‘อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 6-7 ปี ความรู้ของคุณจะเทียบเท่ากับนักศึกษาปริญญาตรี’

ผมเคยอ่านเจอประโยคดังกล่าวในช่วงที่กำลังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ทราบดังนั้นแล้วจึงเข้าข้างตัวเองด้วยการโดดเรียนแล้วเข้าห้องสมุด อ่านหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับที่แขวนอยู่ ตลอดชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ผมทำแบบนี้ติดต่อกันถึง 5 ปี พลางรู้สึกภาคภูมิใจ คิดเองเออเองว่าผมกำลังจะได้ใบปริญญา 2 ใบ

ผมไม่ได้จะมาเล่าวีรกรรมการโดดเรียนที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่างหรอกนะครับ แต่พอมองย้อนกลับไป ผมพบว่าการอ่านหนังสือพิมพ์อย่างบ้าคลั่งในช่วงเวลานั้น มันส่งผลให้เด็กโง่ๆ คนหนึ่งที่ไม่รู้จักแม้แต่ว่า ‘เหตุการณ์ 6 ตุลา กับ 14 ตุลา’ ต่างกันอย่างไร เติบโตมาโลดแล่นอยู่ในวงการสื่อสารมวลชนได้

สำหรับผม หนังสือพิมพ์หรือสื่อทุกประเภท ทั้งนิตยสารไปจนถึงเว็บไซต์ข่าวไม่ได้เป็นแค่ตัวกลางในการรายงานข่าวสาร แต่ถือเป็น ‘ครูคนสำคัญ’ ที่สอนความรู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ถ่ายทอดบทเรียนแห่งยุคสมัย เป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ ที่แนะนำวิธีคิดที่เป็นประโยชน์กับชีวิต และในบางครั้งก็เป็นได้ถึง ‘ผู้ชี้ทาง’ ให้กับคนที่กำลังหลงทาง ผ่านการนำเสนอที่สนุก เซ็กซี่ มีเสน่ห์ และเข้าถึงง่าย

ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า สื่อมีพระคุณกับผมและทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนในวันนี้

แต่ก็อย่างที่รู้ครับว่า พฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก โลกออนไลน์กลายเป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร ทำให้สื่อหลายเจ้าต้องปรับตัวหนีตายกันจ้าละหวั่น เช่นเดียวกับผู้ผลิตคอนเทนต์เองที่ก็ต้องเพิ่มพูนทักษะใหม่ๆ

4-5 ปีที่ผ่านมา ผมได้ยินหลายคนบ่นว่านิวส์ฟีดคือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยข่าวดราม่า จิกกัด ล่อเป้า และไม่ค่อยมีคุณภาพ เราเห็นการขยี้ในมุมที่สร้างความแตกแยก ใช้เฮดไลน์ที่ล่อเป้าก่อความขัดแย้ง ปั้นข่าวที่ไม่มีประเด็นให้มีประเด็น หรือตั้งกระทู้ปูเสื่อรอให้เกลียดชังกัน

พอได้ยินใครพูดดังนั้น ผมก็จะเถียงขาดใจ เพราะผมก็ยังเห็นสื่อออนไลน์คุณภาพที่ทำข่าวเจาะลึก เนื้อหาเข้มข้น แต่ก็นั่นแหละ เมื่อบอกใครไป เขาก็จะตีกลับมาว่า มันอาจจะน่าเบื่อและไกลตัวไปหน่อย

ต้องขอย้ำว่า ผมไม่ได้มีปัญหากับข่าวทั้งหมดที่ว่ามา ผมเคารพทุกความเชื่อ ความชอบ และรสนิยมส่วนบุคคล เพียงแต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีทางเลือกอื่นบ้าง

ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่ายังมีคนบนโลกออนไลน์อีกมากที่ต้องการเสพข่าวสร้างสรรค์ มีสาระ ไม่เอียง ไม่แคบ ไม่ดราม่า เปิดกว้างทุกความคิดเห็น มุ่งสร้างความเข้าใจ และเสนอทางออกให้สังคม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสนุก เข้าถึงง่าย และใกล้ตัว

The Momentum เกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลนี้

หากบทความในกรอบหน้าหนังสือพิมพ์เคยเปลี่ยนแปลงผมให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้ แล้วทำไมคอนเทนต์บนหน้าจอทัชสกรีนจะสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้นไม่ได้

The Momentum คือสำนักข่าวออนไลน์สำหรับยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงครับ เรามุ่งนำเสนอคอนเทนต์สดใหม่รายวันทันสถานการณ์ในรูปแบบมัลติมีเดีย 360 องศา ทั้งบทความ ภาพถ่าย ภาพประกอบ อินโฟกราฟิก วิดีโอ พอดแคสต์ เฟซบุ๊กไลฟ์ ไปจนถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ยืดหยุ่นไปตามพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

ยุคนี้ทำความรู้ให้เซ็กซี่อาจไม่พอ ต้องใส่ซิกซ์แพ็กเข้าไปด้วย

ด้วยความเชื่อที่ว่าสื่อมีพลังที่จะจุดประกายความคิดคนได้ โจทย์ในการคิดคอนเทนต์ของเราจึงมุ่งไปที่ชีวิตของคนเป็นหลัก

เราเชื่อว่าแก่นหลักในการมีชีวิตอยู่ของคนประกอบไปด้วย 3 ส่วนสำคัญเท่านั้นครับ

หนึ่ง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

สอง ใช้ชีวิตให้สนุก มีความสุขกับชีวิตส่วนตัวและคนรอบข้าง

หากแก่น 2 ข้อแรกประสบความสำเร็จแล้ว เขาคนนั้นก็จะกลายเป็นข้อที่สาม ซึ่งคือการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคม ไปจนถึงสร้างแรงกระเพื่อมให้กับโลกได้

คอนเทนต์ของ The Momentum จึงเน้นไปที่ 3 แก่นหลักของชีวิต

Momentum – ข่าวสังคมเมืองและโลก ประเด็นร้อนและสำคัญจริงๆ ในแต่ละวัน

Successful – ข่าวธุรกิจสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเคล็ดลับที่จะช่วยสร้างความสำเร็จในหน้าที่การงาน

Happy – ข่าวไลฟ์สไตล์ กินดื่มเที่ยว การพัฒนาตัวเอง และการพัฒนาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

นอกจากคอนเทนต์ข่าวแล้ว เรายังอยากที่จะเป็นศูนย์รวมของผู้นำทางความคิดและผู้เชี่ยวชาญในแต่ละวงการต่างๆ เราพยายามชักชวนคนที่เราชื่นชอบและชมเชยมาช่วยนำเสนอมุมมองที่แตกต่างและหลากหลาย โดยไม่มีการแบ่งสีแบ่งค่าย เช่น หนุ่มเมืองจันท์, โตมร ศุขปรีชา, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, คำ ผกา, ผศ. ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ ไปจนถึงเจ้าของเพจเฟซบุ๊กขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง หนังโปรดของข้าพเจ้า

 

โลกเปลี่ยน คนเปลี่ยน สื่อก็ต้องเปลี่ยนตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ‘คุณค่า’ ของสื่อแบบที่ผมเคยได้รับตอนเรียนมหาวิทยาลัยจะต้องหายไป

หากบทความในกรอบหน้าหนังสือพิมพ์เคยเปลี่ยนแปลงผมให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้ แล้วทำไมคอนเทนต์บนหน้าจอทัชสกรีนจะสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้นไม่ได้

ผมเชื่อว่า ยิ่งโลกออนไลน์เปิดกว้างให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา และทันทีมากขึ้นเท่าไร สื่อออนไลน์ก็น่าจะมีพลังในการมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนได้มากขึ้นเท่านั้น

มาร่วมกันสร้าง Momentum ไปกับเรานะครับ