ย้อนรอยดูวาทะแห่งปีในปี 2562 ที่ผ่านมา ผ่าน 10 คำพูดจาก 10 ผู้ที่มีชื่อเสียงหรือเหตุการณ์ดัง ที่กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลมีเดียในช่วงนั้น หรือกลายเป็นแฮชแท็ก เป็นคำพูดหรือประโยคที่ถูกนำมาขยายต่อ ใช้ต่อในรูปแบบต่างๆ ทั้งการกลายเป็นมีม นำไปล้อเลียน เสียดสี หรือแม้กระทั่งถูกนำไปใช้โดยคนทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าวาทะเหล่านั้นเด็ดดวงและทรงอิทธิพลจริง

  1. “ดิฉันทำ MOU ไว้แล้ว ก็ถามเพื่อนๆ ดูสิคะ” ปารีณา ไกรคุปต์ 

ชื่อของปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคพลังประชารัฐ กลายมาเป็นดาวเด่นในการเมืองไทยหลังการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ ด้วยกิริยา วาจา และท่าทีของเธอทั้งในและนอกสภา ทุกๆ การเคลื่อนไหวของเธอกลายมาเป็นข่าว เป็นกระแสที่ได้รับการพูดถึงในโลกโซเชียลมีเดียเสมอ จนเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีวันไหนที่เธอไม่ได้พื้นที่ข่าว

จนเมื่อเกิดคดีปมที่ดินฟาร์มไก่ ส.ป.ก. 1,700 ไร่ ว่าบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ สื่อมวลชนก็เกาะติดการเคลื่อนไหวของปารีณาอีกครั้ง และประโยคการตอบคำถามผู้สื่อข่าวอันลือลั่นนี้ ก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งวาทะเด็ด เพราะเธอได้เซ็น MOU ไว้แล้ว แต่แม้แต่นักข่าวเองก็ยังงงว่าเป็นการเซ็น MOU กับใคร จนทำให้คำว่า ‘เซ็น MOU’ กลายเป็นสิ่งที่ได้รับการพูดถึงอย่างถล่มทลาย และคดีนี้ก็กลายเป็นคดีในการวัดมาตรฐานการทำงานของภาครัฐว่าจัดการด้วยความยุติธรรมหรือไม่ 

  1. “ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแบบนี้” ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

ตลอดกว่า 5 ปี ในการเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. และอีกยังไม่ถึงปี ในฐานะนายกรัฐมนตรีจากการเสนอชื่อของพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีวาทะเด็ดไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละการตอบคำถามนักข่าว หรือการปรากฏตัว ทั้งด้วยความโมโหโกรธา ใช้อารมณ์ ความพยายามสร้างความตลกขบขัน หรือแม้กระทั่งความพยายามสั่งสอน ให้ข้อมูล หรือแสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ที่นำมาซึ่งการตั้งคำถามมากมาย ทั้งวุฒิภาวะ สติปัญญา ของความเป็นผู้นำ หรือความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นในทุกๆ วาทะเด็ดของนายกรัฐมนตรีผู้นี้

ประโยคนี้เป็นประโยคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งที่จริงในวันนั้นเต็มไปด้วยวาทะเด็ดมากมาย ทั้งทีเล่นทีจริง เล่นมุก เสียดสี ด่าทอ ย้อนแย้ง แต่ทั้งหมดนั้น หรือรวมไปถึงตลอดเวลาที่เป็นนายกรัฐมนตรีมา สามารถสรุปจบได้ในประโยคนี้ ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะ “ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแบบนี้”

  1. “ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

หากจะมีนักการเมืองหน้าใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในเวทีการเมืองไทยในช่วงเวลาการกลับเข้าสู่ระบอบเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ นอกจากปารีณา ไกรคุปต์ แล้ว ก็เห็นจะเป็นธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่คนนี้ กับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขาเปิดตัวลงเล่นการเมืองในนามพรรคอนาคตใหม่ จนพรรคฯ สามารถได้ที่นั่งสูงสุดเป็นอันดับสามในการเลือกตั้งครั้งนี้

แต่สุดท้ายในฐานะ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีโอกาสได้ทำงานในฐานะส.ส.ได้ไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะโดนแขวน ยุติการทำงานชั่วคราวจากรกรณีหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย และในที่สุดก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้หมดสภาพการเป็น ส.ส. ประโยคการตอบคำถามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ขึ้นชี้แจงต่อศาล ซึ่งต่อมากลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียลมีเดียนี้ คงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขา #กลัวที่ไหน 

  1. “แล้วสักวันจะรู้ว่าทำไมไม่ควรพูด” วิษณุ เครืองาม 

ประเด็นใหญ่ในเรื่องการเมืองอีกหนึ่งประเด็นของปี 2019 ก็คือ การถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งแม้จะมีการสอบถามจากนักข่าวแต่คำตอบของนายกรัฐมนตรีก็เหมือนไม่ได้ตอบ รวมไปถึงการตั้งกระทู้ถามในการอภิปรายทั่วไปของฝ่ายค้าน 

รวมไปถึงคำตอบของวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและมือกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งตอบคำถามนักข่าวอย่างมีนัยปริศนา และสุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติไม่รับคำร้องเรื่องนี้ไว้พิจารณา เพราะไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบ ยิ่งทำให้คำกล่าวของวิษณุ เครืองาม นั้นน่าสนใจ และสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีหลายเรื่องเสียจริงที่ ‘ไม่ควรพูด’

  1. “อีกะเทย มึงสิกะเทย” คลิปรถตู้ 

จากคลิปไวรัลในโลกโซเชียลมีเดีย ว่าด้วยการทะเลาะกันของพระสงฆ์รูปหนึ่งกับผู้ใช้บริการรถตู้อีกคนหนึ่ง ที่โด่งดังเป็นที่พูดถึงเริ่มต้นในวงแคบๆ เฉพาะกลุ่ม กลายมาเป็นประโยคที่มีการใช้แพร่หลายมากขึ้น ถูกนำไปเป็นลายสกรีนเสื้อ ต่างหูหรือเครื่องประดับอื่นๆ แม้กระทั่งกลายไปเป็นบทพูดในซีรีส์หรือภาพยนตร์อย่างในเรื่อง ‘ไดอารี่ตุ๊ดซี่’ 

“อีกะเทย มึงสิกะเทย” ทำให้เห็นถึงการก่อเกิดเทรนด์ หรือวัฒนธรรมย่อย ที่มาจากกลุ่ม LGBT ที่มักเติบโตขึ้นมาเป็นวัฒนธรรมแมสในสังคมเสมอ ไม่ว่าเป็นศัพท์แสงต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ (หรือล่าสุดอย่างคำว่า “…มากแม่” ทั้งหลาย) จนมาถึงประโยคด่าทอ “อีกะเทย มึงสิกะเทย” ที่กลายมาเป็นเรื่องล้อเล่น ขำขันที่สุดท้ายแม้แต่ชายจริงหญิงแท้หรือผู้ที่ไม่ค่อยได้ท่องยุทธจักรโซเชียลฯ เท่าไรก็ยังต้องไปหาต้นขอที่มาของคำดังกล่าว เพื่อที่จะได้ #คุยกับเขารู้เรื่อง

  1. “เป็นหนู หนูไม่ถามนะคะ มารยาทนิดนึงอ่ะค่ะ” เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ 

นักข่าวบันเทิงกับดาราเป็นของคู่กัน แต่ในอดีตนั้นน้อยครั้งที่ดาราจะกล้าต่อกรกับนักข่าว ด้วยความเป็นฐานันดรที่ 4 ที่ (เคย) สามารถชี้เป็นชี้ตายใครได้ด้วยการเขียนข่าว แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว เราได้เห็นดาราอย่างพลอย เฌอมาลย์ ที่ตอบโต้นักข่าวจนถูกแบน หรือกรณีของแมท ภีรนีย์ 

และในปี 2019 กับกรณีของเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ซึ่งถูกนักข่าวถามในช่วงที่กำลังจะแต่งงานกับแฟนหนุ่ม มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร ว่า “มีข่าวลือว่ามิกกี้คบกับเจนี่ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับแฟนเก่า?” ก่อนที่เธอจะสวนกลับด้วยการว่ากล่าวว่าคำถามนั้นไม่ควรถาม ไม่มีมารยาทในแบบที่ได้ใจชาวโซเชียลฯ จนกลายเป็นวาทะเด็ด และเป็นการทำให้เห็นอำนาจและความสัมพันธ์แบบใหม่ระหว่างดาราและนักข่าวอีกด้วย

  1. “น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า” ไพบูลย์ นิติตะวัน

ถ้าหากมีการมอบแคมเปญการเมืองดีเด่น ในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา รางวัลชนะเลิศคงจะต้องตกเป็นของพรรคประชาชนปฏิรูป ของไพบูลย์ นิติตะวัน อย่างแน่นอน ด้วยแคมเปญการนำเอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้เป็นนโยบายของพรรคในการหาเสียง โดยเฉพาะข้อความเต็มบนป้ายหาเสียงที่ว่า “น้อมนำคำสนอพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา ‘ทุกข์ร้อน’ ให้ประชาชน” จนเกิดการล้อเลียนและวิจารณ์กันอย่างหนาหูในช่วงนั้น

และด้วยวิธีการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แบบใหม่ ทำให้พรรคประชาชนปฏิรูปได้ส.ส. 1 ที่นั่ง ซึ่งก็คือไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคนั่นเอง และในวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาไพบูลย์ นิติตะวัน ก็ได้ยื่นยุบพรรคตนเอง และย้ายสังกัดเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐ พร้อมตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ซึ่งไม่แน่ใจว่าได้น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปด้วยหรือไม่ หรือทิ้งไว้กับอดีตพรรคที่ยุบไปแล้ว 

  1. “How Dare You!”  เกรตา ธันเบิร์ก

คงไม่มีบุคคลระดับโลกคนใดจะโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปมากกว่าเด็กสาววัย 16 ปีจากประเทศสวีเดนคนนี้ เกรตา ธันเบิร์ก ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่ง ‘บุคคลแห่งปี 2019’ จากนิตยสารไทม์ล่าสุด จากการเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนทั่วโลกลุกขึ้นมาสร้างพลังกดดันผู้กำหนดนโยบายของประเทศให้มีมาตรการที่เข้มงวดและเร่งด่วนในการหยุดยั้งปัญหาเรื่องโลกร้อน 

และเมื่อกล่าวถึงเกรตา ธันเบิร์ก แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่กล่าวถึงประโยคอันลือลั่น “How Dare You!” ของเธอ บนเวทีการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสภาพภูมิอากาศที่จัดขึ้น ณ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 กันยายน ซึ่งก่อให้เกิดกระแสทั้งชื่นชมและโจมตีตามมา ลามไปถึงเรื่องบุคลิก ท่าทางที่ดุดันแข็งกร้าว และอาการของแอสเพอร์เกอร์ของเธอ ซึ่งเกรตา ธันเบิร์ก จัดการกับสิ่งที่้เกิดขึ้นได้อย่างมีวุฒิภาวะ และเจ็บแสบ เหมือนดังที่เธอเปลี่ยนโปรไฟล์ทวิตเตอร์ใหม่ทุกครั้งที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงเธอนั่นแหละ 

  1. “เป็นเหมือนพวกฮ่องเต้ซินโดรม” อภิรัชต์ คงสมพงษ์ 

หนึ่งในตัวละครทางการเมืองที่สำคัญอีกหนึ่งคนในปี 2019 ก็คือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก โดยเฉพาะการบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง’ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ณ หอประชุมกิตติขจร ในกองบัญชาการทองทัพบก ซึ่งดูราวกับงาน TED Talk แต่เมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่พูดในวันนั้นกลับกลายเป็นทอล์กที่ต้องมาจับประเด็นเรื่องข้อเท็จจริงเสียมากกว่า

หนึ่งในประเด็นที่ถูกนำไปขยายต่อมากที่สุดก็คือคำว่า ‘ฮ่องเต้ซินโดรม’ ซึ่งกล่าวถึงคนที่เกิดมาร่ำรวย เอาแต่ใจ เพราะถูกพ่อแม่ตามใจ แต่ไม่นานก็ถูกกระแสพลิกกลับว่า ตัว พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งมีทรัพย์สินถึง 4 พันล้านบาท ทรัพย์สินนั้นมาจากไหน ในขณะที่เงินเดือนทหารระดับพลเอกอยู่ที่ 76,604 บาทต่อเดือนเท่านั้นเอง หรือบางทีไม่แน่ใจว่าอาการฮ่องเต้ซินโดรมนี้ จะรวมถึงใครบ้าง

  1. “ให้มาเป็นยามที่บ้านยังไม่เอา” เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

หากจะมีใครในพื้นพิภพนี้ที่สามารถต่อกร ต่อปากต่อคำกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ เห็นทีคงจะมีแต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เท่านั้น โดยเฉพาะในวันประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายถึงพล.อ. ประยุทธ์ ว่า “อย่าว่าแต่ผมจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย แม้แต่ยามที่บ้านผมก็ไม่เอา เดี๋ยวด่าคนมาหาผมกระเจิดกระเจิงหมด ผมไม่เอา” 

ตามมาด้วยในวันที่ 25 กรกฎาคม ในการอภิปรายของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่พาดพึงถึงการตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ และการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จนทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่พอใจ ลุกขึ้นพูดโดยไม่ได้ขออนุญาตประธานสภา พร้อมประกาศตัดรุ่น ไม่ถือเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อีกต่อไป พร้อมเดินออกจากที่ประชุม จนกลายเป็นมวยถูกคู่ที่ฉะกันเมื่อใดต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกน็อคเป็นแน่ 

Tags: , , , , , , , , , ,