช่น FUBAR, SNAFU, SUSFU, TARFU (อ่านเพิ่มเติมที่นี่: https://themomentum.co/wordodyssey-acronym-fubar-covid19/) รวมถึง MILF และ DILF (ย่อมาจาก Mother I’d like to fuck และ Dad I’d like to fuck ) ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่คนพูดเห็นแล้วรู้สึกหวาบหวาม
สุดท้ายนี้ ขอยืนยันว่าผู้เขียนไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้พูดคำหยาบแต่อย่างใด ที่หยิบมานำเสนอก็เผื่อถ้าไปได้ยินเข้า อย่างน้อยก็จะได้เข้าใจว่าคนพูดกำลังต้องการสื่อสารอะไร หากใครอยากจะนำไปใช้เพิ่มสีสันให้กับชีวิต แนะนำให้ใช้กับคนที่เราสนิทและมั่นใจว่าจะไม่รู้สึกขุ่นเคืองก่อนนะครับ
บรรณานุกรม
http://oed.com/
Cambridge Advanced Learners’ Dictionary
Elizabeth, Mary. Barron’s American Slang Dictionary and Thesaurus. Barron’s Education Series: New York, 2009.
Johnson, Sterling. English as a Second F*cking Language. St. Martin’s Griffin: New York, 1995.
Longman Dictionary of Contemporary English
McCarthy, John J. “Prosodic Structure and Expletive Infixation.” Language, vol. 58, no. 3, 1982, pp. 574–590. JSTOR, www.jstor.org/stable/413849. Accessed 1 July 2021.
Merriam-Webster Dictionary
Oxford Advanced Learners’ Dictionary
Shorter Oxford English Dictionary
Tags: worldodyssey, theFworld