เมื่อมองภาพรวมของอุตสาหกรรมมังงะ มันยังคงทำรายได้มหาศาลทั้งในและต่างประเทศ แต่ในความเป็นจริงก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยจากพฤติกรรมการเสพและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ยอดขายเริ่มซบเซา การละเมิดลิขสิทธิ์กลายเป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรง หากเรื่องไหนไม่เป็นที่นิยมจริงๆ ก็อาจหายไปเงียบๆ อย่างไร้ร่องรอย

ถึงอย่างนั้น มังงะอีกจำนวนไม่น้อยก็ผงาดขึ้นมาเชิดหน้าชูตา ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะ รวมถึง Live Action ซึ่งบางเรื่องเราอาจจะนึกสงสัยว่า แปรรูปแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะได้รสเหมือนตอนเป็นฉบับหนังสือหรือไม่—นั่นเป็นเรื่องที่ต้องขอให้พิสูจน์กันเอง

Assassination Classroom (2015)

Assassination Classroom เป็นมังงะยอดนิยมบนนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์โชเน็นจัม ดัดแปลงเป็นทั้งอนิเมะซีรีส์ และภาพยนตร์ Live Action สองภาคด้วยกัน ซึ่งสำหรับภาพยนตร์นั้นเปิดตัวด้วยรายได้ 3.42 ล้านเหรียญ จากการขายบัตรกว่า 3.5 แสนใบภายในสัปดาห์แรก โดยมีรายงานว่าผู้ชม 90% เป็นผู้หญิง ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะดาราและศิลปินที่เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องด้วย

บางคนอาจนึกสงสัยในรอยยิ้มสีเหลืองที่ปรากฎหราอยู่บนปก (และตัวละคร) ว่ามีที่มาจากอะไร เพราะตั้งแต่เห็นแวบแรกมันก็กลายเป็นที่จดจำทันที ในงาน New York Comic-Con ปี 2016 ยูเซย์ มัตสึอิ ให้คำตอบเอาไว้ว่า “มันไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเหมือนกัน แม้แต่การ์ตูนของอเมริกาก็ยังมีพวกมินเนียนส์และเดอะ ซิมป์สันส์ ทุกคนเป็นสีเหลือง ซึ่งดูเหมือนว่ามันมีสิ่งดึงดูดสำหรับเด็กๆ ที่ชอบตัวละครสนุกๆ สีเหลือง”

เรื่องราวเปิดตัวให้เห็นถึงความพยายามของทหารญี่ปุ่นกับการทำภารกิจหนึ่ง แล้วตัดไปที่ห้องเรียนห้องหนึ่ง สิ่งมีชีวิตประหลาดรูปร่างคล้ายปลาหมึกกำลังแนะนำตัวอยู่หน้าชั้น เขาคือผู้ทำลายดวงจันทร์ และภายในต้นปีหน้าก็จะทำลายโลกใบนี้ทิ้งด้วย แต่ตอนนี้เขามาทำหน้าที่ครูประจำชั้นของห้องเรียน E ที่มาจากคำว่า End ห้องเรียนบ๊วยสุดของโรงเรียนมัธยมฯ คุนุกิงาโอกะ ซึ่งนักเรียนห้องนี้ไม่ได้มีหน้าที่เรียนเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องลอบสังหาร โคโระเซนเซย์ ครูประหลาดคนนี้ให้ได้ก่อนจบการศึกษาด้วย ใครที่ทำภารกิจนี้สำเร็จ จะได้รับเงินรางวัล 10,000 ล้านเยน นี่คือจุดประสงค์ของรัฐบาล และโคโระเซนเซย์ก็รู้ดีว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมาย

นอกจากการมาเพื่อทำลายล้างโลกแล้ว ไม่มีใครรู้ความต้องการที่แท้จริงของโคโระเซนเซย์ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตฆ่าไม่ตาย เพราะมีความสามารถในการเอาตัวรอดและการโจมตี แต่ในฐานะคุณครูแล้วก็ต้องบอกว่าเขาเอาใจใส่นักเรียน ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอน รวมถึงไม่ตอบโต้จนทำให้นักเรียนบาดเจ็บ เขาเป็นครูที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจุดนี้นี่ละที่อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้เป็นไปในอีกทิศทางหนึ่ง นอกเหนือจากการพยายามฆ่าและเอาชนะกัน

Orange (2015)

ผลงานมังงะ Orange ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Bessatsu Margaret ปี 2012 ก่อนออกมาเป็นฉบับรวม 5 เล่มจบในปี 2016 ดัดแปลงเป็นอนิเมะและ Live Action ซึ่งในส่วนหลังนี้ทำรายได้ไปร่วม 30 ล้านเหรียญในประเทศญี่ปุ่น กลายเป็น 1 ใน 10 อันดับของภาพยนตร์ที่ทำได้รายสูงสุดในปี 2016

พล็อตเรื่องของ Orange อาจไม่แปลกใหม่ แต่ความน่าสนใจคือประเด็นที่ซ่อนไว้อย่างแยบยลหลังจากนั้น คำถามที่ว่า—ถ้าหากย้อนเวลาไปสิบปี เราอยากบอกอะไรกับตัวเอง นี่แหละคือคำถามที่ นาโฮะ ทากามิยะ คงทั้งอยากถามและอยากแก้ไข นาโฮะในอนาคตจึงส่งจดหมายไปหาตัวเองใน 10 ปีก่อน ซึ่งจดหมายนั้นก็ถึงมือเธอในอดีตจริงๆ

ในจดหมายบอกเล่าเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ตอนอ่าน—นาโฮะก็ยังไม่ได้เชื่อเสียทีเดียว เธอกลับตั้งแง่สงสัยด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร แต่เมื่อเหตุการณ์ดำเนินไปตรงกับสิ่งที่จดหมายบอกไว้ไม่ผิดเพี้ยน ถึงตอนนั้นแหละที่เธอปักใจกับทุกตัวอักษร 

ใจความสำคัญคือเรื่องระหว่างนาโฮะกับนารุเสะ คาเครุ เด็กหนุ่มที่ย้ายมาใหม่ เธอจะได้รู้จักเขา สนิทสนม และมีความรู้สึกพิเศษกับเขา จวบจนวันที่เขาจากไป เมื่อรู้แบบนี้แล้วเธอจะทำอย่างไร จะสามารถหยุดความเป็นไปได้ไหม หรือท้ายที่สุดมันก็ต้องเป็นไปตามที่จดหมายระบุไว้ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นตัวเธอในอนาคตก็คงต้องนึกเสียใจจนวันตายใช่ไหม นอกจากนี้ ไม่ใช่นาโฮะคนเดียวที่ได้รับจดหมาย แต่ยังมีฮิโรโตะ ซึวะ—ผู้กุมความลับของนารุเสะ เพื่อนรักของเขาไว้ด้วย

Blade of The Immortal (2017)

มังงะซามูไรแอคชั่นสุดเดือดของ ฮิโรอากิ ซามูระ นักเขียนการ์ตูนหัวแก้วหัวแหวนของนิตยสาร Monthly Afternoon ฉบับรวมเล่มแปลไทยคือ ‘ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี’ เรื่องราวของการเดินทางเพื่อไถ่บาปของ มันยิ มาซะ นักดาบฝีมือฉกาจผู้สังหารซามูไรมานับร้อย แต่มีชนะก็ย่อมมีแพ้ ในศึกครั้งหนึ่งมาซะใกล้ตาย หากไม่ได้แม่ชียาโอบิคุนิช่วยไว้ก็คงไม่รอด แม่ชีได้มอบหนอนเซียนเลือดฝังในร่างเขาเพื่อให้รอดชีวิต…และกลายเป็นอมตะ 

อีกฟากฝั่งเป็นเรื่องของ อาธาโนะ ริน เด็กสาวที่ไม่เหลือใครในชีวิต เพราะคนในครอบครัวถูกฆ่าตายหมด เธอจึงสาบานว่าจะต้องล้างแค้นให้กับพ่อแม่ แล้วออกเดินทางไปฝึกวิชา ชะตาชีวิตชักพาเธอไปเจอแม่ชียาโอบิคุนิ แม่ชีแนะนำให้รินจ้างคนมาคุ้มครองและบอกกลายๆ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร รินต้องการล้างแค้น มาซะต้องการล้างบาป คงไม่มีใครที่คู่ควรกันมากไปกว่านี้ เส้นทางนองเลือดจึงเริ่มต้นขึ้น!

มังงะเรื่องนี้ใช้เวลายาวนานถึง 19 ปีถึงจบสมบูรณ์ เป็นการตูนที่โด่งดังและน่าจับตามองอย่างยิ่ง ตัวภาพยนตร์เองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะได้ผู้กำกับฯ ชื่อดังอย่างทาคาชิ มิอิเกะ ผู้เคยมีผลงานอย่าง Audition, Ichi the Killer และ 13 Assassins

ถึงทุกอย่างจะปูทางมาอย่างสมบูรณ์ด้วยความนิยมของมังงะและโปรไฟล์ของผู้กำกับฯ แต่ผลลัพธ์กลับกันในแง่ของรายได้และเส้นเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เพราะมันไม่สู้จะถูกใจบรรดาแฟนๆ ที่ตั้งตารอ จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะย่อหนังสือจำนวน 30 เล่มให้จบภายในเวลาสองชั่วโมงเศษ ซึ่งสาระสำคัญในเรื่องย่อมต้องมีการลดทอนลงเป็นธรรมดา แม้มาตรฐานของผู้กำกับฯ ชั้นเลิศอย่างมิอิเกะไม่ได้พร่องฝีมือในเรื่องภาพสวย หรือฉากบู๊เลือดสาด แต่โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไปไม่ถึงดวงดาว และแฟนๆ ก็ยังบ่นผิดหวังมาถึงทุกวันนี้ 

Gintama (2017)

มังงะที่ดูผ่านๆ แล้วเหมือนไม่มีแก่นสารอะไรนอกจากมุขฮา แต่ถ้าใครติดตาม Gintama มาตลอดสิบห้าปีก็จะบอกได้เลยว่าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะสิ่งที่สอดแทรกไว้ก็คือประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของญี่ปุ่นในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งทำให้เหล่าซามูไรต่างตกที่นั่งลำบากกันหมด

เนื้อหาในภาพยนตร์ไม่ได้เล่าเรื่องตั้งแต่มังงะเล่มแรก แต่เลือกเล่าในช่วงเล่มที่ 11-12 ซึ่งเคยสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมะมาก่อน ในแง่ภาพนั้น ผู้กำกับฯ ยูจิ ฟุกุดะ บอกว่าได้รับอิทธิพลมาจาก  Mary Poppins (1964) โดยให้เหตุผลว่าเพราะมันมี Visual Effect ที่ไม่สมจริง ทำให้ภาพที่ได้มีความเป็นแฟนตาซีไลฟ์แอ็คชันมากกว่า Gintama ทำรายได้ถึง 34.6 ล้านเหรียญในญี่ปุ่น ทำให้เป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสามของปี 2017

เดิมทีญี่ปุ่นมีการปกครองในรูปแบบหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมืองหลวงเอโดะก็มีมนุษย์ต่างดาวที่เรียกว่า ‘ชาวสวรรค์’ มาตั้งรกราก กุมอำนาจ และออกกฎหมายใหม่ ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคซามูไร ซากาตะ กินโทกิ มีฉายาว่า ‘ชิโรยาฉะ’ เขาเป็นคนที่ยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณของซามูไร แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เขาจึงต้องมาเปิดร้านรับจ้างสารพัด โดยมีผู้ช่วยสองคนคือ ชิมูระ ชินปาจิ และคางุระ

ภารกิจครั้งนี้เริ่มต้นที่การก่อการร้าย พวกเขาเข้าไปพัวพันกับฆาตกรต่อเนื่อง กินโทกิได้รับการจ้างวานให้ตามหาดาบต้องสาปเบนิซากุระที่ถูกขโมยไปและฆาตกรใช้เป็นอาวุธ ดาบนี้ถูกเล่าขานว่ามันจะกลืนกินผู้ใช้ไปทีละน้อย ซึ่งอาจก่อให้เกิดเรื่องร้ายต่างๆ ตามมาอีกมาก แต่เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นมีอะไรมากกว่านั้น หรือบางทีกินโทกิอาจเป็นเป้าหมายของเรื่องร้ายและความวุ่นวายนี้ก็เป็นได้

Inuyashiki (2018)

Inuyashiki ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากมังงะสุดฮิตของ ฮิโรยะ โอคุ ผู้วาดมังงะเรื่อง Gantz ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวเช่นเดียวกัน และยังคงไว้ซึ่งภาพความรุนแรงเลือดสาด ฉากต่อสู้ทำลายล้างมนุษยชาติ โดยฉบับ Live Action มีชินสุเกะ ซาโต้ จาก I Am a Hero และ Gantz มาเป็นผู้กำกับฯ

การลงมือเขียนเรื่องนี้ของฮิโรยะ มาจากจุดเริ่มต้นที่บรรณาธิการจาก Kodansha ถามเขาว่าอยากทำมังงะชุดต่อไปสำหรับนิตยสารฉบับนี้ไหม พอดีในช่วงนั้นฮิโรยะสุ่มดู Astro Boy แล้วผุดไอเดียขึ้นมา มันจึงเป็นที่มาของคนธรรมดาที่ (ใกล้) ตายและถูกแทนที่ด้วยสุดยอดหุ่นยนต์ 

“เมื่อพวกเขากลายเป็นหุ่นยนต์ พวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความว่างเปล่าในชีวิต…เพื่อเติมเต็มช่องว่าง…คนคนหนึ่งจึงกลายเป็นคนดี และอีกคนกลายเป็นคนชั่วร้าย ท้ายที่สุดพวกเขาต้องเผชิญหน้ากัน” ฮิโรยะกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์หนึ่ง

ตัวเอกของเรื่องคือ อิจิโร่ อินุยาชิกิ คุณลุงวัย 58 ปี เขาคือคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่มีคนนับหน้าถือตา และล้มเหลวในการเป็นผู้นำครอบครัว ในวัยใกล้เกษียณเขาพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายที่คาดว่าคงมีชีวิตได้อีกเพียงสามเดือน ขณะที่อินุยาชิกิกำลังสิ้นหวัง เขาก็พบสุนัขตัวหนึ่งซึ่งนำทางเขาไปที่สวนสาธารณะ และบังเอิญเขาถูหมนุษย์ต่างดาวฆ่า ดังนั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ อินุยาชิกิจึงถูกซ่อมแซมร่างขึ้นมาใหม่

แต่ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มมัธยมฯ ปลาย ฮิโระ ชิชิกามิ ก็ได้รับความสามารถแบบเดียวกับอินุยาชิกิ ทั้งคู่ต่างกลายร่างเป็นเครื่องจักรสมรรถนะสูง แต่ด้วยพื้นฐานจิตใจแตกต่างกัน แต่ละคนจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งใหม่ในทิศทางของตัวเอง คนหนึ่งโอบอ้อมอารี คนหนึ่งเกลียดชังฝังลึก เมื่อเป็นอย่างนั้น การปะทะกันของทั้งสองจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะคงมีเพียงอินุยาชิกิเท่านั้นที่จะหยุดชิชิกามิได้

Tags: , , , ,