“แม้จะไม่มีแฟน อย่างน้อยที่สุดคุณก็ช้อปปิ้งแบบบ้าคลั่งได้”  (Even if you don’t have a boyfriend or girlfriend, you can at least shop like crazy) คือสโลแกนที่อาลีบาบาเคยใช้เพื่อติ๊ต่างวันที่ 11.11 (วันที่ 11 เดือน 11) ให้กลายเป็นวันช้อปปิ้งขึ้นมา โดยได้แรงบันดาลใจจาก ‘ขนมป๊อกกี้’ ที่หนึ่งในทีมการตลาดหยิบมากินแล้วก็ดันมีคนพูดขึ้นมาว่า ในเกาหลีใต้ ป๊อกกี้เหมือนกิ่งไม้ไร้ใบ ซึ่งสำหรับคนจีนแล้ว กิ่งไม้ที่ไม่มีใบหมายถึงผู้ชายที่ยังเป็นโสด นับแต่ปี 1993 นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ในมหาวิทยาลัยนานจิงที่ประเทศจีน เริ่มมีธรรมเนียมฉลองวันคนโสดในวันที่ 11/11 ด้วยการให้ขนมป๊อกกี้กับเพื่อน เพราะเลข 1 แทนความโดดเดี่ยว สิบกว่าปีให้หลัง ธรรมเนียมเหล่านี้ก็กลายมาเป็นแคมเปญการลดราคาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แดเนียล จาง ซีอีโอของอาลีบาบา เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในวันคนโสดเมื่อปีที่แล้ว (2018) ว่า การริเริ่มวันช้อปปิ้งนี้ขึ้นมาในปี 2009 มาจากความพยายามคิดหาวิธี ว่าจะทำอย่างไรให้คนรู้จักแพลตฟอร์มออนไลน์ มองมันเป็นร้านค้า และหวังว่าจะชวนให้ร้านค้าออนไลน์เข้ามาอยู่ในเถาเป่า มอลล์ หรือทีมอลล์กันมากขึ้น ซึ่งทีมงานของอาลีบาบาพยายามมองหาโอกาสทางธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน ที่ปกติแล้วธุรกิจค้าปลีกมักจะเงียบเหงา เพราะเพิ่งผ่านช่วงวันหยุดโกลเดนฮอลิเดย์ (วันชาติจีน) ของจีนซึ่งคนใช้เงินจับจ่ายไปแล้ว และอยู่ก่อนถึงช่วงช้อปปิ้งเทศกาลคริสต์มาส 

ทีมอาลีบาบาจึงใช้คอนเซ็ปต์ ‘วันคนโสด’ มาโปรโมท ให้กลายเป็นวันช้อปปิ้งโลก ที่แม้จะเริ่มจากค่ายอาลีบาบา แต่เมื่อผ่านเข้าสู่ปีที่ 11 ตอนนี้ ค่ายอีคอมเมิร์ซ ทั้งที่เป็นคู่แข่ง และร้านค้าในโลกตะวันตก ต่างก็กระโจนเข้ามาในเกมนี้ด้วย 

แดเนียล จาง ซีอีโอของอาลีบาบา

จนตอนนี้ วันคนโสดกลายเป็นวันช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า แบล็กฟรายเดย์ และไซเบอร์มันเดย์ ของโลกตะวันตกไปแล้ว The Momentum สำรวจจุดเด่นของบรรยากาศการช้อปออนไลน์ในวันคนโสดมา ว่าปีนี้มีไฮไลต์อะไรน่าสนใจบ้าง

เทย์เลอร์ สวิฟท์ เตรียมตัวขึ้นเวทีวันคนโสดในปีที่ 11

งานเคาต์ดาวน์กาล่า คือไฮไลต์เด่นของงาน Single Day ซึ่งกลางเวทีจะโชว์เวลาและยอดขาย ที่นับถอยหลังการช้อปปิ้ง 24 ชั่วโมง สลับไปกับการแสดงแสงสีเสียง ไฮไลต์ที่ใครๆ ต่างก็จับตาเฝ้าดูก็คือจะมีศิลปินคนไหนมาขึ้นเวที (เหมือนที่คนจับตาทุกปีว่าศิลปินรายไหนจะได้ขึ้นเวทีซูเปอร์โบว์ล) ปีที่แล้ว (2018) มีดาราและนักร้องอย่างมิแรนดา เคอร์ มารายห์ แครี เจย์ โชว์ และโคโค ลี เข้าร่วม ส่วนปีนี้ ดาวเด่นในงานที่จะมาขึ้นเวที ก็คือนักร้องดังสัญชาติอเมริกันอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟท์

เทย์เลอร์ สวิฟท์ บนเวทีคอนเสิร์ต 2019 MTV Video Music Awards
(ภาพเมื่อ 26 สิงหาคม 2019 ภาพโดย ANGELA WEISS / AFP)

ไลฟ์สตรีมขายของ เป็นเทรนด์ที่แพรวพราวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

สินค้าที่ร่วมแคมเปญลดราคา มีตั้งแต่รองเท้าผ้าใบ ไปจนถึงเครื่องเพชรและรถยนต์ และปีนี้ การตลาดที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์ และการ ‘ไลฟ์สตรีมขายของ’ ที่เราต่างคุ้นเคยกันในสังคมย่อยๆ ก็ขยายตัวออกมาเปิดประสบการณ์ระดับโลก และเข้ามามีบทบาทหนักขึ้น โดยอาลีบาบาจับมือกับแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นยอดนิยมในจีนอย่าง ไควโฉว (Kuaishou) และ เตาอิน (Douyin) หรือ TikTok เพื่อเปิดพื้นที่การไลฟ์ขายของจำนวนมาก และยังดึงเอาเซเลบคนดังอย่าง คิม คาร์เดเชียน ที่ใช้วิธีไลฟ์ผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว ประกาศเมื่อวันพุธ (6 พฤศจิกายน) ว่า น้ำหอมแบรนด์ KKW ของเธอ ก็จะมีวางขายในทีมอลล์ แถมยังจะลดราคาในวันที่ 11.11 ด้วย

อาลีบาบาโปรโมทให้แบรนด์ต่างๆ หันมาใช้วิธีไลฟ์สตรีมประกาศพรีเซลล์ โดยมีแบรนด์ต่างๆ เข้าร่วมถึง 17,000 แบรนด์ เสียวหมี่ก็ใช้วิธีนี้ ซึ่งสามารถเข้าถึงคนดูได้กว่าสองแสนคน เทรนด์การไลฟ์สตรีมนี้เริ่มมีโปรโมชั่นแฝงที่แพรวพราวมากยิ่งขึ้น เช่น ชวนให้ดูคลิปจนจบเพื่อแลกกับโค้ดลดราคา ซึ่งส่วนใหญ่ คลิปขายของหนึ่งๆ จะกินเวลาไม่เกิน 30 นาที

 

ตั้งเป้ายอดขายปี 2019 ที่ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อาลีบาบาตั้งเป้ายอดขายวันคนโสดปีนี้ที่ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อน 20.5% ที่ทำยอดไว้ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราการเติบโตรอบนี้อาจจะน้อยกว่าปีที่แล้วที่เติบโตที่ 27% 

หวังเสี่ยวเฟิง นักวิเคราะห์ระดับสูงของ Forrester มองว่า ยอดการเติบโตที่ช้าลงนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นเรื่องยากที่จะเติบโตด้วยเลขสองหลักตลอดเวลา นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เขามองแง่ดีว่านี่ยังเห็นสัญญาณการเติบโต และมันยังคงครองตำแหน่งเป็นตลาดขนาดใหญ่อยู่

 

สงครามการค้า สหรัฐ-จีน กระทบบรรยากาศการจับจ่าย

เนื่องจากวันคนโสดกลายเป็นวันช้อปปิ้งทั่วโลกที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเทศจีน และไม่ได้อยู่แค่ค่ายอาลีบาบาอีกต่อไปแล้ว ร้านค้าทั้งหลายต่างก็เตรียมโปรโมชั่นมาจัดเต็มในวันที่ 11.11 

แต่บรรยากาศที่ยังคงมาคุของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเอง อาจมีผลต่อทัศนคติของผู้บริโภคอยู่บ้าง โดยการสำรวจของ AlixPartners ที่สำรวจผู้บริโภคชาวจีนกว่า 2,000 คน พบว่าผู้บริโภคชาวจีนมีแผนจะจับจ่ายมากกว่าปีที่แล้วถึง 54% แต่มีถึง 78% ที่บอกว่าอาจจะลังเลถ้าสินค้านั้นเป็นของสหรัฐฯ ตามกระแสชาตินิยมที่มีในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน (แต่ว่า เทย์เลอร์ สวิฟท์ มาขึ้นเวทีนะ)

 

 

อ้างอิง:

Tags: , , , ,