ต้นตระกูลถูกมัดกับต้นไม้ คนสุดท้ายถูกกินโดยฝูงมด…” 

จะเป็นอย่างไรถ้ามีคำทำนายจุดจบของเผ่าพันธุ์ของเราเอาไว้ คุณจะอยากอ่านไหม แล้วคุณจะอ่านต่อไหมถ้าขณะที่อ่านอยู่นี้คือหน้าสุดท้ายของคำทำนายแล้ว ย่าทวดอูร์ซูลาผู้มีอายุครบร้อยปีเข้าใจในที่สุดว่าทุกสิ่งล้วนอุบัติซ้ำดังคำสาป นางไม่ได้สนใจคำทำนาย นางรู้ได้ด้วยประสบการณ์

.. เหตุผลข้อ 1- 7 สำหรับผู้ไม่เคยอ่าน และข้อที่ 8 สำหรับผู้เคยอ่านแล้ว

1) ถ้าคุณชอบความป๊อป นิยายเรื่องนี้ได้รับการแปลแล้วเกือบ 40 ภาษา (เป็นนิยายภาษาสเปนที่ได้รับการแปลมากที่สุดรองจาก Don Quixote ) ขายได้มากกว่า 50 ล้านเล่มทั่วโลก โอปราห์ วินฟรีย์ คัดเลือกให้แฟนคลับเธออ่าน ชาคีร่าก็หลงรัก และบารัค โอบามา ถึงกับไว้อาลัยเมื่อนักเขียนคนนี้เสียชีวิตลง

2) ถ้าคุณชอบดราม่า ไม่มีสักบรรทัดเดียวในเล่มนี้ที่จะไม่กระตุ้นความรู้สึกคุณ และเพราะว่ามันหนามาก เพราะฉะนั้นมันจึงกระตุ้นได้สารพันความรู้สึก กระทั่งความรู้สึกที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่ เรื่องราวของตระกูลอันมั่งคั่งตระกูลหนึ่งนับแต่วันแรกที่ยังไม่มีใครรู้จักน้ำแข็ง และถ้อยคำบนโลกยังมีไม่พอเรียกขานสิ่งต่างๆ ญาติพี่น้องกลายเป็นผัวเมียกัน พากันออกไปตั้งรกรากในดินแดนรกร้าง ให้กำเนิดทายาททั้งหมดหกรุ่น ต้นตระกูลคนพ่อกลายเป็นบ้า ต้นตระกูลคนแม่ประคองสติด้วยศรัทธาที่ก้ำกึ่งระหว่างการหยั่งรู้และความงมงาย ผ่านสงครามกลางเมือง ลูกชายพูดน้อยกลายเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ กลายเป็นทวดเดียวดาย ในเมืองเล็กๆ อันสิ้นหวัง เด็กหนุ่มหลงรักญาติผู้ใหญ่ของตัวเองรุ่นแล้วรุ่นเล่า เจ้าหญิงอาภัพจากแดนไกลกลายเป็นเมียจอมบงการ ชายโฉดพบรักแท้กับเด็กหญิงวัยเก้าขวบ สองเพื่อนรักเกลียดชังกันชั่วนิรันดร์ มหกรรมการสมสู่อย่างไม่รู้วันคืน จนถึงวันที่ไม่มีใครจำจุดเริ่มต้นของเรื่องราวได้อีกต่อไป คนมากมายกลายเป็นเพียงตำนาน ก่อนจะถูกลืมเลือนสนิท

3) ถ้าคุณเป็นสายเนิร์ด นี่เป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นแบบนิยายแนวสัจนิยมมหัศจรรย์ หรือ Magical Realism ซึ่งตอนที่ตีพิมพ์ในปี 1967 ยังไม่มีใครรู้จักวรรณกรรมแนวนี้ด้วยซ้ำ แวดวงวรรณกรรมละตินอเมริกายุคนั้นกำลังนิยมแนว Social Realism (สัจจนิยม/สังคมนิยม) พวกเรื่องเครียดๆ ว่าด้วยความลำเค็ญของชีวิตและการกดขี่ทางเศรษฐกิจและสังคม แต่แล้ววันหนึ่งนักข่าวชาวโคลอมเบียก็บอกเมียว่าช่วยดูแลการเงินที่บ้านหน่อยนะ จะเขียนหนังสือสักเล่ม แล้วเขาก็ลงมือเขียนไม่เว้นสักวันเดียว ต่อเนื่องเป็นเวลา 18 เดือน (ปีครึ่ง) หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว จึงเสร็จสมบูรณ์ พร้อมกับเงินออมในครอบครัวที่ใกล้แห้งขอดจนไม่พอจ่ายค่าส่งไปรษณีย์ต้นฉบับหนาปึ้กไปยังสำนักพิมพ์ ต้องใช้วิธีทยอยส่งทีละครึ่งแล้วโลกก็ได้ประจักษ์ว่าเราสามารถเล่าเรื่องหดหู่อันยาวนานของมนุษย์ได้โดยไม่ต้องเครียด แต่ยังสนุกอย่างวิเศษ เศร้าอย่างซึ้งซาบ และอ้างว้างได้เช่นวิญญาณของเราทุกคน

4) ถ้าคุณชอบการเมืองและเศรษฐกิจ เรื่องราวเล่มนี้สะท้อนการเมืองยุคหลังอาณานิคมของแถบประเทศละตินอเมริกา ซึ่งไม่มีอะไรต่างจากการเมืองทั่วโลก ที่ผู้คนยังคงหากินกับความขลาดเขลาของคนที่โง่กว่า และปกปิดเรื่องชั่วๆ อย่างการสังหารหมู่คนงาน จนวันหนึ่งมันก็กลายเป็นเพียงเรื่องตลกที่มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเคยเกิดขึ้นจริง ทั้งหมดนี้ยังไม่น่าอดสูเท่านายพันเอกชราที่รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายชวนเพื่อนทหารเฒ่าก่อการปฏิวัติอีกครั้ง เพื่อล้มล้างความเปลี่ยนแปลงอันทันสมัยที่พวกเขาไม่รู้จัก เพื่อนเฒ่าถอนหายใจโธ่ เอาเรเลียโน ฉันรู้ว่านายแก่แล้วแต่นายแก่กว่าที่ฉันเห็นเสียอีก

5) ถ้าคุณชอบแฟนตาซี แนวแมจิคัลเรียลลิสม์นั้นไม่เหมือนแฟนซีแนว The Lord of the Rings เพราะเหตุการณ์เกิดในโลกเราใบนี้ ในประเทศธรรมดาๆ ที่ยังไม่เจริญดี ไม่ใช่มิดเดิล เอิร์ธ หรือโรงเรียนฮอกวอร์ตส์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้คนในเรื่องก็เหมือนคนรอบตัวเรา เพราะฉะนั้นความแฟนซีของหนังสือเล่มนี้จึงทำให้คุณฉงนฉงายได้มากกว่า เพราะวันดีคืนดีเพื่อนบ้านของคุณก็อาจจะเป็นโรคนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่ในที่สุดคุณก็เป็นด้วย และผู้คนที่ต้องตื่นอยู่ตลอดเป็นเวลานานหลายเดือนจึงค่อยๆ สูญเสียความทรงจำ ท่ามกลางความปกติของชีวิตก็มีกระดูกในถุงผ้าที่ชอบส่งเสียงคล็อกๆ และนานหลายปีทีเดียวที่ฝนไม่ยอมหยุดสาย จองจำคนทั้งเมืองไว้ใต้ความเปียกปอนและเชื้อรา ส่วนเด็กสาวในละแวกบ้านคุณคนหนึ่งก็สวยจนเป็นเหตุให้ผู้ชายตายไปหลายคนโดยเธอไม่รู้ตัว ความงามของเธอนั้นบริสุทธิ์จนเธอไม่อาจเข้าใจความหิวกระหายของผู้ชายได้ เธอบริสุทธิ์ราวกับไม่ได้มาจากโลกนี้ และในวันแดดดีวันหนึ่ง เธอหน้าซีดเผือด แต่เธอบอกว่ากลับรู้สึกสบายดีเหลือเกิน แล้วญาติพี่น้องก็อ้าปากค้างขณะที่เธอค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ฟ้าและไม่กลับลงมาอีกเลย

6) ถ้าคุณกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิต ไม่เข้าใจชีวิต รักชีวิต หรือชังชีวิต หนังสือเล่มนี้จะมอบวิญญาณอันสดใหม่แก่คุณ และหากสังเกตดีๆ มันจะทำให้คุณรู้สึกถึงลมหายใจของตัวเองอีกครั้ง 

7) เน็ตฟลิกซ์กำลังจะสร้างเป็นซีรี่ส์เร็วๆ นี้แล้ว คุณน่าจะรีบเสพมันด้วยวิธีดั้งเดิม ซึ่งก็คือการอ่าน ก่อนที่กระแสซีรี่ส์และความง่ายขึ้นของมันจะทำให้คุณอดใจไม่ไหวและเปิดดู จริงๆ แล้วกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ’ — ผู้แต่ง ปฏิเสธที่จะขายลิขสิทธิ์ให้ผู้สร้างภาพยนตร์ทุกราย เพราะเขาไม่เชื่อว่าเทคโนโลยีใดจะย่นย่อระยะเวลาร้อยปีให้เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมงโดยรักษาอรรถรสของมันไว้ได้ หลังจากเขาเสียชีวิตในปี 2014 ลูกชายก็ตัดสินใจขายสิทธิ์ให้เน็ตฟลิกซ์เมื่อต้นปี 2019 โดยบอกว่าการทำเป็นซีรี่ส์จะทำให้มีเวลาเดินเรื่องนานกว่าภาพยนตร์ น่าจะพอถูไถกับระยะเวลาร้อยปีได้ เขาอำนวยการสร้างเองด้วย แต่ก็นั่นแหละ เขาทำเป็นลืมไปว่าพ่อเคยให้สัมภาษณ์ไว้ยังไงผมไม่ต้องการเห็นมันกลายเป็นภาพยนตร์ เพราะผมต้องการให้ผู้อ่านจินตนาการภาพตัวละครแต่ละตัวได้ตามที่พวกเขารู้สึก หากนำมาสร้างเป็นหนัง คนจะไม่สามารถวาดภาพตัวละครอย่างที่พวกเขาต้องการได้อีกเลย….” (นิตยสารเพลย์บอย กุมภาพันธ์ 1983) 

8) สำหรับคนที่อ่านฉบับแปลไทยจากสำนักพิมพ์อื่นมาแล้วก่อนหน้านี้ อยากบอกว่าดิฉันก็เช่นกัน ลีลาการแปลสำนวนโดยปณิธาน – ร.จันเสน นั้นสละสลวยเหนือชั้นเหลือเกิน หลายถ้อยความยังคงฝังแน่นในสำนึก และคงจะฝังไปจนตาย แม้ล่าสุดสำนักพิมพ์บทจรจะนำมาแปลและพิมพ์ใหม่อีกครั้ง แต่สำหรับดิฉัน มันยังคงเป็น ‘บูเอนดิยา’ ไม่ใช่ ‘บวนเดีย’ ‘โอเรลิยาโน’ ไม่ใช่ ‘เอาเรเลียโน’ ซึ่งเป็นความประทับใจส่วนตัวล้วนๆ เพราะชื่อตระกูลนี้อ่านว่าบวนเดียถูกแล้ว ไม่ใช่บูเอนดิยา ดิฉันจำต้องยอมรับว่าฉบับแปลใหม่ของบทจรนั้นค้นคว้าการแปลและถอดการออกเสียงตามหลักภาษาสเปนมาอย่างรัดกุมยิ่งนัก คุณจึงควรซื้อหนังสือเล่มนี้ของสำนักพิมพ์บทจรอีกครั้ง โดยเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ เงินในการซื้อครั้งนี้ของคุณส่วนหนึ่งจะตกไปถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง อีกส่วนหนึ่งจะเป็นค่าตอบแทนความเพียรสิบปีของสำนักพิมพ์ในการติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ เพราะ หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ฉบับแปลของสำนักพิมพ์บทจรเป็นฉบับภาษาไทยฉบับแรกและฉบับเดียวในปัจจุบัน ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ผลงานอันมีลิขสิทธิ์นี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

Fact Box

หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว
ผู้เขียน: กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ
ผู้แปล: ชนฤดี ปลื้มปวารณ์

สำนักพิมพ์บทจร