1
ในวงการทหารและข่าวกรอง อิสราเอลถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสามารถและศักยภาพเรื่องนี้สูงมาก ดูจากประวัติศาสตร์การทำสงครามในอดีตกับชาติตะวันออกกลาง หรือหน่วยงานข่าวกรองสายลับเลื่องชื่ออย่าง ‘มอสซาด’ ที่มีปฏิบัติการระดับโลกมากมาย ประสิทธิภาพด้านนี้ยังกระจายออกไปยังบริษัทเอกชนของอิสราเอลหลายแห่งที่หันมาทำธุรกิจด้านการสอดแนม โดยเน้นเรื่องปฏิบัติการในโลกออนไลน์ ที่ถูกฉาบหน้าไว้ว่าเป็นธุรกิจความมั่นคงทางไซเบอร์
จากข้อมูลพบว่า มีบริษัทอิสราเอลเปิดธุรกิจด้านการสอดแนมกว่า 700 บริษัทด้วยกัน หากเทียบกับขนาดประเทศที่เล็กแล้ว ตัวเลขนี้จึงถือว่าเยอะมาก ซึ่งเจ้าของธุรกิจและทีมงานด้านนี้ล้วนแล้วแต่เคยอยู่ในกองทัพอิสราเอลทั้งสิ้น โดยลูกค้าที่มาใช้บริการก็คือหลายประเทศทั่วโลกที่มีประวัติละเมิดกดขี่ประชาชนของตัวเองโดยถือเป็นลูกค้าชั้นดี รวมไปถึงชาติในตะวันออกกลางซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอิสราเอลมาอย่างยาวนานก็ยังใช้บริการบริษัทเหล่านี้ด้วย
รูปแบบสินค้าที่ขายมีตั้งแต่การแฮ็กโทรศัพท์มือถือได้อย่างทันที เพียงแค่รู้เบอร์โทร. ไม่ต้องส่งลิงก์ไปหลอกให้เจ้าของเครื่องกดเข้าไปในลิงก์ก่อนถึงจะสามารถแฮ็กได้ การแฮ็กนี้ทำให้รับรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้าของโทรศัพท์ ยังไม่นับระบบกล้องวงจรปิด ระบบควบคุมดูแล การทำข้อมูลรวบรวมรายชื่อ ซึ่งเป็นประโยชน์กับประเทศที่มีผู้นำเผด็จการอย่างมาก เพราะได้ใช้เทคโนโลยีรวบรวมข้อมูลฝ่ายต่อต้านรัฐบาลขึ้นมาอย่างทรงประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีการสอดแนมทุกวันนี้ยังก้าวหน้าถึงขั้นสามารถเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือธรรมดาให้กลายเป็นตัวรับสัญญาณอัดเสียงทุกอย่างที่เจ้าของเครื่องพูดคุยพบปะกับใคร นี่ทำให้รัฐบาลอำนาจนิยมชมชอบสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อย่างมาก ในเม็กซิโก รัฐบาลได้ดักฟังมือถือทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศเพื่อล้วงความลับทุกอย่าง แน่นอนว่าเป็นผลผลิตของอิสราเอล แม้กระทั่งชาติมหาอำนาจอย่างรัสเซียภายใต้ระบอบปูตินก็ใช้เทคโนโลยีของอิสราเอลในการติดตามกลุ่มต่อต้าน
ไม่เพียงเท่านั้น ซาอุดีอาระเบีย ชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลางที่คนค่อนประเทศเกลียดการมีอยู่ของคนยิวในภูมิภาคอย่างมาก ก็ยังใช้เทคโนโลยีของอิสราเอลในการสอดแนม รวมถึงบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็เป็นลูกค้าชั้นดี จนผู้เชี่ยวชาญเผยว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในเวลาต่อมาทั้งบาห์เรนและสหรัฐอาหรับฯ จะตัดสินใจเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลอย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งมาจากการปูทางทำธุรกิจด้านนี้กันมานานแล้ว
ฟากสหรัฐอเมริกาเองก็ยังเป็นลูกค้าอิสราเอลด้วย โดยหน่วยงานเอฟบีไอสั่งซื้อเทคโนโลยีด้านนี้มาใช้ในการตรวจดักฟังโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันเหตุร้าย ไม่เว้นแม้กระทั่งโรงเรียนในอเมริกาหลายแห่งได้ใช้เทคโนโลยีของอิสราเอลเพื่อปลดล็อกรหัสมือถือของนักเรียนเพื่อจะได้ดูว่ามีข้อความรุนแรงอันตรายใดๆ ที่จะนำไปสู่การกราดยิงในโรงเรียนหรือไม่
ทั้งนี้ การขายสินค้าเหล่านี้ไม่ใช่ว่าบริษัทเอกชนอิสราเอลจะทำการค้าขายได้เลย แต่มันต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมก่อน เพราะถือว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นข้อมูลความลับของกองทัพ แน่นอนว่าฉากหน้าทางกระทรวงกลาโหมปฏิเสธการขายสินค้าให้กับประเทศเผด็จการ แต่ข้อมูลจำนวนมากชี้ว่าบริษัทอิสราเอลสร้างรายได้มหาศาลจากการขายสินค้าให้กับประเทศเหล่านี้ โดยการขายสินค้าให้กับประเทศตะวันออกกลางและหลายประเทศทั่วโลกนั้น มีวัตถุประสงค์ให้ชาติเหล่านี้ยอมหุบปากไม่วิพากษ์วิจารณ์การยึดครองปาเลสไตน์แบบผิดกฎหมายของอิสราเอล ซึ่งก็ถือว่าได้ผลเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
อีกประเทศที่ใช้บริการบริษัทสอดแนมอิสราเอลก็คือพม่าเพื่อนบ้านเรานี่เอง พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำการรัฐประหารล้มรัฐบาลพลเรือนของนางอองซานซูจีเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเคยเดินทางไปอิสราเอลเพื่อดูงานโดรนสอดแนม โดยได้สั่งซื้อไปใช้สอดแนมในช่วงการกวาดล้างชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ด้วย และถูกยิงตกจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ให้บริษัทอิสราเอลต้องออกแถลงการณ์ยับยั้งการขายสินค้าให้กับเผด็จการพม่าในเวลาต่อมา
ที่ผ่านมาพม่ากับอิสราเอลนั้นมีความใกล้ชิดถ่ายทอดความรู้ด้านความมั่นคงกันเป็นเวลาหลายปีแล้ว แม้บริษัทเอกชนซึ่งมีเจ้าของเป็นคนสัญชาติอิสราเอลจะออกมาปฏิเสธการมีส่วนร่วม และทางประเทศอิสราเอลได้ห้ามขายธุรกิจสอดแนมแก่พม่าโดยเด็ดขาด แต่การรัฐประหารครั้งล่าสุด เรายังได้เห็นรถหุ้มเกราะที่ผลิตโดยกองทัพอิสราเอลขับเคลื่อนอยู่ในประเทศพม่าเป็นปกติ
ประสิทธิภาพของการสอดแนมจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ นี่คือสินค้าที่เหล่าประเทศอำนาจนิยมต่างชมชอบ และเข้าคิวกันซื้อของเป็นจำนวนมาก เพราะนี่คือเครื่องมือล้ำค่าในการควบคุมจัดการประชาชนคนในประเทศผู้เห็นต่างได้เป็นอย่างดีที่สุดแล้ว
“วันเวลาที่ระบอบเผด็จการกับการกราดยิงผู้ประท้วงอาจหมดไป เพราะด้วยเทคโนโลยีของอิสราเอล พวกเขาสามารถเข้าไปจัดการจับกุมผู้ประท้วงก่อนจะเริ่มชุมนุมด้วยซ้ำ ด้วยระบบการสอดแนมนี้ มันคือปืนกลอูซี่ยุคใหม่นี่เอง”
2
ในจำนวน 700 บริษัทของอิสราเอลที่ทำธุรกิจนี้ ร้อยละ 80 ของคนทำงานล้วนเป็นสมาชิกหน่วยรบ 8200 อันเลื่องชื่อทั้งสิ้น โดยหน่วยรบ 8200 เป็นหน่วยงานที่คัดคนอิสราเอลระดับหัวกะทิให้เข้ามาทำงานด้านข่าวกรอง เป็นหน่วยรบที่รวมคนยิวที่ฉลาดสุดในโลก
เจ้าหน่วยรบ 8200 นั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าได้ คุณจะต้องได้รับการเลือกให้เข้ามา เพื่อจะต้องไปฝึกหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ โดยในระหว่างการฝึก คุณจะได้พบคนที่เฉลียวฉลาดทั้งสิ้น ข้อดีอย่างหนึ่งในอิสราเอลนั้นคือพวกเขาถูกฝึกให้อยู่กับระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ตั้งแต่ยังเด็ก
นักธุรกิจด้านข่าวกรองคนหนึ่งซึ่งย้ายตัวเองมาอยู่อิสราเอลตอนอายุเพียง 16 ปี เล่าว่า ตอนเข้าไปเรียนหนังสือเขาตกใจมาก เพราะที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดเขานั้น ครูยังสอนโปรแกรมพาวเวอร์พอยต์และไมโครซอฟต์ออฟฟิศอยู่เลย แต่ในอิสราเอลเขาสอนเรื่องหุ่นยนต์และเรื่องศาสตร์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แล้ว ตอนนั้นเขายังพูดภาษาฮิบรู (ภาษาประจำชาติอิสราเอล) ไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่ด้วยระบบการสอนเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้เขาเข้าใจและรุดหน้ามากยิ่งขึ้น
สุดท้ายเขาทราบว่ามีหน่วยงานข่าวกรองที่เก่งกาจเรื่องเทคโนโลยีนี้อยู่ นั่นก็คือหน่วย 8200 ซึ่งเขามุ่งมั่นจะเข้าทำงานให้ได้ ซึ่งพอปลดประจำการออกมาก็ได้ตั้งบริษัทเทคโนโลยีข่าวกรอง และช่วงเวลาจากนั้นเขาก็กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีในทันที
ทั้งนี้ หน่วยรบ 8200 ไม่ทำงานสกปรกเหมือนสายลับมอสซาดทั่วไปที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการอุ้มคน การฆาตกรรม การสร้างหนอนบ่อนไส้ ศัตรูแปรพักตร์ แต่ที่นี่ซึ่งมีแต่คนฉลาดระดับอ๋องเรียกเทพนั้น พวกเขาทำงานด้านข่าวกรอง และศัตรูไม่ได้อยู่แค่รอบชายแดนอิสราเอล แต่จากทั่วทั้งโลก หน้าที่จึงหนักมาก แต่คุณจะได้เส้นสายเพื่อนฝูงในหน่วยนี้ที่ทำให้คุณสามารถตั้งบริษัทเทคโนโลยีเจ๋งๆ ขายให้กับคนทั้งโลกได้ด้วย
แม้จะไม่มีการเปิดเผยว่าใครอยู่หน่วยนี้อย่างเป็นทางการเพราะเป็นความลับทางรัฐการ แต่สมาชิกที่ผ่านหน่วยงานนี้จะเขียนในจดหมายแนะนำตัวเสมอว่าผ่านหน่วย 8200 มาด้วยความภาคภูมิใจ เพราะในโลกของธุรกิจมันเป็นใบเบิกทางกอบโกยความร่ำรวยเป็นอย่างดี
เจ้าของธุรกิจสอดแนมแทบทุกคนล้วนเคยทำงานในหน่วย 8200 ทั้งสิ้น พวกเขาจะหาคนร่วมงาน พันธมิตร ลู่ทางเส้นสายด้วยการยกหูหาเพื่อนในหน่วยรบ 8200 ด้วยกันเอง เรียกได้ว่านี่คือเครือข่ายทรงประสิทธิภาพที่ใครก็ให้การยอมรับ แน่นอนว่านี่คือธุรกิจที่แปลก แต่ก็คุ้มค่ากับการทำงานอย่างมาก เพราะเม็ดเงินรายได้ผลประกอบการกำไรบริษัทหลายแห่งอยู่ในระดับร้อยล้านดอลลาร์ฯ ไปจนถึง 1 พันล้าน มันจึงดึงดูดสมาชิกหน่วยรบ 8200 ซึ่งจะต้องทำงานครบ 5 ปีก่อนปลดประจำการให้เข้ามาทำงานสายนี้กันเป็นจำนวนมาก
หลังจากรับใช้ชาติมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็ถึงเวลากับการโกยเงินเตรียมตัวรวยกัน โดยเงินเดือนเริ่มต้นกับสมาชิกหน่วย 8200 ที่ปลดประจำการมานั้นเริ่มที่เดือนละ 1 แสนดอลลาร์ฯ เลยทีเดียว
3
ความรุ่มรวยของบริษัทสอดแนมของอิสราเอลนั้นส่งผลเสียหายต่อประชาชนในหลายประเทศอย่างมาก พวกเขาถูกสอดแนม ถูกจับกุม ถูกเข่นฆ่าโดยมีเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นองค์ประกอบ นี่เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในโลกนี้นานแล้วว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ที่จะขายของโดยไม่สนใจลูกค้าว่าจะดีชั่วแค่ไหน
โดยคนที่ออกมากระแทกเปิดโปงตีแผ่เรื่องนี้ได้อย่างมันเด็ดสะระตี่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ในเมื่อคนยิวมันฉลาดสร้างความร่ำรวยจากธุรกิจสอดแนมนี้ ก็จะมีใครที่เหมาะสมมาปะทะแฉโพยเรื่องนี้ได้ดีเท่าคนยิวด้วยกันเล่า
นี่จึงเป็นศึกยิวปะทะยิว ที่มีผลให้คนทั้งโลกได้เห็นความเลวร้ายในธุรกิจด้านนี้อย่างมาก
ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าคนในหน่วยรบ 8200 ทุกคนจะเห็นดีเห็นงามกับการเข้าไปทำธุรกิจด้านนี้และส่งออกสินค้าขายให้กับประเทศเผด็จการหมด เพราะมีคนในหน่วยรบนี้หลายคนที่ไม่เห็นด้วย และรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันเขียนแถลงการณ์ประณามบริษัทสอดแนมของพวกเดียวกันเอง ไม่เพียงเท่านั้นทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนคนอิสราเอลด้วยกันเองก็ออกมาเปิดโปงธุรกิจด้านนี้ และลากเรื่องออกมาสั่นสะเทือนไปยันกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ด้วยข้อมูลที่เผยว่า อิสราเอลขายสินค้าให้หลายประเทศโดยไม่สนว่าสุดท้ายมันจะนำไปสู่การคุกคามประชาชน ข้อมูลเหล่านี้ก็ได้มาจากคนอิสราเอลด้วยกันเองที่ตีแผ่เรื่องนี้ และเรียกร้องให้มีการควบคุมเทคโนโลยีด้านนี้โดยด่วน
“ผมรักประชาชนอิสราเอล ผมรักประเทศอิสราเอล ผมเป็นคนอิสราเอล แต่เพราะเหตุนี้ ไม่ใช่ว่าผมจะวิจารณ์ประเทศตัวเองไม่ได้ เราจำต้องมีศีลธรรม มีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นภายใต้ปฏิบัติการลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่แย่มาก”
นักกิจกรรมคนหนึ่งย้ำเตือนไว้ว่า เขาจะทำหน้าที่ต่อต้านธุรกิจสายนี้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับคนอิสราเอลจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับความร่ำรวยบนคราบน้ำตาของบริษัทสอดแนมเหล่านี้ การต่อสู้ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น แม้ฝ่ายภาคธุรกิจจะได้เปรียบอย่างมหาศาลเพราะยังขายสินค้าได้ แบรนด์อิสราเอลกับการสอดแนมถือเป็นตราที่เข้มแข็งอย่างมาก แต่ด้วยแรงกดดันจากคนธรรมดาชาติเดียวกัน ก็ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องออกมาตรการและแถลงข่าวว่าจะไม่ขายสินค้าให้กับประเทศเผด็จการอีก (แม้จะยังแอบขายอยู่บ้างก็ตาม)
นักธุรกิจยิวคนหนึ่งที่ผ่านการฝึกจากหน่วยรบ 8200 และเปิดธุรกิจด้านข่าวกรองได้ติดป้ายไว้ที่ห้องทำงานตัวเองว่า ‘ทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้’ โดยเขาขยายความว่าตอนอ่านเจอครั้งแรก มันช่างเป็นประโยคที่โดนใจมาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งต้องมนต์ คุณแค่ทำมันโดยไม่ต้องถาม ไม่ต้องพูด มันอาจเป็นความโง่เขลา แต่ก็เป็นความโง่ที่สมบูรณ์ เพราะถ้าคุณโง่พอที่จะเชื่อศรัทธา คุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้
นั่นทำให้เขาเลือกเดินบนเส้นทางสายนี้ แม้สุดท้ายความร่ำรวยของเขาอาจจะอยู่บนกองเลือดและความทุกข์ยากของผู้สูญเสียก็ตาม และต้องอย่าลืมว่า คำว่า ‘ทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้นั้น’ มันไม่ได้ใช้กับฝ่ายเขาเท่านั้น เพราะฝ่ายที่ต่อต้านธุรกิจด้านนี้ก็ย่อมโง่พอจะเชื่อว่าวันหนึ่ง พวกเขาจะควบคุมบริษัทเอกชนเหล่านี้ได้เช่นกัน
นี่จึงไม่ใช่เรื่องของคนฉลาดปะทะกัน แต่อาจจะเป็นเรื่องของคนโง่ที่ปะทะกันเพราะพวกเขาเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นจริง และทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้
อ้างอิง
Tags: Haunted History, Israel