ตั้งแต่หนังสือพิมพ์เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอราลด์ (The Sydney Morning Herald) ของออสเตรเลียนำเสนอรายงาน “จากอาชญากรสู่รัฐมนตรี: เปิดโปงกรณีนักการเมืองต้องโทษจำคุกในคดีค้ายาเสพติด” ข้อถกเถียงเรื่องความเหมาะสมต่อตำแหน่งรัฐมนตรีของ ร.อ. ธรรมนัสก็กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง และคราวนี้ดูจะรุนแรงขึ้นกว่าเก่า จากเรื่องคดีความร้ายแรงในต่างประเทศลามไปจนถึงวุฒิการศึกษาที่น่าสงสัย และยิ่งร.อ.ธรรมนัสออกมาโต้ตอบด้วยวาทะดุเดือด ก็ยิ่งมีข้อมูลที่มีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือไหลบ่าออกมามากมาย
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันกับกระแสของข้อมูลข่าวสารที่หลั่งไหลออกมาล้วนส่งผลต่อภาพลักษณ์ ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของเขาอีกครั้ง ทั้งวาทะของเขาที่ออกมาตอบโต้ในหน้าสื่อต่างๆ ก็ถูกวิจารณ์อย่างแพร่หลายในสื่อโซเชียล
“เรื่องโอละพ่อ ผมโชคร้าย”
จากที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนมีการตั้งคำถามของสื่อมวลชนถึงคุณสมบัติ เนื่องจากเคยถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาในคดีค้ายาเสพติด ไม่กี่วันต่อมา ร.อ. ธรรมนัส ออกมาชี้แจงโดยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่รัฐสภาชั่วคราว หอประชุมใหญ่ทีโอที ยืนยันไม่ได้เป็นผู้นำเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยาเสพติด เขาเพียงไปเที่ยวซิดนีย์โดยเดินทางเข้าออสเตรเลีย ผ่านการตรวจค้นถูกต้องทุกขั้นตอน ไม่เป็นไปอย่างที่สื่อมวลชนได้รับทราบข้อมูลจาก ‘สื่ออวตาร’ ที่พยายามโจมตี
“เป็นเรื่องโอละพ่อ ผมโชคร้าย คนที่ถูกจับนั้นอยู่ที่เดียวกับที่ผมอยู่ด้วย ผมจึงโดนข้อหารู้ว่ามียาเสพติดแต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ ไม่ได้โดนข้อหาผลิตยาเสพติดหรือนำเข้ายาเสพติด ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาตลอด และถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน จนถูกปล่อยออกมาใช้ชีวิตตามปกติในซิดนีย์ 4 ปีเต็มๆ”
“ก่อนจะถูกส่งตัวกลับไทย เพราะนายกเทศมนตรีนครซิดนีย์ ไม่ต้องการให้คนเอเชียที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่งอยู่ ผมจึงถูกส่งตัวกลับมา แต่ไม่ได้มารับโทษ”
นอกจากนี้ ร.อ. ธรรมนัสได้บอกให้สื่อมวลชนตรวจสอบหลักฐานต่างๆ จากศาลออสเตรเลียว่าเป็นความจริงหรือไม่ เขากล่าวว่า รู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังความพยายามที่จะล้มเขา เนื่องจากเขาเป็นกำลังหลักจัดตั้งรัฐบาล ทั้งขับเคลื่อนและประสานงาน หากล้มเขาได้ รับบาลก็สั่นคลอน เพราะหลายเรื่องที่ประสานไว้เป็นความลับที่เขารู้อยู่ผู้เดียว
“เขาไม่เข้าใจระบบ”
ข้อกังขาเกี่ยวกับคุณสมบัติของร.อ. ธรรมนัสคงจะจบลงเพียงเท่านั้น แต่สองเดือนต่อมา เรื่องราวของเขาก็กลับมาเกรียวกราวยิ่งกว่าเก่า โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายน หนังสือพิมพ์เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอราลด์ของออสเตรเลีย ตีพิมพ์บทความลงในเว็บไซต์ข่าวในชื่อ “จากอาชญากรสู่รัฐมนตรี : เปิดโปงกรณีนักการเมืองต้องโทษจำคุกในคดีค้ายาเสพติด” (From sinister to minister: politician’s drug trafficking jail time revealed) โดยระบุว่าหนังสือพิมพ์สืบค้นจนพบคำพิพากษาคดียาเสพติดของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ออสเตรเลียในปี 1993 และพบว่ารายละเอียดหลายอย่างไม่ตรงกับคำให้สัมภาษณ์ของ ร.อ. ธรรมนัส ที่บอกแก่สาธารณชน
โดยคำพิพากษาระบุว่า ธรรมนัส หรือ มนัส โบพรหม (ชื่อในขณะนั้น) มีส่วนในการนำเข้าเฮโรอีนน้ำหนัก 3.2 กิโลกรัมมาตั้งแต่ต้น โดยศาลพิพากษาให้มนัสและศรศาสตร์ (พี่ชายต่างมารดา) จำคุก 6 ปี หลังจากมนัสรับสารภาพและให้การเป็นประโยชน์ และถูกปล่อยตัวเมื่อ 14 เมษายน 1997 คิดเป็นเวลา 4 ปีถ้วน หลังปล่อยตัว เขาทั้งสองถูกส่งตัวกลับไทยทันที
ในวันเดียวกัน ร.อ. ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า รับทราบและอ่านข่าวแล้ว แต่ไม่ขอชี้แจงอะไรในวันนี้ และคงไม่ตอบโต้อะไร เพราะเขาไม่เข้าใจระบบ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรัวันที่ 10 กันยายนนี้ จะมีนักข่าวมาสอบถามในเรื่องนี้หรือไม่ ก็ว่ากันไป
“หากข้องใจเปิดหน้ามาชกกันเลยดีกว่า ไม่ต้องเป็นอีแอบอย่างนี้”
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ร.อ. ธรรมนัส แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีหนังสือพิมพ์ออสเตรเลียตีพิมพ์รายงานว่าเขาถูกจำคุกสี่ปี ในข้อหานำเข้าและค้ายาเสพติด โดย ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ที่ผ่านมาชี้แจงไปหมดแล้ว พร้อมติงว่า การนำข่าวเก่ามาเขียนใหม่แบบละเอียดยิบ ต้องมีที่มาที่ไป
อย่างไรก็ดี แม้ก่อนหน้านี้เขาเคยชี้แจงว่าตัวเองถูกกักตัว 8 เดือนและไม่ได้ถูกจำคุกนั้น ร.อ. ธรรมนัสไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงนี้อีกครั้ง กล่าวเพียงว่า “มันเป็นเรื่องรายละเอียดที่เราได้ตกลงกับศาลออสเตรเลียเอาไว้ และเป็นเรื่องที่พูดไม่ได้ แต่ที่เอามาเขียน มันมีที่มาที่ไป และก็รู้หมดแล้วว่าโยงใยกับอะไร รู้โครงข่ายทั้งหมดแล้ว ได้มอบหมายฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการทั้งแพ่งและอาญา ไม่เช่นนั้นจู่ๆ ออสเตรเลียจะพาดหัวข่าวโจมตีทำไม”
สำหรับคำถามเรื่องการรับสารภาพในระหว่างถูกสอบสวนเพื่อแลกกับการลดโทษ ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า “ผมไม่เคยสารภาพ ผมไม่เคยกระทำความผิดอย่างที่เขียน” และเมื่อสื่อถามว่า เขาเป็นผู้บงการหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัสกล่าวปฏิเสธแล้วบอกว่า “ต่อไปหากใครพูดเรื่องอดีตของผมอีก ผมจะไม่โต้ตอบใดๆ แต่จะดำเนินคดีทุกคน”
ส่วนที่สื่อออสเตรเลียเขียนรายงานอ้างบันทึกของศาลนั้น ร.อ. ธรรมนัสยืนยันว่า ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการเขียนภายในประเทศแล้วส่งไปให้ต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ ได้รับการติดต่อจากนายไมเคิล รัฟเฟิลส์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ และยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร ซึ่งนายไมเคิลส่งอีเมลมาหาหลายรอบแล้ว ต้องไปเจาะดูว่านายไมเคิลเป็นเครือข่ายอะไร ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ที่ว่าเป็นเครือข่ายเพราะต้องการดิสเครดิตใช่หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า ก็ทำนองนั้น แต่เรื่องนี้จะไม่พูดอะไรมาก จะเดินหน้าทำงานให้ประชาชน ไม่อยากให้วนกลับไปเรื่องในอดีต เพราะจะไม่ทำให้ประเทศเจริญ
“ผมว่าหากข้องใจเปิดหน้ามาชกกันเลยดีกว่า (หัวเราะเล็กน้อย) ไม่ต้องเป็นอีแอบอย่างนี้ ที่พูดไม่ได้หมายถึงจะท้าชก เอามาพูดกันดีกว่า เอาแต่เรื่องอดีตมาพูด เราอยากจะจมอยู่กับอดีตหรืออยู่กับอนาคตล่ะครับ” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
เมื่อถามถึงการลาออก ร.อ. ธรรมนัส กลับย้อนถามว่า “ทำไมผมต้องลาออกครับ จำไว้เลยว่าลูกผู้ชายอย่างผมอยู่บนโลกความเป็นจริง” และยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่กระทบภาพลักษณ์ ครม. ขอให้มาพิสูจน์กันว่าจะทำงานให้ประชาชนและแผ่นดินได้ดีอย่างไร
ไม่เพียงกับสื่อมวลชนที่ ร.อ. ธรรมนัสต้องตอบคำถาม แต่การประชุมสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายน พล.ต.ท. วิศณุ ม่วงแพรสี ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ตั้งกระทู้ถามสดไปยัง พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่นายกฯ ไม่ได้มาตอบคำถาม ได้ให้ ร.อ. ธรรมนัสตอบด้วยตัวเอง ซึ่งเขายังยืนยันว่า ถูกขังเพียง 8 เดือน และเข้าสู่กระบวนการ Plea-bargain เพื่อเป็นพยาน และคดีนี้ได้ถูกยกฟ้องไปแล้วเมื่อปี 2556
“โค่นผมได้ ก็เท่ากับล้มรัฐบาลได้”
ยังไม่ทันที่ประเด็นอาชญากรยาเสพติดจะคลี่คลาย ร.อ.ธรรมนัสก็ต้องพบกับอีกประเด็นที่ร้อนไม่แพ้กัน เมื่อเฟซบุ๊กเพจ CSI LA เปิดประเด็นวุฒิการศึกษาปริญญาเอกของ ร.อ.ธรรมนัสเป็นของปลอม โดยระบุว่า มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียไม่มีอยู่จริง แต่เป็นมหาวิทยาลัยปรากฏอยู่ในประกาศนียบัตรปลอมที่มีกลุ่มรับทำที่ฟิลิปปินส์ และหากจะมีชื่อที่ใกล้เคียงคือ California University FCE ซึ่งเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก มีลักษณะเป็นมูลนิธิที่ช่วยเหลือคนยากจน
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 กันยายน ร.อ.ธรรมนัสชื้แจงสื่อมวลชนที่รัฐสภา โดยนำใบปริญญาเอกพร้อมงานวิจัยและทรานสคริปต์โชว์สื่อ ยืนยันจบดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาจริง แต่เป็นการเรียนผ่านออนไลน์ เหมือนมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช แล้วทำงานวิจัยส่ง
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า รายงานข่าวของสื่อออสเตรเลียและข้อกล่าวหาจากเพจ CSI LA น่าจะเป็น ขบวนการต้องการทำลายความน่าเชื่อถือที่มีคนอยู่เบื้องหลัง โดยมีเป้าหมายลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และสาเหตุที่ตกเป็นเป้าโจมตี เนื่องจากเป็นมือประสานคนสำคัญของรัฐบาล ที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมาก ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกสำคัญในการทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ
“โค่นผมได้ ก็เท่ากับล้มรัฐบาลได้” บีบีซีไทย รายงานคำพูดของ ร.อ. ธรรมนัส ขณะแถลงข่าวในวันที่ 12 กันยายน
ในวันเดียวกันนี้ เว็บไซต์เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอราลด์เปิดเผยสำเนาคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยในเอกสารของศาลในศาลแขวงนิวเซาท์เวลส์ แสดงให้เห็นว่า ร.อ. ธรรมนัส ในชื่อ มนัส บ่อพรหม เป็นผู้ช่วยจัดเตรียมวีซ่าและตั๋วเครื่องบินในกรุงเทพฯ เพื่อจัดส่งยาเสพติด และนำพัสดุจากโรงแรมพาร์กรอยัล (Parkroyal) ในเมืองซิดนีย์ไปยังผู้ซื้อในบอนได (Bondi)
ในค่ำวันเดียวกัน เว็บไซต์มติชนเปิดคำแปลใบปริญญาเอกของ ร.อ. ธรรมนัสแบบคำต่อคำ และค้นหาชื่อมหาวิทยาลัย Calamus International University ที่ปรากฏในใบปริญญาบัตรดังกล่าวใน google กลับพบชื่อมหาวิทยาลัยดังกล่าวอยู่ในบัญชีรายชื่อสถาบันสำหรับการศึกษาขั้นสูงที่ไม่ได้รับการรับรองวุฒิการศึกษาในหลายประเทศ ซึ่งให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า สถาบันเหล่านี้อาจไม่ได้รับการยอมรับตามระบบการศึกษาของประเทศต่างๆ แม้ว่าหลายสถาบันที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าวจะเปิดทำการเรียนการสอน โดยมีสิทธิตามกฎหมายที่จะรับนักศึกษาและออกใบปริญญาบัตรก็ตาม
“หากสุดท้ายไม่มีผลงาน ลาออกเองได้ ไม่ต้องมีใครมาไล่”
เมื่อวันที่ 13 กันยายน ร.อ. ธรรมนัสระบุว่า กรณีวุฒิการศึกษาและคดีความในต่างประเทศ เขาชี้แจงไปหมดแล้ว รวมทั้งปฏิเสธข้อมูลที่มีการอ้างว่าเป็นคำพิพากษาในคดีด้วย
“มีความสบายใจ และจะไม่มีการชี้แจงเรื่องนี้อีกแล้ว เรื่องนี้เป็นเกมการเมือง และยอมรับว่าโดนกระแสโจมตีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเริ่มโดน” เขายืนยันในเจตนาที่มาเป็น ส.ส. ว่าทำเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้มาแสวงหาผลประโยชน์ “หากท้ายที่สุดไม่มีผลงาน ลาออกเองได้ ไม่ต้องมีใครมาไล่”
พร้อมกันนี้ ร.อ.ธรรมนัส แสดงความมั่นใจในสถาบันการศึกษาที่ได้รับปริญญามา ยืนยันเรื่องวุฒิการศึกษาที่ได้ชี้แจงไปแล้วว่าไม่ใช่ของปลอม และเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคล องค์กร ที่สร้างความเสียหายแก่ตัวเขาจำนวน 100 คดี โดยมอบหมายให้ทนายความดำเนินการ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตถึงประวัติเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก CSI LA ที่เปิดเผยข้อมูลเรื่องสถาบันการศึกษาว่า เป็นบุคคลที่มีคดีหนีไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส
ต่อมา เว็บไซต์บีบีซีไทยเผยแพร่บทความที่สรุปความได้ว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ เอฟซีอี (California University Foreign Credential Evaluation หรือ California University FCE) ตามที่ ร.อ. ธรรมนัส ยืนยันว่า สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกมา เว็บไซต์ของหน่วยงานนี้ให้ข้อมูลว่า สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียและมีสาขาและที่ปรึกษาทางการศึกษามากมายทั่วสหรัฐฯ และทั่วโลก มีลักษณะเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือพลเมืองชาวสหรัฐฯ และผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายให้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยเปิดศูนย์รับเลี้ยงเด็กทารก เปิดสอนเด็กในระดับก่อนวัยเรียน และศูนย์ดูแลเด็กช่วงกลางวัน และมีการแจกอาหารให้ผู้ขาดแคลนด้วย
แม้ ร.อ. ธรรมนัสยืนยันกับสื่อมวลชนว่า สถาบันการศึกษาที่เขาจบด็อกเตอร์มา “กระทรวงศึกษาธิการของรัฐแคลิฟอร์เนียให้การรับรอง” แต่ก็มีทั้งสื่อและสังคมออนไลน์สืบค้นฐานข้อมูลสถาบันการศึกษาในเว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งพบว่า มีชื่อปรากฏจริง แต่ระบุว่าเป็น “โรงเรียนอนุบาลเอกชน”
นอกจากนี้ วารสารที่ ร.อ. ธรรมนัสตีพิมพ์ผลงานวิชาการของเขานั้น ไม่ได้รับการรับรองจากฐานข้อมูลวารสารที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาของไทยใช้อ้างอิง
ตั้งวอร์รูมเตรียมดำเนินคดี
14 กันยายน ทีมอาจารย์และผู้บริหารบริษัท center for international education a & d นำหลักฐานมายืนยันกับผู้สื่อข่าว The Reporters สรุปว่า California University FCE เป็นสถานบันการศึกษาที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และรัฐแคลิฟอเนีย ให้ดำเนินงานด้านการศึกษาทุกระดับตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย จึงไม่แปลกที่จะมีการตรวจสอบพบว่ามีใบอนุญาตการศึกษาระดับมัธยม แต่มีใบรับรองจากรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาขั้นสูง ระดับปริญญาเอก สำหรับชาวต่างชาติ มีการรับรองจาก Unesco ให้ดำเนินกิจการเพื่อสังคม และสามารถนำไปสมัครงานได้เพราะได้รับรองจากสมาคมอุดมศึกษาและนายจ้าง หรือ NACE และเป็นสมาชิกสมาคมอุดมศึกษานานาชาติ เหมือนมหาวิทยาลัยชั้นนำในแคลิฟอร์เนีย แต่ มหาวิทยาลัย California University FCE ไม่มีการเรียนการสอน แต่ทำการเทียบวุฒิการศึกษา เทียบเท่าสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ
สำหรับกรณีของ ร.อ. ธรรมนัส ได้จบการศึกษา ได้ใบปริญญาเอกจริง โดยวิธีการเรียนคือการทำวิจัย โดยคณะอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งเป็นทีมพี่เลี้ยงและติวเตอร์ของบริษัทผู้แทนมหาวิทยาลัยในไทย จะคอยแนะนำเท่านั้น ผู้เรียนต้องทำการวิจัยให้ผ่านตามหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย
ช่วงบ่าย ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามการโพสต์และแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งการข่าวด้านความมั่นคงได้นำข้อมูลต่างๆ มาให้เขาด้วย เชื่อว่าต้องการทำลายความมั่นคงของรัฐบาล โดยคณะทำงานของวอร์รูมจะบันทึกเก็บหลักฐานผู้ที่แชร์ข้อความที่ไม่ถูกต้อง และสร้างความเสียหายไปดำเนินคดี ผู้ที่แชร์ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้นด้วย ทั้งนี้ เขาเชื่อว่ามีคนที่อยู่ในการเมืองอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ตัวเขาเป็นเพียงด่านแรกของรัฐบาลที่ถูกทำลาย โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล อีกทั้งภูมิหลังกลุ่มเหล่านี้ต้องการล้มเสาหลักของบ้านเมือง พร้อมกันนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแบบเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้
ในวันที่ 15 กันยายน ร.อ. ธรรมนัสได้แจ้งสื่อมวลชนเพื่อแถลงข่าวพร้อมทีมกฎหมายในวันที่ 16 กันยายน เวลา 14.30 น. แต่ในค่ำวันเดียวกัน พล.ต.ต. วรยุทธ อินทรสุวรรณ หนึ่งในทีมกฎหมายของ ร.อ. ธรรมนัส ได้แจ้งสื่อมวลชนว่า ร.อ. ธรรมนัส ได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติของ ร.อ. ธรรมนัส และมอบอำนาจให้ทีมกฎหมายแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และขอยกเลิกการแถลงข่าววันที่จะมีขึ้นวันที่ 16 กันยายนออกไป
พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ ล้างผิดไปถึงคดีที่ออสเตรเลีย
ล่าสุด 16 กันยายน พล.ต.อ. ยงยุทธ เทพจำนงค์ และ พล.ต.ต. วรยุทธ อินทรสุวรรณ ทีมกฎหมายของ ร.อ. ธรรมนัส ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ผลของกฎหมาย พ.ร.บ. ล้างมลทินฯ ทั้ง 2 ฉบับ (พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2539 และ 2550) มีผลให้ ร.ท. พชร (ชื่อและยศในขณะนั้น) ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลออสเตรเลีย และไม่เคยถูกลงทัณฑ์ทางวินัยกรณีขาดราชการ ดังนั้น ร.อ. ธรรมนัส เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย และไม่เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดตามคำพิพากษาศาล และไม่เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัย ทำให้ ร.อ. ธรรมนัส มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และดำรงตำแหน่งรัฐมตรี
นอกจากนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบวุฒิการศึกษาของ ร.อ. ธรรมนัส ว่า ตอนสมัคร ส.ส. ไม่ได้ตรวจสอบวุฒิการศึกษา เพราะไม่ได้กำหนดวุฒิเอาไว้ และตอนเป็นรัฐมนตรีก็จะตรวจสอบเฉพาะวุฒิปริญญาตรี หากจบปริญญาตรีก็ถือว่าคุณสมบัติครบ สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ ส่วนปริญญาโทและปริญญาเอกนั้น จะจบหรือไม่ก็ถือเป็นสิทธิของบุคคลนั้น แต่หากไม่จบแล้วไปแสดงว่าจบโดยแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จถือเป็นเรื่องของจริยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบกันต่อไป หากมาพบว่าผิดจริยธรรม ก็สามารถปรับออกได้
ที่มา:
- https://www.khaosod.co.th/politics/news_2702301
- https://workpointnews.com/2019/09/09/sydney-morning-herald-on-thammanat5/
- https://www.bbc.com/thai/thailand-49632539
- https://www.bbc.com/thai/thailand-49644831
- https://www.bbc.com/thai/thailand-49664369
- https://www.bbc.com/thai/thailand-49659092
- https://www.posttoday.com/world/600521
- https://www.matichon.co.th/politics/news_1667965
- https://www.thairath.co.th/news/politic/1659710
- https://www.bbc.com/thai/thailand-49684662
- https://www.khaosod.co.th/politics/news_2888168
- https://web.facebook.com/TheReportersTH/photos/pcb.2404548493128870/2404548129795573/?type=3&theater
- https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_2891517
- https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_2873405