ฮิโรเสะ ซึสึ นักแสดงและนางแบบสาวชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปี ที่ช่วงสามปีที่ผ่านมาเราต่างได้เห็นหน้าค่าตาเธอบนจอภาพยนตร์อยู่เป็นประจำ ก่อนหน้านี้ซึสึมีผลงานการแสดงอยู่บ้างทางซีรีส์โทรทัศน์ และปรากฏตัวในภาพยนตร์เพียงตัวประกอบเล็กๆ จวบจนการมาถึงบทบาทน้องเล็กผู้เป็นที่รักในเรื่อง Our Little Sister (2015) ของผู้กำกับฮิโรคาสุ โคเรเอดะ ซึ่งนับว่าเป็นการแจ้งเกิดเธอในฐานะนักแสดงมืออาชีพ และทำให้ซึสึกลายเป็นเด็กสาวที่เราต่างยกหัวใจให้
นับแต่นั้นมาเธอก็มีผลงานออกมาให้เราได้ติดตามกันทุกปี ตั้งแต่ภาพยนตร์ดราม่า โรแมนติก คอมเมดี้ และระทึกขวัญ ถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยฝีไม้ลายมือที่รับมือได้กับทุกบทบาท และความน่ารักสดใสจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะขโมยหัวใจทั้งชายและหญิงไปได้ ส่วนใครอยากทำความรู้จักกับซึสึดูบ้าง สามารถไปหลงรักเธอได้เลยจากภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่องนี้
Chihayafuru (2016)
รับบท อายาเสะ จิฮายะ หญิงสาวผู้รักการเล่นคารุตะ
หาก Hikaru no Go (ฮิคารุเซียนโกะ) เป็นมังงะที่ปลุกกระแสการเล่นโกะให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง Chihayafuru (จิฮายะ กลอนรักพิชิตใจเธอ) ก็คงจะเป็นมังงะที่ทำให้การละเล่นไพ่คารุตะเป็นที่แพร่หลายอีกหน หลังจากคว้าทั้งรางวัล Manga Taisho Award ครั้งที่ 2 และ Kodansha Manga Award for best Shoujo ครั้งที่ 35 มาได้ มังงะ Chihayafuru ก็ถูกหยิบนำไปดัดแปลงเป็นทั้งไลท์โนเวล และอนิเมะความยาว 25 ตอน จนมาถึงในปี 2016 ภาพยนตร์ภาคแรกแห่งวงการไพ่คารุตะก็ออกมาให้เราได้ติดตามกัน
จิฮายะ, อาราตะ และไทจิ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน เดิมทีอาราตะเป็นเด็กที่มักโดนกลั่นแกล้ง เพราะเขาเป็นนักเรียนที่ย้ายมาใหม่ จิฮายะที่มีใจบริสุทธิ์จึงช่วยเหลือเขาไว้ นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้จิฮายะได้รู้จักกับการเล่นคารุตะ อาราตะเล่นคารุตะได้อย่างชำนาญ และมันก็เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ จิฮายะหลงใหลการเล่นคารุตะทันที เมื่อไทจิ เพื่อนสนิทที่แอบชอบจิฮายะรู้เข้า เขาจึงเข้ามาร่วมเล่นคารุตะด้วยอีกคน
หลังจากจบการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา อาราตะก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ตัวเขาและการเล่นคารุตะไม่เคยห่างหายไปจากหัวใจของจิฮายะเลย ครั้นเรียนมัธยม จิฮายะกับไทอิจิพบกันอีกครั้ง เธอจึงตั้งชมรมไพ่คารุตะขึ้น เพื่อจะได้เข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์ระดับชาติ และหวังว่าจะพบกับอาราตะที่นั่น พร้อมๆ กันนั้นจิฮายะก็ตั้งมั่นว่าเธอจะต้องเป็นควีนของคารุตะให้ได้ ความรักสามเส้าระหว่างพวกเขาได้ก่อตัวแล้วตั้งแต่วันแรกที่พบกัน แต่มันยังพ่วงมาด้วยมิตรภาพและความฝัน ซึ่งแต่ละคนต่างต้องฝ่าฟันไปให้ได้
แม้ว่าภาพยนตร์จะมีวัฒนธรรมเฉพาะของญี่ปุ่นอย่างการเล่นไพ่คารุตะอยู่ แต่ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเข้าไม่ถึง เพราะแกนของเรื่องจริงๆ อยู่ที่มิตรภาพ ความรักและความฝัน มันเป็นการต่อสู้เพื่อก้าวข้ามหัวใจตัวเอง การใช้ชีวิตอย่างมีจุดหมาย และความมุ่งมั่นที่จะทำบางอย่างให้สำเร็จ ซึ่งมันทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึกตื้นตันไปด้วย เพราะอย่างน้อยๆ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เราเองก็มีสิ่งที่ต้องฝ่าฟันเช่นกัน
Your Lie in April (2016)
รับบท มิยาโซโน คาโอริ เด็กสาวนักไวโอลิน
Your Lie in April ดัดแปลงมาจากมังงะในชื่อเดียวกัน ผลงานของนาโอชิ อาราคาวะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารรายเดือน Monthly Shounen Magazine และจำหน่ายในฉบับหนังสือการ์ตูน 11 เล่มจบ ทั้งยังถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะความยาว 22 ตอน (สามารถรับชมได้ทาง Netflix)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำในระยะเวลาเพียง 1 เดือน แต่นักแสดงนำทั้งสองอย่างฮิโรเสะ ซึสึ และยามาซากิ เคนโตะ เริ่มฝึกไวโอลินและเปียโนเป็นเวลาถึง 6 เดือนก่อนเปิดกล้อง ผลของการฝึกนั้นเด่นชัดในภาพยนตร์ ซึ่งทั้งคู่สามารถสร้างความเคลื่อนไหวที่งดงาม และถ่ายทอดอารมณ์ของการเล่นบทเพลงออกมาได้อย่างน่าชื่นชม
โคเซย์ อะริมะ เด็กชายอัจฉริยะผู้มีความสามารถด้านเปียโนตั้งแต่เด็ก เขาฉายแววเก่งกาจ ได้รับคำยกย่อง และกวาดรางวัลมามากมาย แต่ในความสำเร็จนั้นกลับมาความเจ็บปวดซ่อนอยู่ เพราะเขาถูกแม่เคี่ยวเข็ญให้ทุ่มเทกับการฝึกทุกวัน จนเมื่อเขารู้สึกกดดันอย่างถึงที่สุด โคเซย์จึงไม่ได้ยินเสียงเปียโนที่ตัวเองเล่นอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อแม่เสียชีวิตลง เขาก็เลิกเล่นเปียโน และตกอยู่ภายใต้โลกที่ขาดไร้สีสัน
ชีวิตของโคเซย์ต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เมื่อเขาพบกับคาโอริ เด็กสาวนักไวโอลินที่เพื่อนเขาตกหลุมรัก เธอสดใสร่าเริง มีความมุ่งมั่น และมีความสุขเสมอเมื่อได้เล่นดนตรี ความสามารถของคาโอรินั้นทำให้หัวใจของโคเซย์ต้องสั่นคลอน เธอค่อยๆ ดึงเขากลับมาสู่โลกของดนตรี เปลี่ยนโลกที่มืดหม่นให้สว่างไสว ฉุดดึงความกลัวออกไปจากจิตใจ และผลักดันให้โคเซย์แสดงพรสวรรค์ของตน สิ่งที่คาโอริทำไม่ใช่แค่เพื่อช่วยโคเซย์เท่านั้น เพราะเธอก็กำลังช่วยเหลือตัวเองจากสิ่งเลวร้ายที่ตัวเองเผชิญอยู่เช่นกัน
Your Lie in April ทำให้เราได้เห็นแง่มุมของความรัก ไม่ว่าจะกับเพื่อน คนในครอบครัว หรือแม้แต่คนรอบข้าง หากเรามีหัวใจที่ปิดตาย ชีวิตที่มีอยู่ก็คงเป็นไปอย่างยากลำบาก ความสูญเสียเกิดขึ้นเสมอ ทั้งจากความรู้สึกและความตาย เมื่อยังหายใจ เราจึงมีแต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็งเท่าที่จะทำได้ และมีรอยยิ้มให้ได้มากที่สุด
SENSEI ! (MY TEACHER) (2017)
รับบท ฮิบิกิ ชินาดะ เด็กสาวมัธยมปลายที่แอบชอบอาจารย์
ความรักนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่จะเกิดขึ้นกับใครในลักษณะไหนนั้น เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะคาดเดา แล้วความรักที่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนก็คงไม่สามารถจำกัดให้อยู่ได้แค่ในหมู่เด็กหนุ่มและเด็กสาว เพราะบ่อยครั้งมันก็พุ่งเป้ามาที่บรรดาอาจารย์ด้วย มังงะตาหวานสุดฮิต ผลงานของคาซึเนะ คาวาฮาระ จึงหยิบประเด็นนี้มาเล่า เมื่อเด็กสาวตกหลุมรักอาจารย์ในโรงเรียนของตัวเอง
ฮิบิกิ ชินาดะ เด็กสาวชั้นมัธยมที่ไม่ค่อยมีจะรู้สึกมีความรักโรแมนติกอย่างใครเขาเท่าไร เธอชื่นชอบกีฬายิงธนูและใช้เวลาอยู่กับเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ แต่แล้วหัวใจของฮิบิกิก็เปลี่ยนไป เมื่อเธอดันได้เข้าใกล้โคซาคุ อิโต้ บ่อยเข้า อิโต้เป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเยือกเย็นและเคร่งเครียดที่สุด
จากเดิมที่ฮิบิกิมีความสนใจในตัวอาจารย์อยู่แล้ว มันจึงยิ่งทำให้เธอสั่นไหวมากขึ้น เธอได้ตกหลุมรักอาจารย์อิโต้เข้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ฮิบิกิแสดงออกอย่างจริงใจว่าชอบอาจารย์อิโต้และปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกตัวเอง แต่ด้วยสถานะของเธอกับเขา อิโต้จึงพยายามเว้นระยะห่างให้ได้มากที่สุด ซึ่งต่อมาเธอเดิมพันความรักไว้กับการสอบ หากว่าฮิบิกิสอบวิชาประวัติศาสตร์ได้มากกว่า 90 คะแนน อาจารย์อิโต้จะต้องยอมให้เธอรักเขา แม้ว่าเขาจะไม่เหลียวมองเธอเลยก็ตาม แต่การไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ของฮิบิกิก็กำลังทลายกำแพงในใจของอิโต้อยู่เช่นกัน
เนื้อหาของเรื่องราวไม่มีอะไรสลับซับซ้อน มันตั้งอยู่บนความหมิ่นเหม่ ซึ่งเป็นความรักต้องห้ามที่สังคมตีกรอบเอาไว้ ภาพยนตร์เล่าออกมาอย่างเรียบง่าย ให้เราเฝ้ามองการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ มันออกจะหวานจนเลี่ยนด้วยซ้ำ แต่ด้วยโทนของภาพยนตร์และการแสดงของตัวละครหลักนั้นสามารถทำให้หัวใจคนดูจั๊กจี้ตามไปได้ จึงหักลบกลบความเลี่ยนไปได้บ้าง มันคือความไร้เดียงสาของวัยเยาว์ที่เราแต่ละคนเคยมี แม้จะมีต่อคนที่ต่างกันก็ตาม
Let’s Go Jets (2017)
รับบท โทโมนากะ ฮิคาริ เด็กสาวมัธยมปลาย ผู้เปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
Let’s Go Jets ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของชมรมเชียร์ลีดเดอร์ที่ชื่อว่า “JETS” จากโรงเรียนมัธยมฟุคุอิ โรงเรียนเล็กๆ ในจังหวัดไกลปืนเที่ยงของญี่ปุ่น ชมรมนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2006 และนับตั้งแต่นั้นมา สมาชิกในชมรมก็ทุ่มเทให้กับการแข่งขัน เดินสายเข้าร่วมประกวดในหลายเวที จนกระทั่งประสบความสำเร็จ พวกเธอกลายเป็นแขมป์การแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์ NDA (National Dance Alliance) ถึง 5 ครั้ง
โทโมนากะ ฮิคาริ สาววัยใสที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ชีวิตมัธยมปลายมาหมาดๆ ในช่วงแรกของการเข้าเรียน ชมรมต่างๆ จึงมาหาเด็กใหม่กันอย่างคึกคัก ฮิคาริเองก็กำลังมองหาชมรมสำหรับตัวเองเช่นกัน แล้วเธอก็ตกลงปลงใจกับชมรมเชียร์ลีดเดอร์ เพราะคิดว่าเท่ดี รวมถึงจะได้ไปเชียร์คนที่เธอแอบชอบอย่าง โคสุเกะ เด็กหนุ่มสุดฮอตนักฟุตบอลประจำโรงเรียน
หลังจากเข้าชมรมไป ฮิคาริ ก็ต้องพบกับความหฤโหดของอาจารย์ซาโอโตเมะ ที่ปรึกษาชมรมสุดเขี้ยว ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะพาชมรมไปไกลและคว้าชัยถึงอเมริกา มาพร้อมกับกฎเหล็กว่า “ห้ามเหนื่อย ห้ามท้อ และห้ามมีความรัก!” การฝึกอย่างเข้มข้นทำให้มีคนถอดใจไปหลายคน แต่เด็กใหม่ทั้ง 24 คน ซึ่งมีทั้งคนที่คิดว่าตัวเองไม่เอาไหน คนไม่มีทักษะการเต้น และคนที่ไม่น่ารักอย่างเด็กสาวคนอื่นๆ พวกเธอกลับไม่ยอมถอดใจและสู้ต่อ อาจจะมีจังหวะที่ท้อถอยบ้าง หากแต่พวกเรายังร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟัน ความสำเร็จก็คงใกล้เข้ามาได้ไม่ยาก!
การแข่งขันนั้นย่อมมีทั้งความพ่ายแพ้และชัยชนะ เราไม่อาจชนะได้ตลอดไป และไม่อาจแพ้ไปตลอดกาล ทุกการแข่งขันคือการเรียนรู้ ยอมรับ และพัฒนา ในบางครั้งเราก็ไม่สามารถจะเดินหน้าไปคนเดียวได้ บางอย่างจะประสบความสำเร็จได้ก็จากการร่วมแรงร่วมใจ และมองเห็นเป้าหมายในสิ่งเดียวกัน มันอาจไม่ถึงฝั่งฝันเสมอไป แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราได้พยายามทำมันอย่างเต็มที่แล้ว หากมองย้อนกลับมาก็คงไม่นึกเสียดาย
Sunny: Our Hearts Beat Together (2018)
รับบท นามิ นักเรียนหญิงมัธยมปลาย หนึ่งในก๊วนเพื่อนแก๊งซันนี่
Sunny: Our Hearts Beat Together เป็นภาพยนตร์รีเมคจากภาพยนตร์เกาหลี เรื่อง Sunny (2011) ถ่ายทอดความรักและมิตรภาพระหว่างแก๊งเพื่อนสาวจากวัยมัธยมปลายในยุค 90 จวบจนเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี การรวมตัวกันอีกครั้งภายใต้สภานการณ์ที่เปลี่ยนไปจึงเกิดขึ้น ภาพยนตร์กำกับโดยฮิโตชิ โอเนะ จาก Bakuman (2015) และควบคุมการสร้างโดย เก็งคิ คาวามุระ โปรดิวเซอร์ผู้สร้าง Your Name (2016)
ภาพยนตร์เริ่มต้นจากการพบกันโดยบังเอิญระหว่างนามิและเซริกะ พวกเธอคือเพื่อนเก่าที่สนิมสนมและอยู่แก๊งเดียวกัน ซึ่งมีชื่อว่าแก๊งซันนี่ หลังจากเรียนจบเด็กสาวทั้ง 6 คนจากแก๊งซันนี่ก็มีชีวิตและเส้นทางของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป นามิจึงไม่ค่อยได้พบหรือติดต่อเพื่อนเก่าอีกสักเท่าไร การพบกับเซริกะครั้งนี้จึงเป็นทั้งเรื่องโชคดีและโชคร้าย โชคดีที่ได้พบเพื่อน ได้เห็นว่าเธอยังมีนิสัยใจคอน่ารักเหมือนเดิม แต่โชคร้ายที่เซริกะกำลังป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งเธอจะมีชีวิตอยู่อีกแค่ไม่นาน
ความปรารถนาสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไปของเซริกะคือการเจอเพื่อนๆ แก๊งซันนี่ทุกคนอีกครั้ง เมื่อนามิรู้เข้า เธอจึงพยายามทุกวิถีทาง เพื่อตามหาทุกคน ซึ่งมันก็ไม่ง่ายเลย เพราะตลอดระยะเวลาที่ห่างเหินกันไป แต่ละคนก็มีชีวิตและหน้าที่ต่างๆ กัน บางคนมีหน้าที่การงานที่ดี บางคนกำลังตกทุกข์ได้ยาก มิตรภาพที่เคยมีในวันวานจะยังสามารถเชื่อมโยงพวกเธอไว้ได้หรือไม่? คำว่าเพื่อนกันตลอดไปจะเป็นแค่เพียงคำพูด หรือการกระทำที่ส่งถึงกัน…
ภาพยนตร์จะเล่าสลับกันไปมาระหว่างปี 1990 กับปี 2018 ภาพความรักความผูกพันครั้งเก่าก่อนจะย้อนกลับมา มิตรภาพที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น รวมถึงเรื่องราวหลายหลากที่อัดแน่นอยู่ในวัยมัธยมปลาย ความรักครั้งแรก การอกหักครั้งแรก การทะเลาะกับเพื่อน การคืนดี การให้อภัย และวีรกรรมบ้าๆ บอๆ อีกหลายอย่าง ทั้งหมดเป็นอดีตที่หอมหวานและปะปนไปด้วยความเศร้า เนื้อหาของภาพยนตร์เล่นกับ Nostalgia ได้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะวัฒนธรรมในยุค 90 ที่มาเต็มทุกรายละเอียด และมันก็ค่อยๆ เข้ามาเติมเต็มหัวใจเราให้พองโตด้วยความหลังอันงดงาม
Tags: ภาพยนตร์, ญี่ปุ่น, ฮิโรเสะ ซึสึ