ความรู้สึกนั้นช่างซับซ้อน บางความสัมพันธ์จึงซ่อนเงื่อนไว้หลายปมเพื่อให้เราแก้ แต่บางครั้งต่อให้พยายามแค่ไหนปมนั้นก็ไม่อาจคลายได้ เหมือนการที่ใครสักคนอยากจะก้าวข้าม FRIEND ZONE ซึ่งสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดว่าเราเป็นใครอื่นเลย นอกจาก ‘เพื่อนที่ดี’ 

เฟรนด์โซนเป็นความอึดอัดคับใจของใครหลายๆ คน จากงานวิจัยนั้นพบว่าในความสัมพันธ์ชายหญิง ผู้ชายมักมีความดึงดูดใจในเพื่อนหญิงมากกว่าที่ผู้หญิงมองเพื่อนชาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าผู้ชายจะประสบปัญหานี้มากกว่า แล้วเมื่อคุณตกอยู่ในสถานะนั้นแล้วมันก็ยากที่จะสานต่อความสัมพันธ์ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา หัวใจคนเราเปลี่ยนแปลงและเติบโตอยู่ตลอดเวลา จังหวะชีวิตของเราอาจจะเข้ากันสักวันก็ได้ แต่ก่อนนั้นมาพักผ่อนหย่อนใจด้วย 5 ภาพยนตร์เฟรนด์โซนไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน

One Day (2011)

วันสำคัญในชีวิตของคุณคือวันอะไรบ้าง มันอาจเป็นวันเกิดคุณเอง วันที่ฉลองจบการศึกษา วันแรกของการทำงานหรือวันอะไร สำหรับใครบางคน มันอาจเป็นวันที่ระลึกถึงคำมั่นสัญญากับใครคนหนึ่ง

One Day สร้างมาจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกัน นำแสดงโดยนักแสดงสาวเจ้าบทบาท แอนน์ แฮททาเวย์ และจิม สเตอร์เจสส์ ชายหนุ่มที่ฝีมือการแสดงไม่เป็นรองกัน ผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิงชาวเดนมาร์ก โลน เชอร์ฟิก ที่หลายคนจดจำเธอได้จากผลงานเรื่อง An Education (2009)

ความสัมพันธ์ของเอ็มม่าและเด็กซ์เตอร์เริ่มขึ้นหลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เอ็มม่าเป็นหญิงสาวที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียน เธอหน้าตาน่ารักแบบเนิร์ดๆ ขาดความมั่นใจในบางครั้ง แต่เปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ ส่วนเด็กซ์เตอร์นั้นเป็นหนุ่มหน้าตาดี มีเสน่ห์ และเติบโตมาในครอบครัวมีฐานะ บ่อยครั้งเขาจึงทำตัวไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่สักที ทั้งสองเกือบจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่แล้วกลับจบลงด้วยการเป็นเพื่อน ในวันที่ 15 กรกฎาคมของทุกๆ ปี พวกเขาจะกลับมาพบเพื่อลาอีกครั้งและอีกครั้ง

เอ็มม่าและเด็กซ์เตอร์เติบโตกันไปคนละทิศละทาง เข้าใกล้ความฝันบ้าง ไม่เข้าใกล้ความฝันบ้าง มีจังหวะที่ดี มีจังหวะที่แย่ มีบางเวลาที่บาดหมาง มีบางเวลาที่โหยหา ชีวิตพวกเขาเต็มไปด้วยจิ๊กซอว์ที่ประกอบไม่เคยเต็มสักที แต่การที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขและประสบความสำเร็จก็มากพอที่จะทำให้พวกเขายิ้มได้ มิตรภาพนั้นก่อตัวเป็นความรักที่เหนียวแน่น เราได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไรพวกเขาจะรู้ตัว และหวังว่าการรู้ตัวนั้นจะไม่สายเกินไป ไม่ล่าช้าจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม

No Strings Attached (2011)

ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ ที่มีชื่อดั้งเดิมของสคริปต์ว่า Fuck Buddies แต่ชื่อนี้ไม่ผ่าน MPAA (สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติอเมริกา) จากนั้นชื่อจึงถูกเปลี่ยนเป็น Friends with Benefits แต่ก็ดันไปซ้ำกับภาพยนตร์อีกเรื่อง จนมาลงเอยด้วยชื่อ No Strings Attached 

แรกเริ่มนาตาลี พอร์ตแมน มาพูดคุยกับนักเขียนบท อลิซาเบธ เมอริเวเธอร์ เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องอื่น แต่เธอก็ได้ยินรายละเอียดคร่าวๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และให้ความสนใจในระดับหนึ่ง นับแต่นั้นอลิซาเบธก็พัฒนาตัวละครโดยมีนาตาลีเป็นต้นแบบ ถึงที่สุดแล้วนาตาลีก็เป็นนักแสดงที่ได้รับบทนี้ไป

อดัมและเอ็มม่าพบกันครั้งแรกในช่วงวัยรุ่นที่ค่ายฤดูร้อน แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นในวัยที่ไร้เดียงสา พวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกันอีก เหตุการณ์ผันผ่านจนพวกเขาก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ เอ็มม่าเป็นแพทย์หญิง ส่วนอดัมเป็นผู้ช่วยรายการโทรทัศน์

ในไม่ช้าอดัมก็พบกับเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อเขารับรู้ว่าพ่อมีความสัมพันธ์กับแฟนเก่าตัวเอง ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาดื่มจนเมามายพร้อมกับกดโทรศัพท์ไปด้วย อดัมตื่นมาในเช้าอีกวันบนโซฟาของเอ็มม่า แล้วความสัมพันธ์แบบไร้ข้อผูกมัดก็เริ่มต้น เซ็กส์จะจบลงแค่เซ็กส์ ไม่มีการหึงหวง ไม่มีการแสดงความรัก แต่ใครเล่าจะไว้ใจหัวใจตัวเองได้ เรื่องเริ่มยุ่งยากขึ้นเมื่ออดัมมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา การโกหกคนอื่นอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่าการโกหกตัวเอง สิ่งที่ทั้งสองหลีกเลี่ยงมาตลอดดันเกิดขึ้นจริง แล้วมันก็นำไปสู่เวลาที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเพื่อสะสางความรู้สึกตัวเอง จริงๆ แล้วเซ็กส์ที่เรามอบให้กันมันปราศจากความรักจริงๆ หรือ?

The Perks of Being a Wallflower (2012)

The Perks of Being Wallflower สร้างจากนวนิยายของสตีเฟน ชบอสกี้ ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1999 สตีเฟนใช้เวลาในการสร้างสรรค์นวนิยายเรื่องนี้นานถึง 5 ปี เขาสร้างตัวละครและแง่มุมต่างๆ ของเรื่องราวจากความทรงจำของตัวเอง โดยเนื้อหาพูดถึงทั้งเรื่องเพศ การกระทำชำเรา ยาเสพติด บุคลิกของคนไม่เข้าสังคม รวมถึงเรื่องของสุขภาพจิต

ฉบับหนังสือนั้นถูกแบนจากโรงเรียนบางแห่ง เนื่องจากเนื้อหาและภาษาที่ไม่เหมาะสม แต่บางแห่งก็สนับสนุนให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา

ชีวิตของชาร์ลีกำลังเข้าสู่ช่วงไฮสคูล ช่วงวัยที่เขาควรจะมีความสุขและเพื่อนฝูงรายล้อม แต่เปล่าเลย ชาร์ลีเป็นเด็กหนุ่มที่พูดน้อย เข้าสังคมไม่เก่ง เก็บตัว และมีบาดแผลทางจิตใจที่แสนเศร้า เขาพยายามอยู่บ้างในการเข้าหาคนอื่น จนวันหนึ่งก็ได้พบกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ ที่ทำให้ความเปลี่ยนแปลงเดินทางมาถึง

ชาร์ลีพบกับ ‘เธอ’ และ ‘เขา’ นั่นคือ แซมและแพทริค สองพี่น้องที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แล้วการตกหลุมรักก็เกิดขึ้น เขาหลงรักแซม หญิงสาวผมสั้นที่มีแววตาบอบช้ำซ่อนอยู่ แต่ชาร์ลีก็อกหักอย่างรวดเร็ว เพราะเธอมีแฟนอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนอันคลุมเครือจึงอบอวลอยู่เป็นชั้นบางๆ ระหว่างพวกเขา

ความสุข ความเศร้า ความชื่นมื่น และความเจ็บปวด ประเดประดังเข้ามาหาชาร์ลี แต่ใช่ว่าจะมีแค่เขาคนเดียวที่แบกรับมันไว้ เพราะคนอื่นๆ ก็มีมันไม่ต่างกัน เราต่างขุดหลุมเพื่อกลบฝังความทรงจำอันเลวร้าย แต่สักวันมันก็จะตะกายขึ้นมาใหม่ มายืนอยู่ตรงหน้าและรอให้เราจัดการอะไรสักอย่างกับมัน อย่างที่เราจะยอมรับได้ และไม่วิ่งหนีมันอย่างหัวซุกหัวซุนอีกต่อไป

What If (2013)

What If ภาพยนตร์ฟอร์มเล็กที่ผสมผสานความรักและความขบขันเข้าไว้ด้วยกัน นำแสดงโดยแดเนียล แรดคลิฟฟ์ และโซอี้ คาซาน แม้ว่าในอเมริกาภาพยนตร์จะมีชื่อว่า What If แต่ในแคนาดาและอังกฤษกลับชื่อว่า “The F Word” ซึ่งมันถูกเปลี่ยนเพื่อหลีกเลี่ยงเรท R สำหรับฉายในฮอลลีวูดนั่นเอง

เรารู้จักกันในวันที่สายเกินไป ประโยคนี้มักเกิดขึ้นเมื่อความสัมพันธ์ของคนสองคนมีอะไรบางอย่างมาขว้างกั้น โดยเฉพาะถ้าอีกคนมีคนรักอยู่แล้ว วอลเลซคือเภสัชกรหนุ่มช้ำรัก เขาเพิ่งทำใจได้จากความรักครั้งเก่า แล้วไม่ทันไรพรหมลิขิตก็พาเขามาพับกับแชนทรี วอลเลซตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ ความเข้ากันของพวกเขาทำให้หัวใจหวั่นไหว แต่ทุกอย่างก็ไม่อาจพัฒนาไปไกลกว่านั้นได้ เพราะแชนทรีมีคนรักอยู่แล้ว

วอลเลซตกอยู่ในสถานะเพื่อนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาพยายามรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้ทุกอย่างพังลงและไปไกลมากกว่านั้น แต่มันจะทำได้ตลอดรอดฝั่งจริงหรือ? ลึกๆ แล้วใจเขาก็อยากจะบอกออกไปว่าอะไรเป็นอะไร แถมบ่อยครั้งชีวิตก็ปล่อยให้พวกเขาใกล้ชิดกันเกินไปด้วย ทุกอย่างคล้ายดำเนินไปเพื่อรอวันแตกหัก ฝ่ายหนึ่งต้องเฝ้าถามตัวเองว่าเราอยากรักษาความเป็นเพื่อนไว้ตลอดไปไหม หรือจะสารภาพทุกอย่างแล้วปล่อยกันและกันไปตามทาง ผลลัพธ์อาจไม่คุ้มเสี่ยง แต่ถ้าทรมานใจไปนานๆ ก็ไม่คุ้มกับตัวเองเหมือนกัน!

Love, Rosie (2014)

ภาพยนตร์มีเค้าโครงเรื่องมาจากนวนิยายเรื่อง Where Rainbows End ผลงานของนักเขียนหญิง ซีซีเลีย อเฮิร์น โดย Love, Rosie นับเป็นผลงานเรื่องที่สองของเธอที่ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องแรกได้แก่ P.S. I Love You (2007) สร้างจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2004

คนเราจะพลัดพรากจากกันได้กี่ครั้ง? หนึ่งครั้ง สองครั้ง หรือครั้งแล้วครั้งเล่า… โรซี่กับอเล็กซ์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองมีความรู้สึกดีๆ มอบให้กัน แต่ก็ไม่เคยล้ำเส้นไปมากกว่านั้น พวกเขาคิดไว้ว่าเมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วคงได้อยู่ใกล้กันมากกว่านี้ ซึ่งนั่นไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพราะโรซี่พลาดท่าตั้งท้องเสียก่อน ชีวิตมหาวิทยาลัยและความใฝ่ฝันต้องถูกพับเก็บ เธอกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว โดยที่ไม่บอกให้อเล็กซ์ได้รู้

ทั้งคู่มีเหตุให้พบและพรากกันบ่อยครั้ง อุปสรรคมาจากทั้งความไม่แน่นอนของหัวใจและการไม่เด็ดขาดในความรู้สึก พวกเขาไม่ไปทางไหนเลยนอกจากการย่ำอยู่กับที่ เมื่อเลือกที่จะก้าวเท้าออกไปจากตรงนั้น มันก็เป็นเส้นทางที่ไม่อาจมาบรรจบกันอีกต่อไป

ตลอดเส้นทางของลมหายใจ เราต้องตัดสินใจเลือกอยู่เสมอ และบางทีการเลือกนั้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเพียงคนเดียว มันประกอบไปด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มากมาย เราต้องชั่งน้ำหนักถึงสิ่งที่จะตามมาอย่างถี่ถ้วน เราไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้เสมอ เพราะผลกระทบไม่ได้ส่งผลแค่กับเรา แต่ส่งผลกับคนอื่นๆ ด้วย